Mercedes-Benz เปิดตัว AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในไทย พร้อมเชิญสื่อฯ ร่วมสัมผัสสมรรถนะบนพีระเซอร์กิตฯ
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกหนักกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง หลังความสำเร็จจากการประกาศแต่งตั้งผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก ด้วยราคา 4,140,000 บาท พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ กับการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์แบบ Live streaming เพื่อให้สาวกดาวสามแฉกรับชมพร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์รุ่นดังกล่าว และรถยนต์ตระกูล Mercedes-AMG กว่า 7 รุ่น 21 คัน ทั้งในด้านความเร็ว ความแรง และความปลอดภัย ภายใต้คำแนะนำจากทีมผู้ฝึกสอนดีกรีแชมป์จากประเทศออสเตรเลีย ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต พัทยา
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ของแบรนด์รถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลกอย่าง Mercedes-AMG ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันความสำเร็จและความมั่นใจของผู้บริโภคต่อแบรนด์ Mercedes-AMG ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับในประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์กลุ่มสมรรถนะสูง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ตเร้าใจมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์ Mercedes-AMG อย่างเป็นทางการ และการแต่งตั้งผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-AMG อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่จะ สานต่อกลยุทธ์ ‘THE BEST’ เพื่อมอบ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง”
“และเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง เราจึงได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการรถยนต์หรู ด้วยการเปิดตัวรถยนต์แบรนด์ Mercedes-AMG รุ่น C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรกของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับการผลิตรถยนต์ Mercedes-AMG นอกเหนือจากที่ผลิตในโรงงานของเดมเลอร์ เอจี โดยไฮไลท์สำคัญในการเปิดตัวครั้งนี้ คือการเลือกเปิดตัวที่สนามพีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ซึ่งถือเป็นสนามแข่งรถยนต์แห่งแรกของประเทศไทย ที่ตั้งชื่อตามพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ ภาณุเดช ทรงชนะเลิศการแข่งขันครั้งแรก ในรายการ Coupe de Prince Rainier ที่เซอร์กิตเดอโมนาโก (ปัจจุบันคือ โมนาโกกรังด์ปรีซ์)
กิจกรรมครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ได้นำเสนอการเปิดตัวรถยนต์ในรูปแบบของ Live streaming หรือการรับ/ส่ง สัญญาณภาพและเสียงบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบถ่ายทอดสด ผ่านทุกช่องทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทั้ง Mercedes-Benz Thailand Website (www.mercedes-benz.co.th/amgc43coupelaunch2018), YouTube และ Facebook (Mercedes-Benz Thailand) ซึ่งผู้ชมทุกท่านสามารถรับชมได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานแบบออนไลน์ได้ พร้อมกันกับงานแถลงข่าวที่เกิดขึ้น ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต” มร.ไมเคิล กล่าวเพิ่มเติม
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รถยนต์ Mercedes-AMG ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าในประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากยอดขายที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 44% ซึ่งจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ต้องการสัมผัสรถสปอร์ตแรงม้าสูงจากแบรนด์ในเครือและกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ชื่นชอบความเร็วและความแรงให้รู้จักรถยนต์ตระกูลนี้ให้มากขึ้น”
