GROUP TEST : BMW X3 xDrive20d xLine On Road โดดเด่น Off Road ลุยดี เติมเต็มความพรีเมี่ยมเหนืออีกขั้นเติมเต็มความพรีเมี่ยมเหนืออีกขั้น
หลังจากบีเอ็มดับเบิลยูได้เผยโฉมคันจริงของ X3 xDrive20d xLine เจเนอเรชั่น 3 (รหัสตัวถัง G01) ในช่วงปลายปี 2017 ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป ล่าสุดบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำสื่อมวลชนสัมผัสประสิทธิภาพอันทรงพลังในกิจกรรมทดสอบรถยนต์ X3 xDrive20d xLine บนเส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา-สระบุรี รวมระยะทางกว่า 250 กม. เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของยานยนต์สไตล์ SAV-Sports Activity Vehicle รุ่นล่าสุดแบบเอ็กซ์คลูซีฟบนเส้นทางแบบออนโรดและแบบออฟโรด
กิจกรรมการทดสอบครั้งนี้เริ่มต้นจากตึกออลซีซั่นส์ถนนวิทยุ ซึ่งทีมงานบีเอ็มดับเบิลยูกำหนดให้สื่อมวลชนขับกันแบบฟรีรัน จากนั้นไปรวมตัวกันอีกครั้งที่ร้านอาหารแกรนด์เจ้าพระญา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับเส้นทางในช่วงแรกที่ใช้ทันทีเมื่อเคลื่อนผ่านจากถนนวิทยุตัดเข้าถนนพระราม 4 ก็ต่อเนื่องใช้ทางด่วนมุ่งหน้าสู่บางปะอิน โดยสภาพการจราจรนับว่าคับคั่งแต่ก็ยังสามารถเคลื่อนตัวได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญแม้ X3 xDrive20d xLine นั้นมีขนาดมิติที่ค่อนข้างใหญ่ (ยาว 4,708 มม. กว้าง 1,891 มม. สูง 1,676 มม. ระยะฐานล้อ 2,864 มม. ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม 54 มม.) แต่ก็ให้ความความคล่องตัวพอสมควร โดยเฉพาะการเปลี่ยนช่องทางจราจรเพื่อเลี่ยงรถคันหน้าที่ช้ากว่า รวมถึงด้วยน้ำหนักของพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบามือในช่วงความเร็วไม่สูง จึงทำให้การบังคับทิศทางสามารถทำได้โดยง่ายดาย ซึ่งจะเป็นเรื่องดีสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทั้งหลายที่ไม่ต้องการออกแรงมากนัก
เมื่อรถเคลื่อนที่สู่เขตชานเมือง (รังสิต-บางปะอิน) เริ่มขยับปรับความเร็วได้มากขึ้น ทำให้สัมผัสกับสมรรถนะได้พอสมควร อย่างไรก็ดีแม้ว่า X3 xDrive20d xLine ใหม่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดิม แต่ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ดีเซล 4 สูบ ผสานเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ ทะยานเร่งความเร็วได้อย่างทันใจและสามารถลากบอดี้ใหญ่ๆ ได้แบบไม่อืด (จากสเปกสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 213 กม./ชม.)
ความเร็ว/รอบเครื่องยนต์ (Comfort Mode) 100 กม./ชม. 1,450 รอบ/นาที, 110 กม./ชม. 1,600 รอบ/นาที, 120 กม./ชม. 1,750 รอบ/นาที, 130 กม./ชม. 1,900 รอบ/นาที และ 140 กม./ชม. 2,100 รอบ/นาที
ในส่วนของระบบช่วงล่างการขับผ่านบนทางโค้งก็ทำได้อย่างมั่นใจ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้งช่วยกระจายกำลังเครื่องยนต์และกำลังเบรกไปยังล้อทั้ง 4 เมื่อมีการเลี้ยวรถ เนื่องจากในสถานการณ์ดังกล่าว ล้อด้านนอกจะหมุนช้ากว่าล้อด้านใน ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้งของบีเอ็มดับเบิลยูจะเข้ามาช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ ด้วยการใช้รอบเครื่องยนต์และระบบควบคุมการเบรก ล้อด้านนอกจะได้กำลังการขับเคลื่อนมากกว่าล้อด้านใน เพิ่มการเกาะถนนในแต่ละล้อ ทำให้ตัวรถสามารถเลี้ยวรถได้อย่างคล่องตัว พร้อมทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
อีกหนึ่งความโดดเด่นเป็นเรื่องการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกที่จะเข้ามาในห้องโดยสาร รวมๆ นับว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้กระจกหน้าเคลือบพิเศษ ทำให้การขับด้วยระดับความเร็ว 120-140 กม./ชม. เสียงปะทะของลมหรือเสียงต่างๆ จากด้านนอกเล็ดลอดในห้องโดยสารน้อยมาก
