แมรี่ บาร์ร่า  CEO คนใหม่ของ GM ในเดือนมกราคม 2557

ดีทรอยท์– เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศว่า แดน เอเคอร์สัน ผู้ซึ่งนำทีมจีเอ็ม สร้างผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์และยกระดับคุณภาพยานยนต์อย่างสูง พร้อมกับช่วยบริษัทฯให้สิ้นสุดสถานะการครอบครองโดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะอำลาตำแหน่งประธานกรรมการและผู้บริหารสูงสุดในวันที่ 15 มกราคม 2557 นี้

แมรี บาร์ร่า วัย 51 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ จัดซื้อและการจัดการสินค้าได้รับเลือกโดยคณะกรรมการบริหารให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนต่อไป บาร์ร่าจะเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของจีเอ็มด้วย

เอเคอร์สัน วัย 65 ปีจะอำลาตำแหน่งเร็วกว่าแผนการเดิมหลายเดือน เนื่องจากภรรยาของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง

คณะกรรมการบริหารของจีเอ็ม ยังแต่งตั้งธีโอดอร์ (ทิม) โซลโซ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการแทนเอเคอร์สัน ซึ่งโซลโซ วัย 66 ปีเคยดำรงตำแหน่งประธานใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท คัมมินส์ และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของจีเอ็ม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555

“ผมจะอำลาตำแหน่งด้วยความพึงพอใจอย่างมากจากความสำเร็จที่เราได้รับ อนาคตสดใสที่รออยู่เบื้องหน้าและความภาคภูมิใจที่เราได้พลิกฟื้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส ให้เป็นผู้นำมาตรฐานอเมริกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก” เอเคอร์สัน ระบุในสารถึงพนักงาน

บาร์ร่าซึ่งมีประสบการณ์การทำงานกับจีเอ็ม ยาวนานกว่า33 ปีเติบโตขึ้นมาในสายงานต่างๆ ทั้งฝ่ายการผลิต วิศวกรรมและตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ เธอเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ พลิกโฉมกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของจีเอ็ม ซึ่งเป็นที่มาของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการยอมรับ พร้อมกับได้รับการจัดอันดับด้านคุณภาพสูงสุดเป็นประวัติการณ์และได้รับความ พึงพอใจจากลูกค้าสูงขึ้น

“ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบครันของรถยนต์และรถกระบะ รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นของจีเอ็ม” บาร์ร่ากล่าว “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำทีมที่ดีที่สุดในธุรกิจนี้ และพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างเต็มที่”

แดน อัมมานน์ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินวัย 41 ปีได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคนใหม่ รับผิดชอบการบริหารจัดการการปฏิบัติงานระดับภูมิภาคของจีเอ็ม ทั่วโลก โดยแบรนด์เชฟโรเลต และคาดิลแลคทั่วโลก รวมถึงฝ่ายการเงินจะรายงานตรงต่ออัมมานน์

อัมมานน์เริ่มงานกับจีเอ็ม ในปี 2553ภารกิจแรกของเขาคือการจัดการการขายหุ้นของจีเอ็ม ครั้งแรกให้แก่สาธารณะ สำหรับในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน เขาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านการเงินของจีเอ็ม ให้ก้าวสู่ระดับโลกมากขึ้น เขายังนำกลยุทธ์การรื้อฟื้นศักยภาพธุรกิจของ
บริษัทฯด้วยการสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของสถานะทางการเงินของจีเอ็ม ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี

“เรามีโอกาสที่ดีเยี่ยมในการบูรณาการและเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ของเราเพื่อสร้างผลประกอบการที่ดียิ่งกว่า” อัมมานน์ กล่าว “ถึงแม้เราจะมีพัฒนาการที่ดี แต่เรายังมีงานต้องทำอีกมากมายในอนาคตเพื่อเสริมศักยภาพสูงสุดให้แก่จีเอ็ม”

อัมมานน์ยังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินจนถึงการเปิดเผยผล ประกอบการของไตรมาสที่สี่และผลประกอบการของปี 2556 ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อจากเขาจะได้รับการประกาศในภายหลัง

มาร์ก รอยส์ รองประธานบริหารและประธาน จีเอ็ม อเมริกาเหนือจะดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ จัดซื้อ และการจัดการสินค้าแทนบาร์ร่า ภายใต้การนำของรอยส์  จีเอ็ม อเมริกาเหนือมีผลกำไรและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับรางวัลมากมาย อย่างคาดิลแลค เอทีเอส เชฟโรเลต คอร์เวทท์ เชฟโรเลต อิมพาลาและรถกระบะ ซิลเวอราโด