“โดยหลังจากการเปิดตัวในวันนี้ จะส่งผลให้ ในปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ได้นำเสนอรถยนต์แบรนด์ Mercedes-AMG ทั้งหมด 12 รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG C 63 S Coupé, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC, Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GT S, Mercedes-AMG GT R, Mercedes-AMG GT C และล่าสุดกับ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศไทย ที่มาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ในกลุ่มสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทย และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ ณ ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ ที่พร้อมให้คำแนะนำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศไทยกันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกหลังจากงานเปิดตัว เพื่อให้สัมผัสทั้งในด้านดีไซน์ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ระบบความปลอดภัย รวมถึงสมรรถนะในด้านความเร็ว และความแรง โดยมีทีมครูผู้ฝึกสอนมากประสบการณ์ ที่มีดีกรีสุดยอดนักแข่งรถสปอร์ตระดับโลกจากประเทศออสเตรเลียอย่าง มร.ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท มร.เจค โฟร์เอเคอร์ มร.เบน พอร์ตเตอร์ และ มร.มิกโก้ แนสซี่มาร่วมให้คำแนะนำ” มร.ฟรังค์ กล่าวปิดท้าย
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบประเทศไทย นับเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงตระกูล 43 ที่ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงความโดดเด่นของแบรนด์ Mercedes-AMG ได้ในทุกจังหวะการขับขี่ ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามหลักปรัชญา “Driving Performance-ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ” ได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมทั้งยังผสมผสานนวัตกรรมของรถสปอร์ตและรถแข่งไว้ได้อย่างลงตัว
ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ นักออกแบบของ Mercedes-AMG ได้เน้นคุณลักษณะของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในด้านความก้าวหน้าของนวัตกรรมยานยนต์ เพื่อให้เกิดสมรรถนะที่เหนือกว่า รวมถึงการตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยแถบสีแดงทรงวี เพื่อสะท้อนสมรรถนะเครื่องยนต์แบบวี 6 สูบเทอร์โบคู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งจุดเด่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ อย่างฝากระโปรงหน้าแบบยาว ตัวถังที่กว้างขึ้น ประตูแบบไร้ขอบ
กรอบกระจกมองข้างสีดำแบบลอยตัวจากตัวถัง ขอบตกแต่งสีดำเงาบริเวณด้านข้างตัวรถและกรอบหน้าต่าง เส้นสายด้านข้างตัวรถที่ยาวลงไปถึงซุ้มล้อหลัง พร้อมปลายท่อไอเสียเสริมโครเมี่ยม 2 ท่อพร้อมตัวแบ่งตรงกลางที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System, ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light), หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กระจังหน้า diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ AMG, AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง), ล้ออัลลอยดีไซนสปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว และยางรถยนต์แบบ Run-flat
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมความสปอร์ต เร้าใจมากกว่าที่เคย ด้วยพวงมาลัย AMG Performance แบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วย DINAMICA microfibre ที่ปรับการทำงานตามระดับความเร็ว ซึ่งมี ค่าการแปรผันของการตอบสนองหลายระดับ ช่วยให้การเข้าโค้งเป็นไปอย่างคล่องตัวและเหมาะสมที่สุด โดยพวงมาลัยนี้มีความแม่นยำสูงและตอบสนองต่อการหมุนของผู้ขับขี่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ, ระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า, วิทยุ-ซีดี MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®, ตกแต่งภายในด้วยลาย AMG Carbon-fibre และอะลูมิเนียม
นวัตกรรมและเทคโนโลยี Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé ใช้ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL แบบสปอร์ตเป็นระบบมาตรฐาน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในทุกย่านความเร็ว พร้อมมอบความสบายให้ทุกคนในห้องโดยสารแม้ขณะเดินทางไกล โดยเพลาหน้าที่ใช้เทคโนโลยี 4-ลิงก์ มีแกนบังคับเลี้ยวที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมข้อต่อรับน้ำหนักบริเวณแกนจับยึดล้อแบบสปริง เพื่อเสริมการยึดถนนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การตั้งค่ามุมแคมเบอร์ของล้อให้เป็นค่าลบ (negative