รีวิว 2016 Subaru Forester 2.0iP (Group Test) เจ้าป่าขาลุย เทคโนโลยีทันสมัย เอาใจคนรักกิจกรรม
เมื่อไม่นานมานี้ 9carthai เราได้นำเสนอรีวิว 2016 Subaru Forester 2.0 ใหม่ กันไปแล้ว ซึ่งได้ปรับโครงสร้างราคาใหม่ไปเรียบร้อย น่าสนใจน่าโดนกว่าเดิม วันนี้เราขอมานำเสนออีกรุ่นที่ เรียกได้ว่าออปชั่นให้มาแบบจัดเต็มในรุ่น 2016 Subaru Forester 2.0iP ในการทดสอบแบบ Group Test สื่อมวลชนกันอีกทีครับ
ก่อนจะเข้ามาที่ตัวรถ เราขอมาพูดคุยถึงการปรับราคาใหม่กันก่อนดีกว่า
สำหรับ 2016 Subaru Forester ใหม่ นี้ เป็นโครงสร้างแบบ Global Platform (คันเดียวใช้ทั่วทั้งโลก)
โดยในรุ่น CKD (ประกอบมาเลเซีย) ผลิตที่โรงงาน ตันจง ในมาเลเซีย มีกำลังการผลิต 1 หมื่นคัน/ปี
หลังจากมีการเปิดตัวใน Motor Show 2016 ที่ผ่านมานี้ ยอดจองของตัว 2016 Subaru Forester จะอยู่ที่ราว 200 คัน ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
และล่าสุดเมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อน ทาง Subaru ได้มีการปรับโครงสร้างราคาใหม่ ทำให้
2016 Subaru Forester 2 รุ่น CKD ที่ราคา 1,398,000 บาท รุ่น 2.0iและ 1,498,000 บาท รุ่น 2.0iP โดยล่าสุดได้ทำการปรับราคาใหม่ 2.0 i เหลือ 1,198,000 บาท และ 2.0 i-P AWD เหลือ 1,398,000 บาท
ถึงตรงนี้ หลายคนที่จองรถไปก่อนอาจบ่นอุบ แต่ที่จริงแล้ว ต้องเรียนว่า ในราคาก่อนปรับลดนี้ เป็นราคาที่มาพร้อมโปรโมชั่น มากมาย อาทิ ประกันชั้น 1, โปรแกรมฟรีค่าบำรุง, ดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้มูลค่าร่วมแสนบาท แต่ในโครงสร้างราคาปรับลดใหม่นี้ จะเป็นราคาของตัวรถเพียงอย่างเดียว
เรียกได้ว่า ลูกค้าเก่าของ Subaru ไม่ต้องนิ่งนอนใจว่าจะโดนเอาเปรียบหรือไม่ และทาง Subaru เองนั้นไม่ปล่อยปละละเลยลูกค้าเก่าอย่างแน่นอนครับ
เอาล่ะกลับมาที่การทดสอบกันต่อ เส้นทางการทดสอบนั้นเป็นเส้นทาง กทม.-กาญจนบุรี (โรงแรมเทวมันตรา)
โดยเริ่มวิ่งออกจากโชว์รูม Subaru เสรีไทย ไปทางเส้นรามอินทรา -> รอบนอกกำแพงแสน -> พนมทวน
