พาชมตัวจริง ทุกมุม 2017 Honda Civic Hatchback สปอร์ตเข้มเร้าใจ
HONDA CIVIC เป็นยนตรกรรมที่มีชื่อเสียงในระดับโลกมาอย่างยาวนาน และเป็นรุ่นที่มียอดขายสูงที่สุดของฮอนด้า โดยในปัจจุบัน HONDA CIVIC 2017 มีให้เลือกทั้งแบบ ซีดาน คูเป้ และแฮทช์แบ็ก ซึ่งจำหน่ายในมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก
สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค ซีดาน ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ที่เกิดจากการทุ่มเทสรรพกำลัง และความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ของทีมวิศวกร ซีวิค ใหม่ จึงประสบความสำเร็จอย่างมาก และกลายเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งของฮอนด้า รวมทั้งยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพคท์ทั้งในเรื่องของสมรรถนะ พื้นที่ใช้สอย ความประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยอีกด้วย
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งมาพร้อมกับรูปทรงในสไตล์แฮทช์แบ็กที่ดูสปอร์ตพรีเมียม ผสานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ VTEC TURBO ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ดีเยี่ยม และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีอีกด้วย
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยมีโครงสร้างพื้นฐานของตัวถัง และเครื่องยนต์เดียวกันกับฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ ในส่วนของการออกแบบและงานด้านวิศวกรรม การผลิตและงานขาย ยังได้รับความร่วมมือจากฮอนด้าในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แท้จริงในแต่ละภูมิภาค
โดยทีมวิจัยและพัฒนาได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์การขับเคลื่อนที่คืนพลังความเป็นหนุ่มสาวให้กับลูกค้า (Dynamic Rejuvenation) ซึ่งทีมวิศวกรมือหนึ่งของบริษัททั้งในประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาต่างร่วมกันมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้ซีวิคเป็นยนตรกรรมคอมแพคท์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเซกเมนต์ ทั้งยังได้เทียบเคียงมาตรฐานกับยนตรกรรมระดับหรู โดยได้ทำการทดสอบภายใต้การใช้งานจริงร่วมกับรถยนต์หรูของยุโรป เพื่อตั้งมาตรฐานในด้านการขับขี่ การบังคับควบคุม เสียง การสั่นสะเทือน ความกระด้าง (NVH) คุณภาพภายในห้องโดยสาร รวมถึงความปราณีตในการออกแบบตัวรถ
แรงบันดาลใจในการพัฒนา
ในขณะที่ทีมพัฒนากำลังริเริ่มสร้างสรรค์ยนตรกรรมฮอนด้า ซีวิค อุตสาหกรรมยานยนต์ ณ ขณะนั้นกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้สังคมหันกลับมาให้ความสนใจกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ เครื่องยนต์ดีเซล และเทคโนโลยีการลดขนาดเครื่องยนต์ (Engine Downsizing) แต่ยังคงให้แรงม้าเท่าเดิมหรือมากกว่า ซึ่งกระแสนี้มีจุดเริ่มต้น
ในประเทศแถบยุโรป ตามมาด้วยอเมริกาเหนือ และจีน จากนั้นจึงกระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ตลาดรถยนต์ในระดับคอมแพคท์ยังมีการแข่งขันกันสูง ทำให้การนำเสนอความคิดใหม่ๆ รวมถึงคุณค่าที่นำเสนอให้กับลูกค้ากลายเป็นแก่นแท้ในการพัฒนารถยนต์ และกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค ในทุกรุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 1 ซึ่งนับเป็นยนตรกรรมระดับโลกรุ่นแรกที่มีการวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้า พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และการออกแบบที่มีลักษณะเป็นทรง 2 มิติ ทั้งยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่สามารถผ่านมาตรฐาน Muskie Act หรือ กฎหมายควบคุมมลพิษในไอเสียที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้กำหนดใช้ในปี ค.ศ. 1970* และตลอดทุกเจเนอเรชั่นที่ผ่านมา ฮอนด้า ซีวิค ได้นำเสนอแนวคิด พร้อมทั้งสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ ฮอนด้า ซีวิค ได้รับการยอมรับ และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อน แรงบันดาลใจและความพยายามในการสร้างสรรค์ ยนตรกรรมฮอนด้า ซีวิค ตั้งอยู่บนปรัชญาความเชื่อพื้นฐานของบริษัทฯ คือ ความยินดี 3 ประการ ได้แก่ ความยินดีที่ได้ซื้อของลูกค้า ความยินดีที่ได้ขายของผู้แทนจำหน่าย และความยินดีในการสร้างสรรค์ของพนักงานฮอนด้าและผู้จัดส่งวัตถุดิบ ซึ่งในช่วงแรกของกระบวนการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เราต้องการที่จะพิสูจน์ความเชื่อบนพื้นฐานความยินดี 3 ประการนี้ เพื่อที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับฮอนด้า ซีวิค ที่ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าทั่วโลกที่กำลังมองหารถยนต์ในระดับคอมแพคท์
*หมายเหตุ: ในปี 1970 พระราชบัญญัติ Clean Air ได้กำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ลดปริมาณของก๊าซพิษที่เป็นอันตรายลงถึง 90% ภายใน 5 ปี ซึ่งก่อให้เกิดแรงต้านจากผู้ผลิตรถยนต์เพราะเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ และถือว่าเป็นข้อกำหนดที่มีความเข้มงวดในแง่ของมาตรฐานไอเสียมากที่สุดของโลก