หลังมาถึงจุดหมายแรกที่ร้านอาหารแกรนด์เจ้าพระญา ก็มีโอกาสได้สำรวจรูปลักษณ์ภายนอก ก็พอสังเกตได้ว่ารูปลักษณ์ X3 xDrive20d xLine ใหม่ ถูกดีไซน์ให้มีความปราดเปรียวอันทรงพลังมากขึ้น ด้านหน้ารถมีจุดดึงดูดและนำสายตาด้วยกระจังหน้าไตคู่แบบหนาขนาดใหญ่เสริมให้รถดูดุดันกว่าเดิม ไฟหน้าแบบ Adaptive LED สามารถปรับทิศทางได้ตามการหมุนของพวงมาลัย ขณะที่ไฟตัดหมอกแบบหกเหลี่ยมที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X อีกทั้งมีการออกแบบกระจกมองข้างตามหลักอากาศพลศาสตร์และ Air Curtain ที่สอดรับกับกันชนหน้าได้อย่างลงตัว มาพร้อมการควบคุมการระบายอากาศอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ช่องกระจังหน้าของระบบ Active Air Stream โดยช่องระบายอากาศจะปิดลงอัตโนมัติหนึ่งช่อง หากต้องการให้มีค่าต้านลมที่ต่ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED สามมิติรูปทรงตัว L พร้อมสืบทอดเจตนารมย์ของรุ่นก่อนหน้าด้วยการผสานรูปลักษณ์แข็งแกร่งแบบออฟโรดเข้ากับความสปอร์ต สัดส่วนอันคุ้นตาของตัวรถ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง ส่วนล้อแม็กมีขนาด 19 นิ้ว ลาย Y-Spoke มาพร้อมยางขนาด 245/50 R19
สำหรับรายละเอียดในห้องโดยสารมาพร้อมคอนเซปต์โปร่งโล่งสบาย และมีการออกแบบให้มีความพรีเมียมมากขึ้น ขณะที่เบาะนั่งได้รับการหุ้มด้วยหนังแท้ Vernasca ช่วยเสริมให้รถดูทันสมัยและมีเสน่ห์ในตัวเองมากขึ้น ส่วนคอนโซลหน้าเสริมความหรูหราด้วยการหุ้มด้วยหนัง Sensatec ถัดมาบริเวณตรงกลางมีจอแสดงผลภาพสี LCD ขนาด 10.25 นิ้ว สามารถใช้งานได้แบบสัมผัส นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์คือการสั่งการได้ด้วยการเคลื่อนไหวของมือ หรือ BMW Gesture Control (ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ) พร้อมกับปุ่มควบคุม iDrive สั่งงานด้วยระบบสัมผัส และยกระดับความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้นกับอุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ชุดไฟเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร 6 สี ม่านบังแดดด้านข้างผู้โดยสารตอนหลังแบบอัตโนมัติ
เบาะนั่งแถว 2 มอบการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยตำแหน่งหัวเข่าขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 6 มม. พนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 ส่วนด้านท้ายมีพื้นที่จัดเก็บมากขึ้นสามารถบรรทุกสัมภาระได้ 550-1,600 ลิตร และหลังคากระจกแบบพาโนรามาที่เสริมให้ภายในตัวรถโปร่งสบายยิ่งขึ้น พร้อมอีกหนึ่งอุปกรณ์ใหม่อย่าง BMW Display Key ที่ไม่เพียงล็อคและปลดล็อคบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ ด้วยสัญญาณวิทยุทางไกล แต่ยังแสดงสถานะและข้อมูลต่างๆ รวมถึงควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ ของรถอีกด้วย
ทันทีเมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางไปยังจุดหมายที่ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการขับทดสอบสมรรถนะแบบออฟโรดบริเวณที่เหมืองหินในเขตจังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 100 กว่ากิโลเมตร ขณะที่การขับเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบขบวนเรียงตามเบอร์ 10 คัน โดยมีทีมงานขับนำและปิดท้ายเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเส้นทางระหว่างนี้เป็น 2 เลนสวนและคับคั่งไปด้วยรถบรรทุก ส่งผลให้การขับต้องมีการชะลอตัวและเร่งแซงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็ได้พิสูจน์อัตราเร่งและระบบเบรกกันอีกรอบ แน่นอนว่าทีมงานที่เป็นคันนำก็แนะนำให้ลองสนุกกับโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต โดยชุดมาตรวัดดิจิตอลมีการปรับเปลี่ยนเป็นเฉดสีแดง ช่วยเพิ่มความอารมณ์ความแรงได้อีกขั้น ขณะเดียวกันพวงมาลัยมีการแปรผันให้ตอบสนองได้เร้าใจมากยิ่งขึ้นไปด้วย