camber) ที่สูงขึ้นทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังนั้น ช่วยควบคุมแรงกระทำจากด้านข้างให้เอื้อต่อการขับขี่มากที่สุด ค่าความยืดหยุ่นของเพลาที่ปรับตั้งตามหลักจลนศาสตร์ (elastokinematics) ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและความคล่องตัวของรถ อีกทั้งยังช่วยลดอาการเอียงของรถขณะเข้าโค้ง เพิ่มความเร่งของแรงกระทำด้านข้างเสริมการยึดเกาะของรถกับพื้นถนนและช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถในย่านความเร็วสูงได้ดีขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งค่าระบบรองรับแรงสะเทือนได้ 3 รูปแบบ คือ Comfort, Sport และ Sport Plus
รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Eco, Comfort, Sport, Sport Plus และ Individual โดยโหมดการขับขี่แบบ Sport Plus จะสามารถเร้าอารมณ์ของผู้ขับขี่ได้ถึงขีดสุด และยังช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงจิตวิญญาณของแบรนด์ AMG ได้อย่างแท้จริง ด้วยการทำงานของกลไกที่จะชะลอการทำงานภายในกระบอกสูบขณะที่มีการ เปลี่ยนเกียร์ พร้อมชะลอการทำงานของกลไกการฉีดน้ำมันและการจุดระเบิด ขณะที่ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดกว้างที่สุด ซึ่งจะช่วยให้กลไกการเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับด้านการลดอัตราการใช้พลังงาน Mercedes-AMG ได้ติดตั้งระบบ ECO start/stop และกลไกพิเศษ sailing ที่ช่วยให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าต่อได้ โดยอาศัยระบบคลัทช์จำกัดแรง (overrun mode) ที่จะทำงานในโหมดการขับขี่แบบ ECO เท่านั้น ซึ่งเมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากคันเร่งขณะรถวิ่งด้วยความเร็วตั้งแต่ 60-160 กม./ชม. ระบบคลัทช์จะหยุดการตอบสนอง ระบบส่งกำลังจะสั่งการให้เครื่องยนต์และระบบเกียร์หยุดทำงานร่วมกัน โดยระบบไฟฟ้าจะเข้ามาทำงานแทนเพื่อลดรอบเครื่องยนต์จนหยุดนิ่ง ในขณะที่แรงต้านของการเคลื่อนที่จะถูกลดทอนลงจากทั้งแรงอัดและแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ที่เกิดจากการทำงานของระบบคลัทช์จำกัดแรง
เครื่องยนต์ V6 สูบ 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่แบบ Bi-Turbo ของ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé เป็นเครื่องยนต์รุ่นหนึ่งในระบบบลูไดเรกท์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมกับนวัตกรรมอัจฉริยะต่างๆ เช่น ระบบแรงดันเสริมของกลไกการอัดอากาศเข้าสู่กระบอกสูบ (boost pressure) ที่สามารถปรับแต่งได้ ซึ่งเพิ่มกำลัง แรงบิดของเครื่องยนต์ และความยืดหยุ่นในการทำงานและการตอบสนองให้เป็นไปตามมาตรฐาน AMG นอกจากนี้ Mercedes-AMG ยังเคลือบสารนาโนสไลด์ (NANOSLIDE® coating) ที่เป็นสารหล่อลื่นชนิดเดียวกับกับที่ใช้ในรถฟอร์มูล่าวันของทีม MERCEDES-AMG PETRONAS ไว้ในกระบอกสูบ โดยสารนี้จะช่วยลดการเสียดสีภายในกระบอกสูบ อีกทั้งยังสามารถยึดเกาะกับพื้นผิวของกระบอกสูบได้นานและทนทานต่อการเสียดสีเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อกระบอกสูบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จะส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานของรถยนต์ลดลง
สำหรับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) นั้น ทีมงานของ Mercedes-AMG สามารถลดเวลาที่ระบบส่งกำลังใช้เพื่อเปลี่ยนระดับของเกียร์ได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ลงได้หลายระดับ ทำให้สามารถใช้เทคนิคเพื่อเพิ่มกำลังให้กับรถเพื่อเร่งเครื่องเป็นระยะสั้นได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบเร้าใจยิ่งขึ้น หากใช้ระบบจำลองการเหยียบคลัทช์แบบ 2 จังหวะ (double-declutching function) ขณะเปลี่ยนเกียร์ลงในโหมด Sport และ Sport Plus พร้อมทั้งยังปรับตั้งค่าการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ใหม่ในโหมดการทำงานของเครื่องยนต์แบบ Eco และ Comfort เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการเปลี่ยนเกียร์ที่ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé ยังมีโหมดการทำงานที่จำลองการทำงานของรถยนต์เกียร์ธรรมดา (Manual Mode) ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ได้ด้วยการกดปุ่มที่แผงคอนโซลกลาง โดยโหมดนี้จะส่งผลให้ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์เป็นไปตามที่ผู้ขับเลือกใช้ ซึ่งระบบเกียร์จะคงอยู่ที่ระดับที่ ผู้ขับขี่เลือกโดยไม่ปรับขึ้นแม้ว่ารอบเครื่องยนต์จะมีความเร็วเกินระดับสูงสุดของเกียร์ดังกล่าว
