ขั้นตอนในการทะนุถนอมยางใบปัดน้ำฝน
เชื่อหรือไม่ครับ ว่ายางใบปัดน้ำฝนนั้นสามารถที่จะฝังรอยลึกลงบนเนื้อกระจกบานหน้าเป็นการถาวรได้เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุนั้นก็มาจากการที่เราๆ ท่านๆ ปล่อยปละละเลยไม่ยอมเปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝนนั่นแหละ จนเนื้อยางแข็งเหมือนกระดาษทราย ที่พร้อมจะดักฝุ่นครูดไปกับกระจกบานหน้าได้ตลอดเวลา ที่เราสั่งการผ่านสวิทช์ให้ปัดน้ำฝนทำงาน ยิ่งใครที่เผลอปัดแห้ง (น้ำไม่ฉีด/ฝนก็ไม่ตก) ด้วยล่ะก็ รอยขูดขีดที่กรีดลงไปบนเนื้อกระจกนี่สวยงามราวกับจิตรกรมาเองเลยล่ะครับ
หลายๆ คนที่ให้ความสำคัญกับยางปัดน้ำฝนเฉพาะช่วงฤดูฝน ซึ่งก็ไม่ผิดครับ (ดีกว่าไม่ดูไม่แลเลย) เพราะยางที่ปัดน้ำฝนกับของเหลวที่ตกมาจากฟากฟ้านั้นเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าช่วงเวลาอื่นก็จะปล่อยเลยตามเลยเสียทีเดียว เพราะว่านอกจาก จะทำหน้าที่กวาดเอาน้ำฝนออกจากบานกระจกแล้ว ยางปัดน้ำฝนก็ยังทำหน้าที่เพิ่มทัศนวิสัยให้กับผู้ขับอีกด้วยครับ ทำให้ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ เลือกที่จะเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนเฉพาะช่วงฤดูฝน ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเป็นช่วงเวลาที่เจ้าชิ้นส่วนดังกล่าวนี้ ทำงานได้ดีอย่างคุ้มค่า กับทุกบาทที่เสียไปนั่นเองครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมันหมดฤดูฝนไปแล้ว ยางปัดน้ำฝนจะหมดความจำเป็นไปเสียทีเดียว เพราะว่าบางครั้งเราก็ยังจำเป็นที่จะต้องพึ่งยางปัดน้ำฝนอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่เปลี่ยน ก็มาทำให้ยางปัดน้ำฝน ยังคงความนิ่มไว้ก่อนก็ดี เผื่อต้องใช้ทัศนวิสัยจะได้ชัดเจนทุกช่วงเวลา ว่าแล้วก็ไปดูขั้นตอนการคืนความนุ่มนวลให้กับผิวดำๆ ของยางปัดน้ำฝนกันเลยครับ
– อันดับแรกคือยกก้านปัดน้ำฝนตั้งขึ้นก่อน หรือจะถอดออกมาทั้งก้านเลยก็ได้ครับ เพราะมันจะช่วยให้คุณทำงานได้สะดวกกว่า ตรวจสอบร่องรอยความเสียหาย ของยางปัดน้ำฝน ว่าได้มีการแตกร้าวหรือเนื้อแหว่งหายไปบ้างหรือไม่ เพราะว่าถ้าหนักถึงขนาดนั้น ต้องเปลี่ยนอย่างเดียวครับและก็ไม่ต้องรอให้ถึงฤดูฝนด้วยครับ
– ใช้ผ้าสะอาดชุบ “น้ำส้มสายชู” พอหมาดๆ เช็ดที่ยางปัดน้ำฝนอย่างนุ่มนวลให้ทั่วทั้งชิ้น ตามด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำ เพื่อจะเช็ดคราบน้ำส้มสายชูออกจนหมด จากนั้นเช็ดด้วยผ้าแห้งจนยางปัดน้ำฝนนั้นปราศจากความชื้น
– ใช้ผ้าสะอาดจุ่มปิโตรเลี่ยมเจล เคลือบยางปัดน้ำฝนให้ทั่วทั้งชิ้น จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้เจลแห้ง (อย่างน้อย 10 นาที) ที่เหลือก็แค่เอาก้านปัดน้ำฝนลง (หรือประกอบตามเดิม ในกรณีที่ถอด) เพียงเท่านี้ ยางปัดน้ำฝนก็พร้อมที่จะขจัดคราบน้ำบนกระจกบานหน้า ได้อย่างสะอาดเอี่ยมไปอีกพักใหญ่ๆ แล้วล่ะครับ อย่างน้อยๆ ก็ยืดอายุไปได้อีกนิดโดยไม่ต้องไปเปลี่ยนของใหม่ล่ะน่า
ถึงจะช่วยให้ยางปัดน้ำฝนนุ่มลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ต่อไปกันจนลืมเปลี่ยนของใหม่นะครับ จริงๆแล้วยางปัดน้ำฝนนั้นก็ไม่ได้แพงแต่อย่างใดเลย เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ต้องแปะอยู่กับผิวร้อนๆ ของกระจกบานหน้านานนับปี (บางคันนี่หลายปีด้วย) ไม่นับรวมถึงแรงกดที่กระทำกับเนื้อยางเกือบตลอดเวลาพร้อมๆกับการที่ต้องสัมผัสสิ่งสกปรกต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แค่ราคาไม่กี่ร้อยเปลี่ยนบ่อยๆ หน่อยก็ดีนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูล www.e-toyotaclub.in.th
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ขั้นตอนในการทะนุถนอมยางใบปัดน้ำฝน "