
– ระหว่างขับรถ คุณมักได้ยินเสียงล้อ กระทบกับพื้นถนนแทบจะตลอดเวลา สร้างความรำคาญใจให้อย่างยิ่ง
– เพียงขับตกหลุมเล็กๆ ก็เกิดกระแทกแรง เหมือนตกหลุมขนาดใหญ่ จนคุณหวั่นใจว่าช่วงล่างจะยังเป๊ะเหมือนเดิมไหม
– ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยเฉพาะเวลาฝนตก จนถึงกับต้องเบรคกะทันหัน รถจะลื่นไหลจนแทบคุมไม่อยู่ หัวใจของคุณก็แทบตกลงตาตุ่มเช่นกัน
– คุณมั่นใจว่าขับรถนิ่มที่สุดแล้ว แต่รถเจ้ากรรมก็ยังกระแทกกระทั่นจนเสียความมั่นใจทุกทีเวลามีสาว(หรือใครๆ)ขึ้นรถมาด้วย แน่นอนว่าคุณทั้งเสียหน้าและเสียเซลฟ์เลยทีเดียว
– ทุกครั้งที่ขับเข้าโค้งแบบหักศอก คุณจะรู้สึกเกร็ง(จนแทบจะเป็นตะคริว) เพราะควบคุมรถเกือบจะไม่ไหว หวิดตกไถลลงข้างทางเสมอ
– คุณเคยใช้ยางชนิดนุ่ม แต่ก็มักจะรู้สึกว่ายางย้วยง่าย และใช้งานได้ไม่นาน ทุกวันนี้คุณจึงยอมเปลี่ยนมาใช้ยางแข็งๆ กระเทือนหนักๆ ต่อไปอย่างทรมาน
ถ้าเกิดเหตุการณ์ข้างต้นขึ้นแม้เพียง 1 ข้อ นั่นแปลว่าสภาพยางรถยนต์ของคุณไม่แน่น ไม่สบาย และที่สำคัญไม่ปลอดภัยเท่าที่ควรแล้วล่ะครับ
เพื่อแก้ไขปัญหาให้รถคันเก่งของคุณกลับมาใช้งานได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง วันนี้มิชลินมาพร้อมยางรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ตอบสนองความต้องการของทุกท่านเพื่อการขับขี่ที่นุ่ม เงียบ สบายได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญยังมอบความปลอดภัยเหนือระดับให้กับคนพิเศษเช่นคุณ ในราคาสบายกระเป๋าด้วย
โดยมาพร้อมกับ MICHELIN Total Performance อีกขั้นของความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของมิชลิน ที่มอบความผ่อนคลายด้วยความนุ่มเงียบ ให้ความปลอดภัยสูงสุด พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
มาดูกันครับว่า เพราะเหตุใด ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที จึงพร้อมให้บริการคุณได้มากขนาดนี้
– เทคโนดลยี EvenPeak มีการออกแบบลายดอกยางให้มีความกว้างที่แตกต่างกัน ซึ่งผ่านการคำนวณอย่างพิถีพิถัน ช่วยให้การกระจายคลื่นความถี่เสียงรบกวนออกไป ทำให้ได้การขับขี่ที่เงียบกว่า
– อีกทั้งสัญลักษณ์ของ “เอสที” หรือ ST ซึ่งย่อมาจาก Silence Tuned ที่บ่งบอกถึงเสียงที่เงียบกว่า ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายสูงสุด กับความนุ่มเงียบในระดับผู้นำตัวจริง
> Normal Tyre ลายดอกยางที่มีความกว้างเท่าๆกันทำให้เกิดการรวมตัวของคลื่นเสียง ก่อให้เกิดเสียงดังรบกวนมากขึ้น
> MICHELIN PRIMACY 3 ST ลายดอกยางที่มีความกว้างแตกต่างอย่างเหมาะเจาะในแต่ละช่วง จะช่วยกระจายคลื่นเสียงออกอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ก่อให้เกิดเสียงดังรบกวนขณะรบกวน
– เทคโนโลยี Cushion Guard ที่ผสมผสานระหว่างสูตรเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งยังมีแก้มยางที่นุ่ม แต่มั่นคง ซึ่งพัฒนามาจากยางรุ่นก่อนอีกด้วย