คำขวัญที่ว่า OTOKOMAE
คำว่า “OTOKOMAE” กลายเป็นคำขวัญของฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ซึ่งไม่เพียงแค่สื่อให้เห็นถึงความหรูหราสง่างามเท่านั้น แต่ยังคงสื่อถึงความงามจากภายในทั้งในแง่ของความคิดและจิตใจ ซึ่งผสานเข้ากับวิถีการใช้ชีวิต การที่จะสร้างสรรค์ให้ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สามารถสะท้อนความเป็น OTOKOMAE ได้อย่างแท้จริงนั้น ทีมวิศวกรผู้พัฒนาต้องนำเอาเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่มีอยู่ในรถยนต์ระดับหรูมาใช้ โดยเฉพาะ ในส่วนของการออกแบบที่ไม่จำกัดเพียงแค่การมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจเท่านั้น แต่ลักษณะของเส้นสาย และส่วนโค้งเว้าที่ได้ถูกนำมาใช้นั้นจะต้องสามารถสื่อความหมายพร้อมกับสร้างสรรค์ประโยชน์ในเชิงเทคนิคด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ทีมวิศวกรยังได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ บนถนนออโตบาห์น ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นถนนที่ไม่มีการจำกัดความเร็ว นับเป็นการตั้งเป้าหมายสมรรถนะการขับขี่ภายใต้เงื่อนไขที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งทีมผู้บริหารระดับสูงยังได้เปิดโอกาสให้ทีมวิศวกรผู้พัฒนาเดินหน้าสร้างสรรค์กันได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นจะมีคุณภาพดีเยี่ยมเกินราคาที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามสมรรถนะของในการขับขี่ยังได้รับการพัฒนาและทดสอบภายใต้เงื่อนไขและสภาพแวดล้อมที่เกินกว่าระดับปกติ ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกการเดินทาง
แนวคิดการออกแบบ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่
ซีวิค ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1972 โดยชื่อ “ซีวิค” นั้น เกิดจากความประสงค์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์ ‘รถยนต์เพื่อประชาชน และเป็นรถยนต์ของคนทั่วโลก’ เพื่อส่งต่อความสุขให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน และนับจากนั้นชื่อของ “ซีวิค” จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสปิริตความท้าทายของฮอนด้า ทั้งยังเป็นผลลัพธ์ของการเอาใจใส่ต่อเสียงสะท้อนและความต้องการอันแท้จริงของผู้บริโภค การเป็นผู้นำเทรนด์ และการส่งมอบคุณค่าใหม่ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ
ทั้งนี้ เพื่อให้ “ซีวิค” เป็น ‘รถยนต์เพื่อประชาชน และเป็นรถยนต์ของคนทั่วโลก’ มากกว่าที่เคยเป็นมา ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 จึงมาพร้อมแนวคิดการออกแบบ ‘The Civic-Creating a way of Life’ เพื่อสร้างสรรค์ให้ “ซีวิค” เป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานจุดเด่นในด้านต่างๆ ที่เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาทิ สมรรถนะการขับขี่ ความประหยัดน้ำมัน และพื้นที่ใช้สอย เป็นต้น เพื่อสร้างสรรค์
วิถีการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ โดยมีพื้นฐานการพัฒนาอันประกอบด้วยหลัก 3 ประการ คือ
1. ความโดดเด่นของดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งความโดดเด่นของเทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม (Charismatic)
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว ผสมผสานกับการนำเอาเทคโนโลยีระดับสูงที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ระดับที่สูงกว่า รวมทั้งการออกแบบภายในห้องโดยสารที่ล้ำสมัยที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย และการเลือกใช้วัสดุในการตกแต่งที่มีคุณภาพสูงนอกจากนี้ ในตำแหน่งของผู้ขับขี่ยังมาพร้อมกับพื้นที่ด้านหน้าที่ให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ชัดเจนอีกด้วย
2. จิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อน (Soulful)
ฮอนด้า ซีวิค แฮทซ์แบ็ก ใหม่ ผ่านเงื่อนไขการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมและการใช้งานจริง
จึงให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังในสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของการทรงตัว ความมั่นใจ
พร้อมตำแหน่งที่นั่งคนขับที่ต่ำ ให้อารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ต รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเทอร์โบ
ในเครื่องยนต์เบนซินที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
3. สุนทรียภาพทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยเหนือระดับ (Comfortable) อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) เป็นต้น
การออกแบบภายนอก
