เผย 2014 Chevrolet Malibu โฉมใหม่ ปรับลุค เพิ่มกำลังมากกว่าเคย

เมื่อใดก็ตามที่ค่ายผู้ผลิตรถออกมาประกาศถึงการผลิตโมเดลปรับโฉมใหม่ที่อยู่ในตลาดได้ไม่ถึง 1 ปี นั่นก็หมายความว่า ทางค่ายคงไม่แฮปปี้มากนักกับทิศทางของสาธารณชนและสื่อมวลชนต่อโมเดลดังกล่าว อย่างเช่นกรณีของค่าย General Motors กับ Chevrolet Malibu ในเจนเนอเรชั่นที่ 8 ที่เผยโฉมออกมาในอเมริกาช่วงครึ่งปีหลังของปี 2012

ทางค่าย General Motors ได้เร่งการผลิตโมเดล 2014 Malibu โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบบางอย่าง ขณะเดียวกัน ก็มีการปรับปรุงพื้นที่ภายในห้องโดยสาร, ปรับปรุงสมรรถนะด้านกำลัง และตัวถังโฉมใหม่ด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่า ทางค่ายคงจะไม่เห็นด้วยนักกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อต่อโมเดล Malibu แต่แทนที่จะกล่าวอะไรออกไป ทางค่ายกลับเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้

ทางด้าน Mark Reuss ผู้บริหารของ General Motors North America ได้ออกมากล่าวว่า “2014 Chevrolet Malibu จะสร้างบนต้นแบบอันแข็งแกร่งของ all-new 2013 Malibu แต่จะสร้างให้เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้า”

แล้วโมเดลดังกล่าวได้รับการปรับเปลี่ยนอะไรบ้างล่ะ เริ่มกันที่การปรับโฉมภายนอกตัวถัง ผู้ออกแบบของค่าย Chevrolet ได้ทำการปรับเปลี่ยนกระจังหน้า 2 ชิ้น โดยได้รับอิทธิพลจากโมเดล Impala ด้วยกระจังหน้าที่ต่ำลง และดีไซน์ส่วนหลังคาที่เชื่อมกับฝากระโปรงใหม่ รวมถึงแผงไฟด้านหลังก็ดีไซน์ต่างไปจากเดิมเช่นกัน

สำหรับภายในห้องโดยสาร สิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดก็คงจะเป็นพนักพิงเบาะด้านหน้าดีไซน์ใหม่ และการใช้วัสดุและตกแต่งเบาะแบบใหม่ พร้อมเพิ่มพื้นที่วางเข่าด้านหลังอีก 1.25 นิ้ว (31.7 มิลลิเมตร) ปรับโฉมคอนโซลกลาง และเปลี่ยนลุคที่พักแขนให้ยาวขึ้นพร้อมที่วางแก้วคู่ และที่เก็บมือถือ 2 ช่อง

ภายใต้ฝากระโปรง จะพบเครื่องยนต์ Ecotec ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี start/stop เพิ่มการประหยัดน้ำมันในเมืองประมาณ 5% ขณะที่เกียร์อัตโนมัติก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยเครื่องยนต์ 4 สูบ จะส่งกำลังถึง 196 แรงม้า และแรงบิด 186 lb-ft (253 Nm) พร้อมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 23 ไมล์/แกลลอน เมื่อใช้ในเมือง และ 35 ไมล์/แกลลอน เมื่อวิ่งบนทางด่วน

นอกจากสมรรถนะที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว โมเดล 2014 Malibu ยังมาในเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมแรงบิดมากกว่ารุ่นก่อนเกือบ 14% โดยอยู่ที่ 295 lb-ft (400 Nm) และกำลัง 259 แรงม้า ตามที่ทางค่ายกล่าวมา “ผลที่ได้รับคือความรู้สึกที่มากกว่าสำหรับการเร่งตั้งแต่รถหยุด และความรู้สึกที่ดีขึ้นสำหรับกำลังที่สามารถขับเคลื่อนไปได้เกือบทุกสภาวะการขับขี่”

นอกจากการอัพเดทเครื่องยนต์แล้ว ทางค่ายยังปรับลุคตัวถังและปรับเปลี่ยนระบบป้องกันการสั่นสะเทือนด้วยโช๊คและสปริงแบบใหม่ รวมถึงระบบการขับเคลื่อนและระบบเบรกแบบใหม่ เติมเต็มสมบูรณ์แบบด้วยระบบ Side Blind Zone Alert (ระบบเตือนจุดบอดทางด้านข้าง) และระบบ Rear Cross Traffic Alert (ระบบการเตือนถอยหลัง) สำหรับราคาจะประกาศให้ทราบอีกทีภายหลัง

คุณคิดว่าสิ่งที่ทางค่าย Chevrolet ทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่กับการอัพเดทครั้งนี้ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ด้านล่าง