รีวิวเต็ม : ย้อนหลังดูเทคโนโลยีสุดโต่งของรถจากแบรนด์ “Buick” จากอดีตสู่ปัจจุบัน

ปัจจุบันนั้นแบรนด์อย่าง Buick กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนารถสปอร์ตแบบ “Avenir study” ที่โชว์ในงานอย่าง  Detroit Auto Show ที่ตั้งใจทำออกมาเป็นอย่างดีเพราะสะสมผลงานไว้ตั้งแต่รถรุ่นแรกอย่าง 1938 Y-Job, Buick

โดยนับตั้งแต่ปี 1938 รถแบบ “Buick concept” ทุกคันนั้นได้ถูกพัฒนาสไตล์ใหม่และปรับปรุงเทคโนโลยีให้ดีอยู่เรื่อยๆตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของแบรนด์  และในวันนี้ทาง Ed Welburn,  ประธานของกลุ่ม General Motors Global Design. ก็จะพาไปไล่ดูไทม์ไลน์ของแบรนด์นี้กัน

1. Y-Job (1938)

รูปทรงที่กว้างขวางและด้านหน้าที่ใหญ่กว่าปกติคือจุดเด่นของรถรุ่นนี้ในสมัยนั้น รถแบบ “Y-Job” นั้นถูกออกแบบโดยนักดีไซเนอร์คนเก่งอย่าง  Harley Earl ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าด้านทีมออกแบบอยู่ซึ่งสไตล์ที่เปิดตัวในตอนนั้นก็ทำให้ทั่วโลกจับตามองไม่น้อย

ในส่วนของเทคโนโลยีอื่นๆที่มีก็ได้แก่ การที่รถแบบ Y-Job นั้นใช้ระบบกระจกไฟฟ้าเป็นคันแรกๆของโลก, ไฟหน้าที่ถูกซ่อนรูปเอาไว้อย่างดี รวมไปถึงการพัฒนาเป็นโฉมเปิดประทุนในเวลาต่อมาอีกด้วย

2. Wildcat Series (1953-55, 1985)

รถแบบ “Wildcat series of concept” นั้นถือเป็นดีไซน์ที่แปลกตาและเป็นนวัตกรรมใหม่ในสมัยนั้นเลยทีเดียว ซึ่งในตระกูล Wildcat concept นั้นเริ่มต้นรุ่นแรกในปี 1953 ด้วยรถแบบ 2 ที่นั่งที่ทำจากวัสดุอย่างไฟเบอร์กลาสและมีจานเบรคทั้งหมด 4 ล้อเลยทีเดียว

ต่อจากนั้นมาเป็นรถแบบ Wildcat II, ในปี 1954 ซึ่งเจ้ารถสปอร์ต 2 ที่นั่งนั้นมีการออกแบบกระจังหน้าแบบใหม่ และมาเป็น  Wildcat III ในปี 1955 ที่เป็นแรงบันดาลใจในอนาคตของรถแบบ all-new Avenir concept.

ถัดมาเป็นรถแบบ “Wildcat concept” ในรุ่นปี 1985 ที่ทาง Buick ตั้งใจออกแบบแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด ทั้งประตูที่แปลกแหวกแนว รวมไปถึงตัวถังรถที่โหลดต่ำลงกว่าเดิมเพื่อเอาใจผู้โดยสารที่มี 2 ที่นั่ง

สำหรับวัสดุที่จะนำมาทำเป็นตัวรถนั้นคือไฟเบอร์กลาวและคาร์บอนไฟเบอร์ โดยใช้พื้นฐานการขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรแบบ V6 พร้อมการอัดฉีดจากระบบ fuel injection ขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อเลยทีเดียว

3. Riviera Silver Arrow III (1972)

รถแบบ “The Silver Arrow III” นั้นพัฒนาต้นแบบมาจากรถ Riviera production model ในรุ่น Generation ที่ 3 แต่จะออกแบบดีไซน์ให้สวยต่างๆดูหนาและแข็งแรงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบเทคโนโลยีใหม่แบบ “Max Trac traction control system” ที่ทำให้มันขับเคลื่อนได้ทั้ง 4 ล้อ

การออกแบบนั้นทำโดยทาง Bill Mitchell ซึ่งตัวรถนั้นมีรูปทรงลาดลงต่ำกว่าเดิม, มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์รูปร่างของกระจกทั้ง 4 บาน, ไฟหน้าแบบฮาโลเจนส่องสว่างและปิดท้ายด้วยพวงมาลัยแบบ Pedals คันแรกของพวกเขา

4. Centieme (2003)

The Centieme (ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า 100) นั้นเป็นการเปิดตัวเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ ซึ่งตัวรถนั้นออกมาพร้อมๆกับรถแบบ “Enclave crossover” โดยมีที่นั่งแบบ 3 แถว นอกจากนี้เจ้า “The Centiem” จะใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียมและไม้เป็นองค์ประกอบหลักๆ

5. Velite (2004)

สำหรับรถรุ่นนี้ถูกออกแบบและดีไซน์ในเมือง Warren, Michigan แต่ถูกผลิตขั้นในเมือง Bertone ของประเทศอิตาลี ซึ่งรถแบบ convertible  (เปิดประทุน) 4 ประตูคันนี้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี พร้อมเครื่องยนต์สุดแรงขนาด 3.6 ลิตรแบบ twin-turbocharged V6 ให้กำลังมากถึง 400 แรงม้า