ใช้เวลาไม่นานนักขบวน X3 xDrive20d xLine ก็มาถึงยังพื้นที่ภายในเหมืองซึ่งลักษณะภูมิศาสตร์ล้วนล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงชัน เพื่อพิสูจน์สมรรถนะบนเส้นทางก็เป็นทางออฟโรด (หินลอย) เสมือนว่ากิจกรรมครั้งนี้เปรียบได้กับการตะลุยภารกิจบนดาวอังคาร (Mission to Mars) โดยแบ่งภารกิจการขับเป็น 2 ส่วนคือ ช่วงแรกเป็นการขับผ่านเส้นอุปสรรคที่ X3 xDrive20d xLine สามารถพิสูจน์ว่าลุยและเคลื่อนผ่านได้ 3 สถานี คือ เนินสลับ ขึ้น-ลงทางลาดชัน และขับบนเนินเอียง ส่วนที่ 2 เป็นการขับแบบสลาลอมจับเวลา
สำหรับการลุยผ่าน 3 สถานีอุปสรรค เริ่มต้นด้วยเนินสลับซึ่งก็ได้อินสตรัคเตอร์ดีกรีนักแข่งรถระดับประเทศอย่าง ‘เอส-นราศักดิ์’ มาคอยแนะนำ โดยจุดนี้ก็ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive เมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งไม่ว่าจะด้านหน้า-หลังเกิดไม่สัมผัสพื้นและมีการหมุนฟรี ระบบก็สั่งการให้หยุดการถ่ายทอดกำลังไปที่ล้อนั้น ขณะเดียวก็ถ่ายทอดกำลังไปยังล้อที่สัมผัสพื้นแทน เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนผ่านอุปสรรคนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ต่อเนื่องด้วยสถานีที่ 2 ขึ้น-ลงเนินชัน 4.5 เมตร เป็นการทดสอบ HDC หรือระบบความคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (เริ่มทำงานที่ความเอียง 10 องศา) รวมถึงระบบ Auto Hold ซึ่งการทำงานนั้นต่างจากระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชันหรือ HAC ทั่วไป โดย Auto Hold นั้นไม่จำกัดเวลาเบรกเพื่อหยุดการรถไหลของรถเมื่ออยู่บนทางลาดชัน ในขณะ HAC เมื่อปล่อยเบรกระบบจะทำงานเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ส่วนในช่วงการขับลงเนินเมื่อเปิดใช้งานระบบ HDC ก็ช่วยให้รถเคลื่อนตัวลงด้วยความเร็วอย่างเหมาะสม โดยผู้ขับไม่ต้องแตะเบรก นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับความเร็วขณะลงได้ถึง 3 สเต็ป (ปรับที่สวิตช์ครูสคอนโทรลบริเวณก้านพวงมาลัยฝั่งซ้าย) ซึ่งการมีระบบดังกล่าวนี้ช่วยให้ผู้ขับโดยเฉพาะมือใหม่หรือคุณผู้หญิงสามารถขับรถได้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สถานีสุดท้าย ขับบนเนินเอียง ระยะทางประมาณ 10 เมตร มีองศาความประมาณ 25 องศา (สเปกเคลมไว้ว่า X3 xDrive20d xLine คันนี้สามารถไต้เนินเอียงได้ถึง 45 องศา) โดยในจังหวะที่เคลื่อนผ่านสถานีนี้แบบนิ่งๆ ตัวเลของศาความเอียงแสดงโชว์บนหน้าจอบริเวณคอนโซลกลาง 23 องศา ซึ่งระดับนี้ก็ทำให้คนนั่งฝั่งเบาะโดยสารลุ้นระทึกแล้วครับ
หลังจากเสร็จสิ้น 3 สถานีแล้วก็ต่อเนื่องกับการขับจับเวลาแบบสลาลอม โดยมีการให้ลองขับก่อน 2 รอบและจับเวลาจริง 1 รอบ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถปิดหรือเปิด TRC หรือระบบควบคุมเสถียรภาพได้ แน่นอนว่าสิ่งที่สัมผัสได้คือ สามารถคอนโทรลรถได้ง่ายและสนุก จนสื่อบางท่านก็ทำเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
บทสรุป สำหรับการทดสอบ BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ ครั้งนี้นับว่าเป็นยานยนต์อเนกประสงค์สไตล์ SAVที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นๆ หลากหลายด้าน ทั้งในส่วนของรูปลักษณ์ที่ดีไซน์ทันสมัยเส้นสายโฉบเฉี่ยวสะดุดตาโดนใจมากขึ้น ต่างจากรุ่นเดิมที่ค่อนข้างทื่อและดูเป็นรถที่ออกแนวสำหรับผู้มีอายุไปสักนิด ส่วนภายในก็คงภาพลักษณ์ที่พรีเมี่ยมมีฟีเจอร์ล้ำๆ มากมายเป็นลูกเล่น ขณะที่ขุมพลังแม้ว่ายังเป็นบล็อกเดิมแต่นับว่าเพียงพอและพอเพียงต่อการใช้งาน ซึ่งเมื่อผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ xDrive ก็ยิ่งเติมเต็มให้รถคันนี้ขับได้สนุกในทุกๆ เส้นทาง พร้อมให้ปลอดภัยและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ราคา 3,699,000 บาท รวมแพ็คเกจ BSI Standard (บริการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง)
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " GROUP TEST : BMW X3 xDrive20d xLine On Road โดดเด่น Off Road ลุยดี เติมเต็มความพรีเมี่ยมเหนืออีกขั้น "