– ความสามารถของเทคโนโลยีนี้ จะช่วยลดแรงสั่นสะเทือน และซึมซับแรงกระแทกจากพื้นถนน จึงให้ความนุ่มสบายในการขับขี่ระดับผู้นำตัวจริงเช่นเดียวกัน
> แก้มยางและดอกยางช่วยซึมซับแรงกระแทกจากพื้นถนนอีกขั้น
> สูตรเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน และซึมซับแรงกระแทกจากพื้นถนน
โดยเทคโนโลยี Flex Max และ Stabili Grip เป็นสองเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมกว่าเดิม อีกทั้งยังให้ระยะการเบรกบนถนนเปียกที่สั้นกว่าถึง 1.6 เมตร (เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของความยาวรถ) เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อน
– เทคโนโลยี Flex Max ผสมผสานระหว่างสูตรเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูงที่สามารถปรับตัวและยึดเกาะได้ตามสภาพพื้นถนน ผนวกกับการออกแบบบล็อกดอกยางแบบตัดมุมช่วยป้องกันการโก่งตัวของดอกยาง จึงช่วยกดให้เนื้อยางสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มประสิทธิภาพ เพิ่มการยึดเกาะได้ดียิ่งขึ้น
– เทคโนโลยี Stabili Grip แบบใหม่ ครั้งแรกที่มิชลินนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับยางนุ่มเงียบ โดยมีแถบยางเสริมพิเศษในร่องดอกยางที่ยืดดอกยางแต่ละดอกไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มความมั่นคงของดอกยาง ทำใหเพิ่มสมรรถนะการควบคุมและการรีดน้ำได้ดียิ่งขึ้น
ด้วย MICHELIN Total Performance ที่ให้สมรรถนะที่ดีรอบด้าน จากการผสมผสานเทคโนโลยีอย่างลงตัว ให้คุณเดินทางอย่างนุ่มเงียบ มั่นใจในความปลอดภัย พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นถึง 25%* ด้วยความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี จึงทำให้มิชลินสามารถพัฒนายางให้มีสมรรถนะที่ดีในทุกๆ ด้าน
*จากผลการทดสอบภายในของมิชลินในประเทศไทย ซึ่งติดตั้งบนรถยนต์ TOYOTA CAMRY 2.0 VVT-i (2006) ขนาดยาง 215/55 R17 94 V ความดันลมยางที่ F2.2/32 psi ล้อหน้ารับน้ำหนักที่ 498 กก./เส้น ล้อหลังรับน้ำหนักที่ 423 กก./เส้น
เพื่อให้สามารถบอกกับคุณได้เต็มปาก ทีมงาน 9carthai.com จึงขอลงสนามจริง เพื่อทดสอบสมรรถภาพของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที @สนามแข่งรถโบนันซ่าสปีดเวร์ เขาใหญ่ โดยที่นี่ถูกแบ่งพื้นถนนออกเป็น 4 สนาม คือ Wet Safety Station, Scenic Drive, Noise and Confort Station และ Dry Station ซึ่งผลการทดสอบมีดังนี้ครับ
ทีมงานได้ทำการทดสอบขับรถยี่ห้อเดียวกัน 2 คัน โดยคันหนึ่งใช้ยางของยี่ห้อหนึ่ง ส่วนอีกคันใช้ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที โดยใช้สปีดความเร็วตามจริงตามที่ Instructor แนะนำ ภายใต้สถานการณ์จำลองการขับขี่บนพื้นถนนเปียก คล้ายกับฝนตก ทั้งการขับบนทางธรรมดาและทางโค้งอีกหลายโค้ง และด่านสุดท้ายคือการทดสอบเบรคกระทันหันชนิดสุดแรงกระทืบเท้า เพื่อจำลองสถานการณ์จริงว่ารางรถไฟจำลองอยู่ข้างหน้า โดยใช้เครื่องวัดความเร็วจาก Drift Box วัดระยะการเบรค ได้ผลการเปรียบเทียบดังนี้