สำหรับการทดสอบ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé มีการแบ่งเป็น 3 สถานีหลัก คือ เรซซิ่งไลน์ (การขับเค้าโค้งในสนามแข่งรถ), การเบรก-การควบคุมรถ และการสลาลอม-เบรก จากนั้นปิดท้ายความเร้าใจโดยการขับแบบเต็มรอบสนาม โดยมีทีมผู้ฝึกสอนดีกรีแชมป์แข่งรถจากประเทศออสเตรเลียรวมสอนทักษะและนำไลน์ในการขับ
เริ่มต้นด้วยสถานี ‘เรซซิ่งไลน์’ หรือการขับผ่านโค้งต่อเนื่อง 2 จุดในสนาม (S1,S2) จากนั้นเบรกให้ทันและจุดที่ระบุไว้ ซึ่งสถานีนี้เป็นการฝึกทักษะการเข้าโค้งแบบรถแข่งด้วยความเร็ว ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากการขับบนถนนจริง โดยเริ่มต้นด้วยทะยานตัวออกไปให้ถึงระดับความเร็วประมาณ 80-100 กม./ชม. จากนั้นให้เลี้ยวในตำแหน่งที่ทีมผู้ฝึกสอนตั้งกรวยไว้ ที่สำคัญแต่ละครั้งมีการเลือกใช้โหมดการขับที่แตกต่างกัน เพื่อเปรียบเทียบอาการของรถ (Comfort/Sport Plus) โดยในโหมด Comfort ก็รู้สึกว่าออกตัวได้อย่างสมูท และเมื่อเข้าโค้งก็รู้สึกรถมีอาการโยนตัวอยู่บ้างและออกไปในแนวนุ่มนิ่มจนรู้สึกหวิวๆ พอสมควร แต่ก็สามารถควบคุมรถให้เข้ามาอยู่ในทิศทางและเดินคันเร่งต่อจนไปเบรกในจุดที่กำหนดไว้ได้ ส่วนการขับในโหมด Sport Plus นั้นสัมผัสได้ถึงอารมณ์หนึบๆ แน่นๆ แบบรู้สึกได้ชัด รวมไปถึงพวงมาลัยคมขึ้นทำให้รถผ่านโค้งต่อเนื่องได้รวดเร็วและมั่นใจมากกว่า
สถานีการเบรก-การควบคุมรถ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ 1. ลักษณะการขับเสมือนจำลองสถานการณ์จริง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในกรณีขับมาด้วยความเร็วและเจอสิ่งกีดขวางด้านหน้า ทำให้ต้องเบรกกะทันหันแบบสุดแรง เพื่อให้รถหยุดก่อนหักหลบไปในช่องทางที่ปลอดภัย การขับเริ่มต้นด้วยการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งและทะยานไปถึงความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. แล้วให้หยุดรถด้วยการกระทึบเบรกในจุดที่ทีมผู้ฝึกสอนตั้งกรวยไว้ แล้วหักหลบสิ่งกีดขวางไปในอีกช่องทางแบบกระชั้นชิด 2. ขับด้วยความเร็วเหมือนรูปแบบแรกและไหลเข้าโค้งจากนั้นเบรกในจุดที่ทีมงานตั้งกรวยไว้ ซึ่งอยู่บริเวณกลางโค้งพอดี แล้วค่อยๆ ยกเบรกขึ้นแบบสมูทและควบคุมรถต่อไปไปไม่ให้รถเกิดอาการหน้าดื้อจนหลุดแทร็ค และเบรกในจุดที่ระบุไว้อย่างปลอดภัย ซึ่งก็สร้างความลุ้นระทึกให้กับสื่อมวลชนหลายคนได้พอสมควร แต่อย่างไรก็ดีผู้ที่ร่วมขับ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé ก็สามารถใช้ทักษะตามที่ผู้ฝึกสอนได้แนะนำจนผ่านสถานีนี้อย่างปลอดภัย
สถานีสลาลอมและเบรก โดยการขับในรูปแบบนี้นับว่าสื่อมวลชนสายรถยนต์หลายคนมีความคุ้นเคยพอสมควร ซึ่งสามารถสัมผัสอาการของรถ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé ได้ชัดเจน โดยเฉพาะการถ่ายทอดกำลังของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ, ความคล่องตัว, การควบคุมรถที่มั่นใจ, ระบบช่วงล่าง รวมไปถึงระบบเบรก โดยเริ่มต้นจากการทะยานออกไปโดยให้ความเร็วอยู่ในระดับ 60-90 กม./ชม. แล้วหักหลบกลวยที่เรียงกันในแนวตรงโดยไม่ให้ชน จากนั้นค่อยเบรกในจุดที่ทีมงานระบุ
สุดท้ายเป็นการขับแบบเต็มรอบสนามแข่งพีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เสมือนขับแข่งจริงๆ จำนวน 3 รอบ (ความยาวรอบละ 2.4 กม. มี 13 โค้ง) กลุ่มละ 4-5 คัน โดยมีผู้ฝึกสอนขับนำ แล้วให้สื่อมวลชนขับตามรูปแบบเรซซิ่งไลน์ ซึ่งถ้ารถในกลุ่มคันไหนขับช้าหรือรถแต่ละคันห่างกันเกินไปก็จะชะลอให้เข้ามาชิดกันก่อน หรือถ้าชิดเกินไปก็จะให้เว้นระยะ (ประมาณ 2 ช่วงคันรถ) จากนั้นก็เพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆ ไปถึงจุดที่สื่อมวลชนสามารถขับและควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย โดยแต่ละรอบก็ใช้โหมดการขับที่ต่างกันเริ่มต้นตั้งแต่ Comfort, Sport และ Sport Plus เพื่อให้สัมผัสได้ถึงสมรรถนะและความเร้าใจของ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé ที่แตกต่างกันออกไป
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Mercedes-Benz เปิดตัว AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในไทย พร้อมเชิญสื่อฯ ร่วมสัมผัสสมรรถนะบนพีระเซอร์กิตฯ "