2016 Subaru Forester มากับสโลแกน “Is there Anything You Can’t Do?” มีอะไรที่คุณทำไม่ได้?
มันเป็นรถที่ออกแบบมาให้เป็นรถครอบครัวที่เน้น Activity โดยเฉพาะเพราะมี AWD X-Mode มาให้
นอกจากนี้ยังเป็น Best Balance SUV เหมาะแก่ทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะลุย หรือทางเรียบ
จากที่เราได้รีวิวรุ่น 2.0i ไปแล้ว https://www.9carthai.com/review-2016-subaru-forester-2-0i/
เราจะขอพูดถึงเพียงแค่จุดที่ 2.0iP มีอะไรแตกต่างกันบ้าง
ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ Bi-Xenon โดยยังมีไฟ DRL LED อยู่ในโคมไฟหน้า เช่นเดิม แต่เพิ่มไฟ LED เรียงตั้ง 4 เม็ด ที่บริเวณใกล้ไฟตัดหมอก พร้อมกันนี้ไฟหน้า ยังมีระบบเลี้ยวตามการหักพวงมาลัยอัตโนมัติอีกด้วย รวมไปถึงระบบเปิด-ปิดไฟหน้าออโต้ และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ไฮไลท์สำคัญรุ่นนี้ อยู่ที่ กุญแจ Immobilizer ใหม่ ที่มีระบบ Pin Code ให้คุณ ไม่ต้องพกกุญแจไปทำกิจกรรมสามารถทิ้งไว้ในรถได้เลย การปลดล๊อกเพียง ใช้การเคาะที่เซ็นเซอร์ตรงมือจับประตูเพียงเท่านั้น (คล้ายการส่งรหัส MOS)
ฝาประตูบานท้ายเปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำระยะความสูง
ด้วยการที่ 2016 Forester ใหม่ เปลี่ยนกระจกรอบคันให้มีความหนาขึ้น ช่วยให้รถเก็บเสียงมีความเงียบยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารภายใน เราขอพูดถึงเฉพาะจุดที่มีเพิ่ม แตกต่างจาก 2.0i ตามที่ได้ทดสอบไปแล้ว
โดยรวมมองผิวเผินมันแทบจะไม่ต่างกันโดยการตกแต่งด้วยวัสดุหนังสีดำ
ที่มีเพิ่ม ได้แก่ เบาะนั่งไฟฟ้าฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง, บันทึกได้ 2 ค่า, แอร์ออโต้แบบแยกโซนซ้าย-ขวา
แผงแดชบอร์ดแบบสี ที่ยกมาจาก WRX
จอ MID ทางด้านบนคอนโซลกลาง แสดงผล ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ, อัตราสิ้นเปลือง, % การกดคันเร่ง, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้, สถิติการขับประหยัดน้ำมัน, นาฬิกา รวมไปถึงการทำงานของ X-Mode
ทางแผงคอนโซลด้านขวา จะมีปุ่ม Push Start, SRH off (ไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัย), ปุ่มปิด VDC, ความจำระยะของการเปิดฝากระโปรงท้าย, ปุ่มเปิดฝากระโปรงท้าย
บนพวงมาลัย เพิ่มปุ่มขวามือ ได้แก่ SI-Drive, Cruise Control, Paddle Shift
ที่ตำแหน่งเกียร์ L จะหายไป แทนที่ด้วย M ไว้ควบคุมเกียร์ได้เองผ่าน Paddle Shift
ชุดแป้นคันเร่ง + เบรก + ที่วางเท้าแบบสปอร์ต
ที่กระจกมองข้างมีลูกเล่นเป็นเมื่อเปิดไฟเลี้ยว เส้นลูกศรจะวิ่งขึ้นที่กระจกมองข้างด้วย
ในครั้งนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสลองไปนั่งที่เบาะโดยสารตอนหลัง พบว่า ตำแหน่งความลาดเอียงของเบาะอยู่ในตำแหน่งที่เอียงพอดี นั่งสบาย พื้นที่ Leg Room กว้างขวางพอที่ให้คนระดับ 180 ซม. นั่งได้โดยไม่อึดอัดนัก แต่น่าเสียดายเพียงที่ไม่มีช่องแอร์ตอนหลังให้
ในด้านของสมรรถนะการขับขี่ เครื่องยนต์ Boxer ลูกสูบนอน พิกัดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรคันนี้ เป็นบล๊อกเดียวกับที่พบใน XV มีความจุจริง 1,995cc ให้กำลัง 150 แรงม้า@6,200rpm มีแรงบิด 198 Nm@4,200rpm ส่งกำลังลงสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (All Time) ผ่านเกียร์ Lineartronic CVT
ทาง Subaru เคลมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ 8.2 ลิตร/100 กม. (12.19 กม./ลิตร) และคายไอเสีย (CO2) 189 กรัม/กม.
