รีวิว Honda CB150R ขี่ในสนาม เบา คล่องตัว เบรกเจ๋ง ออปชั่นแน่นตามราคา
พึ่งเปิดตัวกันไปเมื่อต้นเดือนซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในโลกกับ Honda CB150R รถ Street Naked สไตล์ Modern Cafe จากค่ายปีกนก หลายคนที่กำลังสนใจในความเท่ และออปชั่นจัดเต็มของเจ้ารถคันนี้นั้น อาจยังมีคำถามสงสัยว่ามันน่าสนใจแค่ไหน ในวันนี้ทาง 9carthai เราขอมารีวิวให้หายสงสัยกันดีกว่าครับ กับเจ้า Honda CB150R โมเดิร์นคาเฟ่ ออปชั่นระดับ Supersport คันนี้กัน
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นที่ สนามทดสอบ Honda R&D Asia Pacific ที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว กับงบลงทุนในการสร้างกว่า 1,700 ล้านบาท
ก่อนการทดสอบในช่วงเช้าจะมีการอบรมข้อมูลเพิ่มเติมให้รับฟังกันก่อน โดยเราขอสรุปประเด็นสำคัญของ Honda CB150R ดังนี้
ตัวรถ CB150R คันนี้ ได้รับการออกแบบจาก คุณ Yuzuru Ichikawa ซึ่งเป็น Large Project Leader ของรถคันนี้ มีผลงานในการพัฒนารถ BigBike Honda มามากมาย ได้แก่ รถ MotoGP Protoype, MotoGP RC211V, 2008 CBR1000RR, 2012 CBR1000RR, 2013 CBR600RR, 2014 CBR1000RR SP, 2016 RC213V-S, 2017 CBR1000RR SP2 ฉะนั้น ออปชั่นต่างๆ จึงได้ถูกถ่ายทอดมาจากรถในระดับ Supersport และ Superbike
ดังนั้น CB150R จึงถูกเลือกจัดใส่สเป็กออปชั่นมาเต็มแบบรถ BigBike ซึ่งกล่าวได้ว่าตำแหน่งอยู่ระหว่าง รถสปอร์ต 650cc และ Supersport 600cc
สำหรับในเรื่องของการกระจายน้ำหนัก Honda CB150R จะมีการรวมน้ำหนักในลักษณะเดียวกับรถแข่ง MotoGP คือ การรวมมวลสู่จุดศูนย์ถ่วง โดยจัดวางมวลรถให้อยู่ภายในสามเหลี่ยม (ลากตั้งแต่ ศรีษะผู้ขี่-ล้อหน้า-ล้อหลัง) จึงช่วยให้ผู้ขี่สามารถควบคุมรถได้ง่าย เนื่องจากมวลถูกรวมอยู่ที่ศูนย์กลางผู้ขี่
ในส่วนตรงนี้นั้นทางทีม R&D ได้เลือกตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ไว้ ที่ด้านหน้าบริเวณใต้ถังน้ำมัน รวมถึงท่อไอเสียที่วางอยู่ใต้ท้องรถ
นอกจากนี้เครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้ ทาง R&D ได้เคลมว่า สัดส่วนแรงบิดต่อน้ำหนัก นั้นถือว่า อยู่สูงกว่ารถ 150cc คันอื่นๆ ที่ใช้เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
หากเทียบบล็อกนี้กับบล็อกเก่ามีการปรับเปลียนหลายส่วน อาทิ ฝาสูบ DOHC ใหม่, กระเดื่องวาล์วใหม่, เสื้อสูบใหม่, ลูกสูบใหม่, เพลาข้อเหวี่ยงเพิ่มระยะชัก, ผ้าคลัทช์ใหม่, สเตอร์หลัง 47T
(สำหรับรายละเอียดรูปลักษณ์ และออปชั่นเด่นที่น่าสนใจของ Honda CB150R เราได้นำเสนอกันไปแล้วสามารถอ่านได้ที่นี่) และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอมาเข้าเรื่องในส่วนของฟีลลิ่งการขี่ทดสอบจริงในสนามกันเลยดีกว่าครับ
การทดสอบในครั้งนี้จะแบ่งกลุ่มผู้ทดสอบออกเป็น 3 สนาม
เริ่มกันที่ Straight Course (การทดสอบสมรรถนะทางตรง)
ในสนามนี้ผู้ขี่จะได้ทดสอบอัตราเร่งช่วงออกตัว จนถึงความเร็วสูง และการทดสอบประสิทธิภาพของเบรก
เริ่มออกตัว ผู้เขียนไล่เกียร์ โดยไม่สนไฟ Shift Light ที่กระพริบเตือนตั้งแต่ประมาณ 7,000rpm ลากยาวสับเกียร์เข้าที่ Redline ในช่วง 10,500rpm
พบว่าอัตราเร่งในรอบเครื่องช่วงต้น-ย่านกลาง แรงบิดดึงดีบิดติดมือ อัตราเร่งทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจ
แต่พบว่าช่วงรอบเครื่องปลาย นั้นเรี่ยวแรงอาจดูตื้อๆไปนิด ไม่ค่อยหวือหวาเหมือนช่วงรอบต้น ในช่วงเกียร์ 4 ขึ้นไป ดูจะมาช้าไปนิด แต่ความเร็วก็ยังคงไหลมาเรื่อยๆ ซึ่งการทดสอบในระยะจากออกตัว ประมาณ 600 ม. ผู้เขียนไล่ความเร็วได้ประมาณ 130 กม./ชม.
