เชฟโรเลต สร้างความคึกคักให้กับวงการรถยนต์อีกครั้งกับการเปิดตัวของ “เชฟโรเลต โซนิค” ในตระกูลรถซับคอมแพกต์ขนาดเล็ก ที่เป็นผลิตภัณฑ์แทนที่ “เชฟโรเลต อาวีโอ” และมาเปิดศึกกับตลาดรถเครื่องยนต์ในระดับเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี อย่างเต็มอัตราศึก
โดย…พลพัต สาเลยยกานนท์/นิธิ ท้วมประถม
งานนี้คงต้องมาลุ้นกันแล้วว่า เชฟโรเลต โซนิค นั้นจะประกาศศักดาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งทางเชฟโรเลตได้เปิดโอกาสให้ได้ลองขับ ในรุ่น LTZ 4 ประตู (ตัวท็อป) ส่วนรุ่น 5 ประตูนั้นยังไม่มีโอกาสได้ลองขับครับ เพราะในช่วงเปิดตัว เชฟโรเลตจะเน้นรุ่น 4 ประตูก่อน ส่วนรุ่น 5 ประตูนั้นจะเริ่มออกสู่ท้องตลาดในเดือน ส.ค.
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเจ้า “เชฟโรเลต โซนิค” คันนี้ไปพร้อมๆ กัน ก็ต้องขอบอกว่าแปลกตาตื่นใจไปกับการออกแบบภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า จนกระทั่งถึงไฟท้าย ที่ให้ความรู้สึกที่ดูโฉบเฉี่ยวและดุดัน อย่างไฟหน้าแบบเปลือย 3 มิติ ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ไบค์ พร้อมกระจังหน้าที่ดูดุดันอีกทั้งโบว์ไทสีทองเป็นเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต
ดูแล้วเหมือนดวงตาหุ่นยนต์ตัวใหญ่ๆ จ้องอยู่เหมือนกัน
ส่วนเส้นสายบนตัวถังของโซนิค มีความเป็นสปอร์ต ไฟท้ายขนาดใหญ่ ล้ออัลลอย และยางขนาด 205/55/R16 ซึ่งส่วนตัวมองว่าการออกแบบภาย นอกถือว่าโอเค แต่ผมชอบ รุ่น 5 ประตู มากกว่า
ลองเปิดประตูเข้ามาดูภายในกันบ้าง ภายในห้องโดยสารนี้ถูกออกแบบให้เป็นห้องโดยสาร สไตล์ ดูอัล ค็อกพิท สีทูโทน (ดำส้ม) ดูสปอร์ตดีครับ ชอบๆ เท่ดี
นอกจากสีทูโทน ที่ดูเท่แล้ว ยังสะดุดตากับ แผงหน้าปัดแสดงผลหน้าตาประหลาด… แต่เท่…ที่ดูเหมือนเป็นแผ่นมาตรวัด เอามาติดอยู่หลังพวงมาลัย ซึ่งในแผ่นมาตรวัดนั้นมีมาตรวัดความเร็วทรงกลมแสดงอยู่ ส่วนมาตรวัดความเร็วนั้นเป็นตัวเลขแบบดิจิตอล ที่เปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ แถมสีสันในมาตรวัดนั้นแสนสวยด้วยไฟแอลอีดีสีไอซ์บลู
มาดูกันที่ขนาดห้องโดยสารกันบ้างครับ เมื่อประจำตำแหน่งที่นั่งคนขับไม่รู้สึกอึดอัด รวมถึงตำแหน่งการวางอุปกรณ์และปุ่มควบคุมต่างๆ สะดวกและถนัดมือดี ทั้งปุ่มควบคุมระบบทำความเย็น (แอร์) และเครื่องเสียง รวมถึงคอนโซลหน้าถูกออกแบบให้มีลูกเล่นและไล่ระดับให้เกิดช่องชั้นวางของ ให้ได้วางและใส่ของ ใส่น้ำ ใส่กระเป๋าสตางค์ กันเพียบ นอกจากนี้ช่องเก็บของคอนโซลหน้าด้านบนยังมีช่องเชื่อมต่อ AUX อีกด้วย
นอกจากนี้ พวงมาลัยก็เป็นแบบมัลติฟังก์ชัน ควบคุมระดับเสียง เปลี่ยนรายการเพลงสถานีวิทยุ รวมถึงปุ่มรับสายโทร.ออก ของโทรศัพท์ที่ได้มีการเชื่อมต่อระบบบลูทูธ รวมๆ แล้วใช้ได้ครับ แต่ติดนิดเดียวที่วัสดุที่ใช้ภายในบางจุดอาจดูราคาประหยัดไปนิด
ลองขับกันเลยดีกว่า ว่า เครื่องยนต์ เบนซิน ECOTEC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 100 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ บล็อกใหม่รุ่นล่าสุดนี้สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 ได้ พร้อมด้วยระบบ Duble CVC (ContinuouslyVariable Camtiming) จะไหวหรือเปล่า