ในการขับขี่นั้น การใช้งานบนท้องถนนก็เป็นเช่นเดียวกับรุ่น 2.0i ที่เราได้กล่าวไปแล้ว คือ อัตราเร่งช่วงต้นตอนออกตัวรถดูพุ่งดี แต่ช่วงความเร็วย่านกลางนั้น จะเริ่มช้าลง แต่ถึงกระนั้นการทำความเร็วในระดับ 160 กม./ชม. ยังไม่ใช่เรื่องยากเย็น ที่ต้องเค้นกันมากนัก
จุดต่างคือ รุ่น 2.0iP จะมี SI-Drive มาให้เล่น คือ หากกดปุ่ม S-Drive ที่พวงมาลัย จะพบว่าเราสามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้มากขึ้น ระบบจะไม่ตัดเกียร์ขึ้นเกียร์สูง เพื่อเลี้ยงรอบให้เราเอาไว้ใช้งานในการเร่งแซง และการตอบสนองของคันเร่งจะมาไวขึ้น ตามชื่อในแบบ Sport Mode นั่นเอง
อีกหนึ่งความน่าประทับใจอยู่ที่การเก็บเสียงลมที่ทำได้ดีมาก ตามเคลมจากการเปลี่ยนกระจกให้หนาขึ้นรอบคัน แม้ความเร็วแตะระดับ 160 กม./ชม. ยังคงเงียบ แต่ได้ยินเสียงเข้าจากพื้นใต้ท้องรถบ้างเล็กน้อย และบริเวณกระจกมองข้างที่โต้ลมไปหน่อย
อัตราสิ้นเปลืองในทริปนี้ ที่ขับกันโหดเสียหน่อย เราทำได้ในช่วง 11-12 กม./ลิตร
ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยไฟฟ้าที่ช่วยผ่อนแรงได้เป็นอย่างดี เบาสบายขณะถอยจอด และเคลื่อนตัว มีความหนืดแน่นมือ เมื่อขับที่ความเร็วสูง ให้ความมั่นใจได้ในทุกโค้งรวมถึงขณะขับด้วยความเร็ว และมันให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ว่องไวกระฉับกระเฉง โดยเฉพาะช่วงที่ขับความเร็วต่ำ ในการทดสอบช่วง Off-Road มันทำงานได้ดีเยี่ยม โดยปกติ หากเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าคันอื่นๆ มักจะพบอาการพวงมาลัยฟรีทิ้ง เมื่อเคลื่อนตัวที่ความเร็วต่ำมากๆ และเจอพื้นผิวการขับขี่ที่ไม่ราบเรียบ แต่ Forester นั้น แทบไม่พบอาการเช่นนั้น เมื่อขับขี่บนทาง Off-Road ให้สัมผัสที่จับได้ว่าพวงมาลัยยังมีน้ำหนัก พร้อมต่อการควบคุมในทุกย่างก้าวบนทางลูกรังเช่นนี้
ด้านระบบกันสะเทือน ที่ได้ปรับปรุงขึ้นใหม่จากโฉมก่อนหน้า ถือเป็นข้อดีตามที่ได้กล่าวไป ทั้งสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิมไม่ย้วย และการซับแรงที่ยังทำได้ดีนุ่มนวล แต่คงความหนึบแน่น ไว้ใจได้กว่าเก่า
คราวนี้เราได้ขับขี่ใน X-Mode ในช่วงที่เป็นทางลูกรังก่อนเข้าสู่ที่พัก ซึ่งใช้ความเร็วไม่มาก อยู่ที่ไม่เกิน 40 กม./ชม.