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพเบรกก็พบว่า การไล่น้ำหนักของเบรกทำได้ดีมาก เบรกดูดนิ้วดีกว่ารถที่ใช้เบรกแบบ Radial Mount ในรถคลาส 200-390cc อย่างชัดเจน ฟีลลิ่งการชะลอความเร็วทำได้มั่นใจพอสมควร
ต่อกันที่ Oval Course (การทดสอบความเร็วช่วงปลาย และการเข้าโค้ง High Speed)
ต่อเนื่องจากการทดสอบอัตราเร่งในช่วงแรก ในการทดสอบ Oval Course นี้ ผู้เขียนสามารถวิ่ง Top Speed ได้ถึง 137 กม./ชม. (หมอบ) แต่เราจำเป็นต้องผ่อนคันเร่งก่อนตามครูฝึกที่เป็นผู้นำดูแลความปลอดภัย
ซึ่งผู้เขียนคาดว่า CB150R คันนี้น่าจะวิ่ง Top Speed ได้สูงกว่า 140 กม./ชม.+ ตามเรือนไมล์ (ผู้เขียนน้ำหนักประมาณ 60 กก. สวมชุด Racing Suit คาดว่าน่าจะมีน้ำหนักราว 68 กก. ขณะที่นักข่าวผู้ร่วมทดสอบในกลุ่มเดียวกับผู้เขียนซึ่งตัวเล็ก และมีน้ำหนักตัวเบากว่า สามารถทความเร็วได้ทะลุ 140 กม./ชม.)
มาลองขี่แบบยืดตัวตรงไม่หมอบกันบ้างจะได้ที่ 127 กม./ชม.
มีจุดหนึ่งที่ผูู้เขียนสังเกต คือ ความเร็วในช่วง 90-100 กม./ชม. ช่วงนี้จะพบอาการสั่นของเครื่องยนต์ ขึ้นมาที่แฮนด์ให้สัมผัสมากพอสมควรทีเดียว หากขี่ด้วยความเร็วในระดับนี้นานๆ อาจต้องมีผ่อนคันเร่งกันบ้าง
นอกจากนี้ในการเข้าโค้ง High Speed ผู้เขียนพบว่า สามารถเดินคันเร่งที่เกียร์ 6 ได้เลย เมื่อตัด Racing Line สามารถทำความเร็วในโค้งได้ถึงระดับ 120 กม./ชม. แต่แอบพบว่าบางช่วงแฮนด์บาร์อาจมีอาการส่ายหน้าชกเล็กน้อง ตามสไตล์ Naked แฮนด์บาร์ จึงพบว่าการเข้าโค้ง High Speed ในสนามนี้ถ้าวิ่งในระดับ 110 กม./ชม. ลงมา นั้นจะเข้าได้อย่างสบายๆ
ปิดท้ายด้วย Winding Course (การทดสอบการขี่ในสภาพถนนจริง)
การทดสอบในสนามนี้จะเป็นการทดสอบแบบ Circuit ซึ่งเป็นการจำลองการใช้งานจริงบนท้องถนน มีทั้งโค้งขึ้นเขา, ลงเขา U-Turn, โค้งมุมอับสายตา, Chicane, โค้ง S ต่อเนื่อง และ พื้นผิวที่ไม่ราบเรียบ
ผู้เขียนพบว่า ในสนามนี้ พบความน่าประทับใจของ CB150R คือ น้ำหนักของตัวรถที่เบา จึงช่วยให้พลิกรถได้ง่าย + แฮนด์ที่มีความกว้างกำลังพอดี และองศาที่พอเหมาะ มันช่างดูเหมาะกับการเลี้ยวในวงแคบได้เป็นอย่างดี ในแบบสไตล์ของรถ Street Naked ขณะที่ช่วง Bump ของผิวที่ไม่เรียบนั้น โช้กอัพหน้าขนาดแกนใหญ่แบบ USD แน่นเฟิร์มกระชับ ส่วนที่โช้กหลัง แม้จะนิ่มไปนิด แต่โดยรวมพบว่าซับแรงได้ดีทีเดียว
