รถคันแรกค้างส่งมอบ 130,000 คัน “SUZUKI” เกินหมื่น-จี้รัฐกำหนดชัดระยะเวลารับสินค้า

“สรรพสามิต” แจงรถคันแรกเหลือค้างอีก 1.3 แสนคัน ขอความร่วมมือดีลเลอร์คอนเฟิร์มลูกค้าว่าจะยืนยันสิทธิ์หรือไม่เพื่อทำแผนขอ งบประมาณ เผยสิ้นกันยายน 2556 คืนเงินไปแล้ว 4.65 แสนราย วงเงิน 3.25 หมื่นล้านบาท ยันเปลี่ยนสีรถไม่มีปัญหายังได้รับสิทธิ์ ค่ายรถวอนกำหนดระยะเวลารับรถ

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังมีผู้ที่จองสิทธิ์รถคันแรกไว้แล้วยังไม่รับมอบรถยนต์อีกราว 1.3 แสนราย ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะยกเลิกสิทธิ์หรือจะยังคงรับรถอยู่ โดยการส่งมอบรถจะมีไปจนถึงช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2557 และจะเป็นไปได้ทั้ง 2 ทางว่า บางรายอาจจะยังรอรับรถอยู่ และบางรายอาจจะเปลี่ยนใจไปแล้ว ซึ่งกรมสรรพสามิตเตรียมขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้สอบทานไปยังดีลเลอร์ต่าง ๆ ว่า ผู้จองสิทธิ์ไว้ยังคงยืนยันสิทธิ์หรือไม่

“ตอนนี้ยังประเมินไม่ได้ว่าจะมีคนที่มีสิทธิ์แล้วเปลี่ยนใจมีจำนวนเท่าไหร่ เราก็อยากรู้เหมือนกันเพราะเราต้องตั้งงบประมาณปี 2558 โดยของปี 2557 ได้ตั้งไว้แล้วประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แต่ปี 2558 ยังไม่ชัดเจน แต่ประเมินว่าน่าจะเหลือรถหลักหมื่นคัน”

นายสมชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมามีผู้ยื่นขอและไม่ผ่านตามเงื่อนไขตั้งแต่ประมาณ 4,000-5,000 คัน คือไม่ได้อยู่ในจำนวน 1.25 ล้านคันที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันผู้ที่ผ่านสิทธิ์มีการรับรถไปแล้วกว่า 1.1 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้มีบางส่วนที่ทำผิดเงื่อนไข เช่น โอนกรรมสิทธิ์ก่อนถือครองรถครบ 5 ปี หรือรถเกิดอุบัติเหตุ หรือผ่อนชำระไม่ไหว เป็นต้น

สำหรับกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า ลูกค้ามีปัญหาการใช้สิทธิ์ขอคืนเงินโครงการรถคันแรกจากที่มีการขอเปลี่ยนสีรถนั้น นายสมชายยืนยันว่า กรณีการเปลี่ยนสีรถไม่มีปัญหา กรมสรรพสามิตอนุญาตให้อยู่แล้ว แต่หากเป็นการเปลี่ยนรุ่นจะไม่ให้

ขณะที่แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นมติของคณะผู้บริหารกรมสรรพสามิตว่ายอมให้มีการเปลี่ยนสีรถได้ แต่ต้องเป็นรถรุ่นเดียวกันเท่านั้น ซึ่งได้ออกเป็นหนังสือเวียนไปถึงสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไปตั้งแต่ช่วงแรกหลังสิ้นสุดการเปิดให้ขอสิทธิ์แล้ว แต่การเปลี่ยนรุ่นหรือเปลี่ยนซีรีส์นั้นไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะถือว่ามีผลต่อภาษี

“ถ้าแค่เปลี่ยนสีไม่มีปัญหา เพราะว่าภาษีจะไม่แตกต่างกัน แต่ถ้าเปลี่ยนรุ่นภาษีจะต่างไปเลย เพราะรถคนละรุ่น บางรุ่นก็อาจจะได้เงินคืน 1 แสนบาท บางรุ่นก็อาจจะได้ 7 หมื่นบาท” แหล่งข่าวกล่าว

ด้านนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การคืนเงินโครงการรถคันแรก ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2555-30 ก.ย. 2556 มีผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินแล้ว 465,954 ราย เป็นเงิน 32,565 ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณ 7,280 ล้านบาท และเงินคงคลังจำนวน 25,285 ล้านบาท จะมีการตั้งรายจ่ายชดใช้เงินคงคลังในปีงบประมาณ 2558 ต่อไป

นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รถคันแรกของโตโยต้าไม่ได้ค้างสต๊อกรุนแรงเนื่องจากที่ผ่านมาบริหารจัดการบุ๊กกิ้งให้อยู่ในระดับที่พอดี และตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาโตโยต้าได้ทยอยส่งมอบรถยนต์จากโครงการรถคันแรกไปเกือบจะหมดแล้ว

“เกือบจะเรียกได้ว่า โตโยต้าส่งมอบยอดจองจากรถคันแรกไปได้เกือบ 100%” นายวิเชียรกล่าว

ส่วนปัญหารถยนต์ตกค้างอยู่ที่ดีลเลอร์โตโยต้า ขอยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีปัญหาดังกล่าว และดีลเลอร์ทุกรายสามารถบริหารจัดการการสต๊อกรถให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิก็มียอดรถค้างส่งมอบจากโครงการรถคันแรกเหลืออยู่กว่า 10,000 คันซึ่งหากรัฐบาลมีการประกาศความชัดเจนเรื่องระยะเวลาการรับรถก็จะถือเป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาบริษัทได้มีนโยบายช่วยดีลเลอร์ เพื่อไม่ให้มีรถไปกองเยอะ เนื่องจากลูกค้ามีการเลื่อนระยะเวลาการรับรถออกไป เนื่องจากไม่มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนส่วนลูกค้าเลื่อนรับรถแล้วส่งผลกระทบดีลเลอร์โดยเฉพาะสต๊อกบวมนั้น ขณะนี้บริษัทได้มีมาตรการช่วยเหลือดีลเลอร์โดยการยืดระยะเวลาในการชำระเงินออกไปเท่าตัว

จากเดิมกำหนดไว้ว่าต้องชำระเงินภายในระยะเวลา 15 วันหลังส่งรถก็ขยายเป็น 30 วัน หรือจาก 30 วันขยายเป็น 45 วัน เพื่อช่วยผ่อนคลายและเพิ่มสภาพคล่องให้ดีลเลอร์ รวมถึงการเน้นการทำกลยุทธ์ทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการส่งรถซูซูกิ สวิฟท์สีใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อเป็นการสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดไปในตัวด้วย

ขอขอบคุณข้อมูล ประชาชาติธุรกิจ