ยางรถยี่ห้ออื่น : รถออกตัวได้ดีในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าโค้งธรรมดารถจะสะบัด เหวี่ยง ในขณะที่เมื่อรถเข้าโค้งแบบหักศอกรถจะยิ่งสะบัด และเหวี่ยงมากกว่าเดิม อีกทั้งเมื่อเบรคกระทันหัน รถสะบัดรุนแรง ได้ยินเสียงเสียดสีอย่างรุนแรงระหว่างยางและพื้นถนน ที่สำคัญรถไถลไปไกลกว่าระยะเบรคถึง 22.8 เมตร
ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที : รถออกตัวได้ดีในช่วงแรกเช่นกัน แต่เมื่อเข้าโค้งรถสะบัดเล็กน้อย สามารถควบคุมพวงมาลัยได้ดีกว่า ไม่เหวี่ยง และเมื่อเข้าสู่ช่วงทดสอบเบรคกระทันหัน รถสะบัด ได้ยินเสียงเสียดสีระหว่างยางและพื้นถนนในระดับปานกลาง และรถไถลออกจากจุดเบรคในระยะ 20.9 เมตร หรือสั้นกว่าประมาณ 8.65% เชียวครับ
ข้อสังเกตครับ
เมื่อใช้เทคโนโลยีจับการลื่นไถลขณะเบรคกระทันหัน (Drift Box) >> ได้ผลสรุปจากผู้ขับขี่หลายท่านพบว่า รถที่ใช้ยางยี่ห้ออื่น เมื่อเบรคกระทันหันจะไถลไปไกลกว่ารถที่ใช้ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสทีต่างกันเฉลี่ยถึง 1.98 เมตร (โดยมากกว่าผลทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญของยางมิชลินที่ได้ผลต่าง 1.6 เมตร) หรือคิดเป็นระยะชนของรถตั้งแต่ไฟหน้า ถึงครึ่งตัวรถเลยทีเดียวครับ แทบไม่อยากจะนึกภาพเลยว่า ความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สินจะมีมูลค่าสูงเพียงใด ^__^
ทีมงานได้ทดลองขับรถวอลโล่ และเบนซ์ ซึ่งใช้ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสทีทั้งสองคัน ด้วยประสิทธิภาพของรถที่ดี(ตามราคา)อยู่แล้ว ผสานกับประสิทธิภาพของยาง โดยการทดสอบระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ด้วยความเร็วกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยถนนมีสภาพผิวค่อนข้างเป็นหลุมบ่อ แต่ด้วยคุณภาพของตัวรถและยาง เมื่อขับตกหลุมเล็กๆ ก็แทบจะไม่รู้สึกสั่นสะเทือน แต่เสียงภายในรถเงียบมาก แต่พอขับลงหลุมใหญ่ ก็กระแทกเอาเรื่องเหมือนกันครับ โดยคิดว่าคงไม่กระแทกรุนแรงเท่ากับยางอื่นครับ (แต่ไม่สามารถฟันธงได้ชัดเจนครับ เพราะไม่ได้ขับเปรียบเทียบกับยางรุ่นอื่นๆ ในฐานนี้ครับ)
ทีมงานได้ทดลองขับรถรุ่นเดียวกัน 2 คัน เป็นยางใหม่ทั้ง 2 คัน เติมลมยางเท่ากัน โดยเปรียบเทียบกับยางสองยี่ห้อ คือ ยางยี่ห้อหนึ่ง และ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที ทดสอบเรื่องการลดแรงสั่นสะเทือนด้วยการขับผ่านเชือกที่ขึงขวางถนนไว้ และทดสอบเรื่องการลดเสียงด้วยการเร่งความเร็วให้ได้ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วใช้แอพพลิเคชั่นในแท็ปเล็ตวัดความดังของเสียงภายในห้องโดยสาร เพื่อทดลองประสิทธิภาพความนุ่ม เงียบของยาง ซึ่งได้ผลทดสอบดังนี้ครับ