X-Mode จะเข้ามาควบคุม เครื่องยนต์, ระบบเกียร์, ระบบ AWD, VDC, HDC
การใช้งานจริงพบว่า คันเร่งหน่วงขึ้นหน่อย เพื่อให้เราไม่เติมคันเร่งพรวดพราด จนอาจทำให้สูญเสีย Grip ในบางจังหวะ ล๊อกการทำงานของระบบเกียร์ให้ใช้เกียร์ต่ำ เพื่อถ่ายทอดกำลังได้อย่างเหมาะสม Limited Slip แบบไฟฟ้า ที่มาช่วยในการถ่ายกำลังระบบขับ 4 ทั้งเพลาหน้า-หลัง อย่างฉลาดและรวดเร็ว
รวมไปถึง HDC ที่เข้ามาช่วยให้ไม่ต้องเลี้ยงเบรกจนเมื่อยขา ขณะลงทางลาดชันสูงๆ และ VDC ที่ช่วยป้องกันล้อฟรี เมื่อเซ็นเซอร์จับได้ว่าล้อไหนหมุนมากกว่าล้ออื่น ก็จะตัดส่งกำลังไปยังล้ออื่นที่เหลือ
สำหรับระบบเบรก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก BA, มีขนาดจานเบรกหน้าขนาด 294 มม. จานเบรกหลังขนาด 274 มม. ยังทำหน้าที่ได้ใกล้เคียงเดิม คือ เบรกค่อนข้างนุ่มเท้า แม้ระยะแป้นจะไม่ลึก แต่มีอาการหนืดเท้าพอสมควรเพื่อให้รถไม่มีอาการหน้าทิ่ม แต่โดยรวมในบางจังหวะผู้เขียนยังอยากได้ความรู้สึกที่ตอบสนองไวกว่านี้อีกสักหน่อย แบบที่ไม่ต้องลงน้ำหนักแป้นเบรก ลึกจนเกินไป
ด้านระบบ Safety มีทั้งแบบ Active/Passive
ได้แก่ น้ำหนักของตัวโครงสร้างรถที่หนักแน่น Subaru ไม่เลือกที่จะลดน้ำหนักโครงรถในส่วนนี้ เพื่อความปลอดภัยของภายในห้องโดยสาร และยังเป็นรถ SUV ญี่ปุ่น คันเดียวที่ให้ Airbag ถึง 7 จุดมาตั้งแต่รุ่นล่าง
ระบบเทคโนโลยีความปลอดภัย ครบครัน VDC, ABS, EBD, BA แม้ไม่มากมาย แต่ให้มาเพียงพอกับการใช้งานจริง! สัมผัสได้ในทุกการทำงาน
สรุป การปรับโครงสร้างราคาใหม่ของ 2016 Subaru Forester ทำให้ ช่องว่างราคารุ่น 2.0i และ 2.0iP ขยับเพิ่มเป็น 2 แสนบาท จากเดิม 1 แสนบาท นั้นทำให้ผู้ซื้อนั้น ต้องพิจารณามากขึ้น เพราะของเล่นที่ให้ต่างกันนี้ มากพอสมควรเลย และราคาแตะ 1.4 ล้านบาทของเจ้า Forester 2.0iP นี้อาจทำให้หลายคนเอามันไปเปรียบกับ PPV ในบางรุ่น ซึ่งเราต้องเรียนตามจริงว่า มันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ กับความเป็น Pick Up Based และ รถยนต์ SUV ที่นั่งสบาย แถมที่สำคัญมันลุยได้จริงๆ
เอาเป็นว่าสาวก ดาวลูกไก่ตัวจริง คุณจะมองข้ามข้อนี้ไป อย่างแน่นอน เพราะสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ได้ และเทคโนโลยี ที่ไม่ธรรมดาคันนี้จะตอบโจทย์ผู้รัก Activity ได้อย่างแท้จริง
จุดเด่น
จุดที่น่าจะมีเพิ่มเติม
ขอขอบคุณ TC Subaru สำหรับทริปทดสอบ 2016 Subaru Forester 2.0iP ใหม่ ราคารถ 1.398 ล้านบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว 2016 Subaru Forester 2.0iP (Group Test) เจ้าป่าขาลุย เทคโนโลยีทันสมัย เอาใจคนรักกิจกรรม "