“ตำแหน่งผู้กุมบังเหียนการออกแบบและการพัฒนาวิศวกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีความ แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีเอ็ม ถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด” รอยส์ กล่าว “เราจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของจีเอ็ม และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆต่อไป”

อลัน เบทีย์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาดเชฟโรเลต โกลเบิลและสหรัฐอเมริกาจะดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและประธานกรรมการจีเอ็ม อเมริกาเหนือแทนรอยส์
อลันเบทีย์ในวัย 50 ปีเริ่มงานกับวอกซ์ฮอลล์ภายใต้เครือจีเอ็ม ในปี 2522 เขาผ่านหลายตำแหน่งในฝ่ายขาย การบริการและการตลาดทั่วโลก สำหรับตำแหน่งในปัจจุบัน เขาพัฒนาแคมเปญโฆษณา Find New Roads ของเชฟโรเลตและกำกับดูแลการเพิ่มยอดขายปลีกและการบริการของผู้แทนจำหน่าย หลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา

“อเมริกาเหนือเป็นรากฐานสำคัญของการพลิกโฉมจีเอ็ม และผมเป็นเกียรติที่ได้สานต่องานที่มาร์กได้ทำไว้” เบทีย์ กล่าว “เรายังคงยึดมั่นในการนำเสนอประสบการณ์การขายที่ดีที่สุดในโลกเพื่อรองรับรถ ยนต์และรถกระบะที่ดีที่สุดในโลกของเรา”

จีเอ็ม ยังประกาศด้วยว่าสตีฟ กริสกี้ รองประธานกรรมการ ด้านกลยุทธ์องค์กร พัฒนาธุรกิจและวางแผนผลิตภัณฑ์วัย 51 ปีจะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสจนกระทั่งอำลาบริษัทฯในเดือนเมษายน 2557 โดยยังคงเป็นคณะกรรมการบริหารของจีเอ็ม ต่อไป

กริสกี้นำแผนการพลิกฟื้นจีเอ็ม ในยุโรปซึ่งช่วยให้การปฏิบัติงานกลับคืนสู่การสร้างผลกำไร เขายังยกระดับให้จีเอ็ม ออนสตาร์เป็นผู้นำในระบบการเชื่อมต่อในรถยนต์ พร้อมกับสร้างจีเอ็ม เวนเจอร์ ซึ่งช่วยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ให้สามารถใช้ในรถจีเอ็ม ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

“ผมมีความภาคภูมิใจร่วมกับแดน สำหรับความสำเร็จที่บริษัทฯได้รับและการมองเห็นอนาคตอันสดใสของเขา” กริสกี้ กล่าว “ทีมจีเอ็ม ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวในการมุ่งมั่นสร้างความสำเร็จบนรากฐานที่เราได้วาง ไว้”

ภายใต้การนำของเอเคอร์สัน จีเอ็ม มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทฯได้เปลี่ยนจากการถือครองโดยผู้ถือหุ้นหลัก คือ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนและได้รับการจัดอันดับน่าลงทุน

“เป้าหมายของผมในการเป็นผู้บริหารสูงสุดคือการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของ ทุกสิ่งที่เราดำเนินการ การทำให้จีเอ็ม ประสบความสำเร็จในระยะยาวและเป็นบริษัทฯที่อเมริกาสามารถภาคภูมิใจได้อีก ครั้ง” เอเคอร์สัน กล่าว “เรากำลังเดินมาถูกทางแล้วและผมเชื่อมั่นว่าทีมผู้บริหารใหม่ของเราจะนำพา องค์กรให้เดินหน้าสู่ความสำเร็จ”

เอเคอร์สันได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและผู้บริหารสูงสุด ของจีเอ็ม เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 เขาเข้าร่วมงานกับจีเอ็ม ในปี 2552 ในฐานะคณะกรรมการบริหาร หลังจากจีเอ็ม ประกาศขายหุ้นครั้งแรกให้สาธารณะในเดือนพฤศจิกายน 2553 จีเอ็ม มีผลกำไร 15 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่ในปีนี้ได้รับคะแนนคุณภาพรถใหม่ยอดเยี่ยมสูงสุดเหนือกว่าบริษัทรถยนต์ รายอื่น พร้อมกับมีการลงทุนใหม่เกือบ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงการสร้างหรือรักษาตำแหน่งงานได้มากกว่า 25,000 ตำแหน่งในศูนย์การผลิตของจีเอ็ม ในสหรัฐอเมริกา