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exciting Hatch!” เน้นการออกแบบในสไตล์ที่ล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างร่วมกันกับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ลักษณะตัวถังยังคงให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง ผสานกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัด ซึ่งออกแบบมาให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์เอื้อประโยชน์ทั้งในเรื่องความประหยัดน้ำมันและช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ใช้ตัวถังส่วนหน้า และมีระยะฐานล้อเดียวกันกับ ซีวิค ใหม่รุ่นปัจจุบัน แต่ระยะตัวถังตั้งแต่เสากลาง หรือ B-Pillar ไปจนถึงด้านท้ายของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ โดยแนวเส้นหลังคาด้านท้ายจะมีความสูงมากกว่ารุ่นซีดาน เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ในขณะที่ระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านท้ายของตัวรถสั้นลงเพื่อให้อารมณ์ความสปอร์ตตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์ยุโรป
ภาพโดยรวมของตัวรถเมื่อมองจากด้านข้างถูกออกแบบให้กว้าง และต่ำลงในสไตล์สปอร์ต โดยมีตัวถังที่กว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร ตัวรถมีความสูงลดลง 20 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้แนวเส้นหลังคามีความเพรียวขึ้น
นอกจากนี้ การออกแบบให้บริเวณช่วงล้อมีขนาดใหญ่ และมีหน้ากว้างมากขึ้น ช่วยให้เกิดการทรงตัวที่ดี ขณะที่ระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น ระยะโอเวอร์แฮงค์ที่สั้นลง และการปรับปรุงพื้นที่ห้องโดยสารใหม่ ช่วยสร้างสัมผัสพลังแห่งการขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี
การออกแบบด้านหน้าตัวรถของฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ เน้นความสปอร์ต และหรูหรา โดยบริเวณด้านหน้าตัวรถมีระยะโอเวอร์แฮงค์ที่สั้นลง มาพร้อมกับช่องรับอากาศบริเวณกันชนหน้าที่สวยงามโดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ตรูปรังผึ้ง ที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ผสานกับลวดลายเส้นสายบนตัวถังที่พาดผ่านตั้งแต่ด้านหน้าตัวรถยาวไปบรรจบกับขอบไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED ในส่วนของกันชนท้ายถูกออกแบบให้มีเหลี่ยมสันที่สวยงาม พร้อมเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาในสไตล์สปอร์ตด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์รูปรังผึ้ง
การออกแบบภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด “Daring ACE Design” โดยยังคงยึดหลัก “Man Maximum, Machine Minimum” ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก รวมถึงการพัฒนาให้มีระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นและตัวถังที่กว้างขึ้น ทำให้ห้องโดยสารของ ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ กว้างขวางสะดวกสบายกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน การออกแบบเน้นการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียมไปพร้อมกัน ผสานกับเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่ออันทันสมัย
แผงหน้าปัดมาพร้อมมาตรวัด ประกอบด้วยมาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ มาตรวัดระดับเชื้อเพลิง และมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ที่มีมาตรวัดความเร็วแสดงผลเป็นตัวเลขดิจิตอล ส่วนแผงหน้าปัดด้านบนออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้พื้นที่ช่วงหัวเข่าของที่นั่งด้านคนขับกว้างขวางขึ้น และแผงคอนโซลกลางได้รับการออกภายใต้แนวคิด “Tech Center” ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางเทคโนโลยีโดยด้านบนแยกออกเป็น 2 ชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับช่องเชื่อมต่อได้อย่างเป็นระเบียบ
โครงสร้างตัวถังของ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีลักษณะที่ยาวและกว้างขึ้น รวมถึงระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ฝากระโปรงหน้ายังถูกปรับให้ลดต่ำลง และการออกแบบให้เสากระจกบังลมหน้า หรือ A-Pillar บางขึ้น ช่วยลดปัญหาการบดบังทัศนวิสัยบริเวณด้านหน้า และยังช่วยให้มุมมองบนเส้นทางด้านหน้ากว้างขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งขึ้น เมื่ออยู่ภายในห้องโดยสาร สำหรับเบาะที่นั่งด้านหน้า ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับหลักสรีระศาสตร์ โดยเบาะที่นั่งคนขับอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ช่วยสร้างความรู้สึกมั่นใจและอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น ส่วนผู้โดยสารด้านหลังสามารถมองเห็นด้านหน้าได้อย่างชัดเจนขึ้น เนื่องจากการออกแบบรูปทรงส่วนบนของเบาะที่นั่งคู่หน้าให้มีลักษณะที่แคบลง และหมอนรองศรีษะที่มีขนาดกะทัดรัด
นอกเหนือจากความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารแล้ว ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ยังให้พื้นที่บรรจุสัมภาระด้านท้าย 414 ลิตร โดยพนักพิงของเบาะหลังสามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 และ ความสูงของห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายสูง 679 มิลลิเมตร ซึ่งหากปรับพับเบาะที่นั่งด้านหลังลงทั้งหมด จะช่วยเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมาพร้อมม่านปิดสัมภาระที่สามารถเลือกปิดเก็บได้ทั้งซ้ายหรือขวา เพื่อป้องกันการมองเห็นสัมภาระที่อยู่ด้านท้าย