เริ่มตั้งแต่การออกตัวเลยครับ งานนี้ต้องบอกว่าได้ลองใช้ทั้งการขับขี่ในเมือง และนอกเมือง ที่แม้ว่าจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็พอจะทำให้รู้จักโซนิคพอสมควร
อัตราเร่งการออกตัว ยังมีความรู้สึก “ตื้อ” ให้เห็นครับ ต้องกดคันเร่งหนักไม่น้อย ถึงจะทำให้โซนิคทะยานออกไปให้สมกับที่ใจอยาก ซึ่งจุดนี้ผมว่ามาจากการตั้งคันเร่ง ที่เหมือนกับ เชฟโรเลต เทรลเบรเซอร์ ที่ตั้งคันเร่งลึก ตามสไตล์รถอเมริกัน ไม่ได้มาจากประสิทธิภาพของเครื่อง
เชฟโรเลต โซนิค เป็นรถที่ต้องขับแบบ “เท้าหนัก” คือกดคันเร่งหนักตลอด หากต้องการขับให้สนุก แตะคันเร่งเบาๆ อัตราเร่งไม่มาเลยครับ ซึ่งก็เป็นนิสัยของรถคันนี้ ไม่ปรู๊ดปร๊าด เร็วอย่างที่ใจคิด ต้องรอให้รอบเครื่องยนต์มาก่อนรถถึงจะพุ่
แต่หากมองในเรื่องของเครื่องยนต์ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ผ่าน เป็นการทำงานที่สอดประสานกันอย่างลงตัวมากทีเดียว การเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละเกียร์นุ่มนวลมาก ไม่รู้สึกถึงอาการกระตุกแต่อย่างใด ชอบๆ ขอปรบมือให้
หากลองคิกดาวน์คันเร่งแล้วยังไม่ทันใจ สามารถเปลี่ยนเกียร์มาที่ตำแหน่ง M แล้ว เปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงได้ตามใจชอบ ด้วยปุ่ม + ที่อยู่ตรงตำแหน่งหัวแม่มือด้านข้างหัวเกียร์ ได้ตามใจชอบ อัตราเร่งจะปรากฏมาได้ตามใจอยากครับ
แม้ว่าจะขับแบบลากรอบไม่น้อย แต่เสียงรบกวนภายในห้องโดยสารมีเข้ามาน้อยมาก เรียกได้ว่าเชฟโรเลตทำการบ้านในเรื่องนี้มาดีไม่น้อยทีเดียว
ถามว่า อัตราเร่งผ่านหรือเปล่า ผมฟันธงว่า หากเป็นการเร่งแบบกระชั้นชิด ไม่ผ่านครับ ต้องให้เวลาเรียกรอบ และเร่งแซงไม่น้อยทีเดียว
มาถึงเรื่องการทรงตัวกันบ้าง เริ่มจากพวงมาลัย หนักพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ส่วนตัวแล้วผมชอบครับ รู้สึกมั่นคงดีในเวลาที่ใช้ความเร็วสูง แต่พวงมาลัยของโซนิคนั้นมีช่วงฟรีอยู่เล็กน้อย ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ความแม่นยำของพวงมาลัยอยู่ในระดับใช้ได้ แต่ไม่คมมากมายนัก
ช่วงล่าง แบบ EuroRide Tuing Suspension ที่มีช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมคอยล์สปริง โช้กอัพแก๊ส และเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีมรูปตัววี พร้อมคอยล์สปริง โช้กอัพแก๊ส ทำงานได้ดีไว้ใจได้ครับ หนึบแน่น ดีมาก แถมยังให้ความนุ่มนวล เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัวจริงๆ
แต่นี่เป็นการลองขับแบบสั้นๆ นะครับ ยังไม่มีโอกาสได้ลองในเส้นทางที่ต้อง “วัด” ประสิทธิภาพของช่วงล่างจริงๆ คงต้องขอติดไว้โอกาสหน้า ที่ได้ขับเต็มๆ ก่อนแล้วจะขอมารายงานให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอีกครั้งครับ
หากให้สรุปแล้ว เชฟโรเลต โซนิค เป็นรถที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในไม่แพ้คู่แข่ง ช่วงล่างดีมาก และน่าจะดีที่สุดในคลาสเดียวกัน แต่ในเรื่องของอัตราเร่ง ต้องปรับปรุง
สนนราคาค่าตัวของ “เชฟโรเลต โซนิค” คันนี้อยู่ที่ 6.79 แสนบาท สามารถรับสิทธิในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกได้แน่นอน
ใครชอบรถหน้าตาแปลกใหม่ ช่วงล่างดีๆ แต่ไม่เน้นขับซิ่งละก็ ไม่ผิดหวังแน่!!
ขอขอบคุณข้อมูล www.posttoday.com
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ลองขับ Chevrolet Sonic ยังไม่อิ่มในอารมณ์ "