ขอเพิ่มเติมในส่วนตำแหน่งท่านั่ง
ตำแหน่งแฮนด์บาร์ มีขนาดความกว้างกำลังพอดี เหมาะสมกับแนวรถ Street Bike ความสูงแฮนด์กำลังดี ไม่สูง ออกเตี้ยนิดๆ เมื่อผู้ขี่นัั่งหนีบถังน้ำมัน ข้อศอกหย่อนพอประมาณ ท่ากำลังดูสบายๆ ไม่เมื่อย แม้ต้องขี่ทางยาว ขณะที่ความสูงเบาะ 795 มม. ก็ถือได้ว่าเป็นความสูงในระดับรถ Naked Sport ทั่วๆไป ซึ่งตัวผู้ขี่เองมีความสูง 174 ซม. เหยียบได้เต็มเท้าสบายๆ
จุดที่น่าประทับใจเลยเห็นจะเป็นในเรื่องของ น้ำหนักตัวที่เบามากๆ 123 กก. (125 กก. รุ่น ABS) ทันทีที่นั่งคร่อมรถ และลองโยกตัวถังดู เบาพริ้วโยกได้สบายๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถ Naked 150cc ที่มีน้ำหนักตัวเบาที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้
*สำหรับค่าอัตราสิ้นเปลืองจากการสอบถามจากทีม R&D จะอยู่ที่ 40.2 กม./ลิตร ซึ่งเทียบกับถังน้ำมันขนาด 8.5 ลิตร นั่นทำให้การขี่เดินทางไกลออกทริปในระยะ 300 กม. นั้นสามารถไปได้สบายๆ
สรุป รีวิว Honda CB150R ทดสอบในสนามครั้งแรกในโลก นี้ถือได้ว่ามันเป็นรถ Street Naked พิกัด 150cc ที่น่าสนใจมากทีเดียว ขี่สนุก มีจุดเด่นในเรื่องของการควบคุม เนื่องจากเบา ร่วมกับช่วงล่าง และเบรกที่สเป็กเทียบชั้นรถ Supersport 600cc
แต่ด้วยออปชั่นจัดเต็มสุด CB150R จึงเป็นรถที่จับกลุ่มผู้เล่นในระดับพรีเมียมด้วยเช่นเดียวกัน มันมาพร้อมกับราคาที่แพงสุดในคลาสด้วย
แต่ถ้ามองในมุมที่คุณต้องไปเบิกของระดับ 750cc มาใส่เอง ราคาคงพุ่งเกินราคาตัวรถไปเยอะพอสมควร
ดังนั้นถ้าจะมองความคุ้มค่า คงต้องขึ้นกับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล อย่าคิดเสียเพียงว่า เพิ่มเงินอีกนิดนึงก็ได้พิกัด 300cc แล้ว ให้มองที่ความชอบ และความเหมาะสมกับตัวคุณเองจะดีที่สุดครับ
โดย Honda CB150R รุ่น STD เริ่มต้นที่ 99,800 บาท และเพิ่มเงินหนึ่งหมื่นบาท รุ่น ABS G-Sensor อยู่ที่ 109,800 บาท
ขอขอบคุณ A.P.Honda สำหรับกิจกรรมการทดสอบในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
สุภิญญา ชำนาญกุล Photos
ขอขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก Motorcross และ Override
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Honda CB150R ขี่ในสนามทดสอบ เบา คล่อง เบรกเจ๋ง ออปชั่นแน่นตามราคา "