เครื่องยนต์ HONDA CIVIC HATCHBACK
HONDA CIVIC HATCHBACK ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที โดยใช้เทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคท์ อินเจคชั่น ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง พร้อมการออกแบบท่อไอดีแบบตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร โดย 3 เทคโนโลยีหลักของ VTEC TURBO ที่ให้สมรรถนะอันทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ได้แก่
1. ระบบหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง
โดยปกติของเครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไป จะมีการส่งอากาศที่มีแรงดันสูงเข้าไปในเครื่องยนต์ ทำให้อุณหภูมิและความดันภายในเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ชะงัก แต่ในเครื่องยนต์ VTEC TURBO ของฮอนด้า ใช้เทคโนโลยีหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น โดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกระบอกสูบโดยตรง ช่วยลดอุณหภูมิภายในกระบอกสูบและการไหลของไอดีแบบตรง ช่วยให้อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและต่อเนื่อง
2. ระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่ (Dual VTC) ของท่อไอดีและท่อไอเสีย
เครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไปให้กำลังที่รอบเครื่องยนต์ต่ำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ไม่เต็มที่ แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO นี้มี Valve Timing Control (VTC) เพื่อควบคุมจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วของท่อไอดีและท่อไอเสียให้ทำงานสัมพันธ์กัน จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในรอบต่ำ
3. เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้า
หนึ่งในปัญหาของเครื่องยนต์เทอร์โบทั่วไป คือ เทอร์โบตอบสนองช้าหลังจากเหยียบคันเร่ง จึงทำให้มีการปล่อยพลังงานไอเสียมากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณไอดีให้สูงขึ้น แต่เครื่องยนต์ VTEC TURBO มีการใช้เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งใบพัดขนาดเล็ก เพื่อนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์เทอร์โบสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ
เทคโนโลยีอันล้ำสมัย สะดวกสบายในทุกการขับขี่ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ด้วยการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น)
• พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
• มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งาน
ที่หลากหลาย โดยสามารถสลับเปลี่ยนข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System)
• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) สามารถสั่งการได้จากระยะไกลเพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดอยู่ ประตูรถจะยังคงล็อกเช่นเดิม และรถจะยังไม่อยู่ในสถานะที่พร้อมออกตัวได้ จนกว่ากุญแจรีโมทและผู้ขับขี่จะอยู่ภายในตัวรถ และกดปุ่มสตาร์ทการทำงานของเครื่องยนต์ภายในรถอีกครั้ง
• เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
• เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา
มาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือระดับ มั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ
• โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
• กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
• ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
• เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้ และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
• ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
• ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA)
• ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ยังก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
ที่เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาทิ
• สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
• ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) เพียงใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง
• ระบบ Auto Brake Hold เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อให้อัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็น
ต้องเหยียบเบรกค้างไว้
• ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
Honda Civic Hatchback ใหม่ มาในรุ่น HATCHBACK TURBO ราคา 1,169,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ คือ สีดำมิดไนท์เบอร์กันดี (มุก) และอีก 4 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/civichatchback
หมายเหตุ: สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท สีดำมิดไนท์เบอร์กันดี (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " พาชมตัวจริง ทุกมุม 2017 Honda Civic Hatchback สปอร์ตเข้มเร้าใจ "