ยางรถยี่ห้ออื่น : มีเสียงรบกวนที่เกิดจากการกระทบระหว่างล้อและพื้นถนนดังจนได้ยินชัดเจน รถสั่นสะเทือนแทบจะตลอดเวลาที่มีการขับขี่
ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที : เสียงรบกวนที่เกิดจากการกระทบระหว่างล้อและพื้นถนนมีเสียงเบากว่ามาก แรงสั่นสะเทือนภายในรถก็น้อยด้วย
โดยเมื่อเปรียบเทียบดูจากการวัดความดังจากแอพพลิเคชั่นในแท็ปเล็ตแล้ว ยาง Primacy 3 ST มีเสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่าครับ
ทีมงานได้ทดลองขับรถ HONDA ACCORD 2 คัน โดยเปรียบเทียบกับยางสองยี่ห้อ คือ ยางยี่ห้อหนึ่ง และ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที ซึ่งเป็นพื้นถนนแห้ง โดยเริ่มจากสปีดความเร็ว 70 กิโลเมตร แล้วเพิ่มสปีดให้เร็วขึ้น หักโค้งซิกแซกชนิดที่ต้องหมุนพวงมาลัยทันทีข้ามสิ่งกีดขวาง แล้วเปลี่ยนเลนอีกครั้งโดยมีก้อนหินจำลองวางขวางไว้ โดยแทบจะไม่แตะเบรค ได้ผลทดสอบดังนี้ครับ
ยางรถยี่ห้ออื่น : เมื่อขับทางตรงรถทรงตัวได้ดีตามปกติ แต่เมื่อขึ้นทางชัน แล้วขับลงเลี้ยวโค้งแบบไม่ได้แตะเบรค รถแทบจะเสียหลัก ควบคุมพวงมาลัยได้ยาก รถสะบัดท้าย จนแทบจะควบคุมไม่อยู่ เกือบเสียหลักตกลงข้างถนน
ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที : เมื่อขับรถทางตรงรถทรงตัวได้ดีตามปกติ แต่เมื่อขึ้นทางชัน แล้วขับรถลงเลี้ยวโค้งแบบไม่ได้แตะเบรค รถควบคุมได้ยาก แต่ไม่เสียหลัก สะบัดท้ายแต่ยังควบคุมพวงมาลัยได้ดีกว่ายางอีกยี่ห้อหนึ่งครับ
รวมจากทั้งสี่ด่าน สรุปผลการทดสอบถือว่าเป็นที่น่าพอใจมากครับ อีกทั้งราคาก็ไม่ปรับจากรุ่นเดิมเลย ทั้งที่เพิ่มเทคโนโลยี และเพิ่มคุณภาพเหนือระดับเพิ่มขึ้นมากตามที่นำเสนอไปแล้วครับ โดยมีราคาเริ่มต้นประมาณที่ 3,500-9,700 บาท (ขอบ 15” – 19”) โดยรายละเอียดของยางแต่ละขนาดมีดังนี้ครับ
รถยนต์รุ่นที่เหมาะสมกับยางมิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที คือ
FORD รุ่น Focus
HONDA รุ่น Accord และ Civic
LEXUS รุ่น LS และ GS
MAZDA รุ่น Mazda 3
MERCEDES รุ่น C-Class, E-Class และ S- Class
NISSAN รุ่น Teana
TOYOTA รุ่น Camry, Altis และ Alphard
ขอขอบคุณ: บริษัท สยามมิชลิน จำกัด อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาการทดสอบ สนใจรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ 0-2793-6900
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
K.Jetrin
ขออนุญาตแนะนำเป็นแถว กม. 1 นะครับ
ค็อกพิท ธนายางพาณิชย์
382 ถ.บางนา-ตราด กม.1 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
โทร 02-396-1650
โทรสาร 02-393-0559
เวลาทำการ 8.00-18.00
วันทำการ เปิดบริการทุกวัน
MICHELIN PRIMACY 3 ST ราคาเท่าไรครับ กำลังจะเปลี่ยน ยางใหม่ และรับการเปลี่ยนได้ที่ไหนผมอยู่ที่ บางนาตราด กม 38