HONDA ส่ง Civic Hatchback Rallye Red พร้อม Clarity ยนตรกรรมปราศจากไอเสียอวดโฉมใน MOTOR SHOW 2018
วิสัยทัศน์ของฮอนด้าปี 2030 มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการใช้ชีวิตของผู้คน ทั้งในด้านของการเดินทางและการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ สำหรับ บูธฮอนด้า ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 (The Bangkok International Motor Show 2018) จัดแบ่งพื้นที่ในการจัดแสดงยนตรกรรมและเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตของฮอนด้าเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต เพื่อขับเคลื่อนการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ปี 2030 และโซน
จิตวิญญาณความสปอร์ต
โซนเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต (Advanced Technology Zone) นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อการเดินทางและเพิ่มศักยภาพการใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมคุณภาพแห่งโลกอนาคตได้อย่างมีความสุข ประกอบด้วย
เทคโนโลยีเพื่อการเดินทาง (Mobility Technology) ฮอนด้ามุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีใน 2 ทิศทางหลัก ควบคู่กัน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฮอนด้าได้พัฒนาทั้งเครื่องยนต์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีขนาดเล็ก (Downsizing Engine) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม แต่ยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ซึ่งมีอยู่ในฮอนด้า ซีวิค เทอร์โบ ซีวิค แฮทช์แบ็ก เทอร์โบ และฮอนด้า ซีอาร์-วี ดีเซล เทอร์โบ ระบบขับเคลื่อนไฮบริด ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ระบบ Full Hybrid ที่อยู่ในฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด รุ่นปัจจุบัน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังแต่ยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังได้พัฒนายนตรกรรมพลังงานทางเลือกต่างๆ เพื่อการขับขี่ในอนาคตทั้ง ระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ระบบพลังงานไฟฟ้า และพลังงานไฮโดรเจน ซึ่ง ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ ที่ได้มาจัดแสดงในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
โดย ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ ยนตรกรรมพลังงานสะอาดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานเชื้อเพลิงและปราศจากไอเสีย แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและความสนุกสนานในการขับขี่ในสไตล์ของฮอนด้า เป็นยนตรกรรมฟิวเซลล์ซีดาน 5 ที่นั่งคันแรกของโลก โดยแผงเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack) ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ผสานระบบส่งกำลังให้มีสมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V-6 สามารถวิ่งได้ระยะทางถึงประมาณ 750 กม.* ต่อการเติมไฮโดรเจนเต็มถัง 1 ครั้ง ซึ่งเป็นระยะทางที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และมีอัตราการประหยัดน้ำมัน (EPA Fuel economy rating) เทียบเท่า 68 ไมล์ต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน (MPGe) (หรือประมาณ 28.3 กิโลเมตร/ลิตร) ทั้งนี้ ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ เป็นหนึ่งใน ฮอนด้า คลาริตี้ ซีรี่ย์ ที่มีเครื่องยนต์ 3 รูปแบบ ได้แก่ คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด, คลาริตี้ อิเล็คทริค และคลาริตี้ ฟิวเซลล์ ซึ่งได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกันตามกลยุทธ์ ทรี อิน วัน แพลตฟอร์ม
ด้านความปลอดภัย (Safety)
ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ฮอนด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยต่างๆ ทั้งเชิงป้องกันและบรรเทาหากเกิดอุบัติเหตุ (Active & Passive Safety) ที่ติดตั้งในตัวรถ พร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆ อาทิ
ฟังก์ชั่นการใช้งานหลักของฮอนด้า คอนเนค
ลูกค้าที่สนใจติดตั้ง ฮอนด้า คอนเนค สามารถติดต่อศูนย์บริการเพื่อนัดหมายและนำรถยนต์ฮอนด้าของท่านเข้าติดตั้งกล่องอุปกรณ์รับส่งข้อมูลทางไกล (Telematics Control Unit หรือ TCU) ที่ศูนย์บริการฮอนด้าที่สะดวกได้ทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะต้องทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Honda Connect Thai (รองรับระบบปฎิบัติการสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไปและระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป) หลังจากนั้นศูนย์บริการจะทำการลงทะเบียนเชื่อมต่อข้อมูล TCU และ แอปพลิเคชัน เพื่อสร้างบัญชีการใช้งาน โดยฮอนด้า คอนเนค พร้อมจำหน่ายในราคา 5,900 บาท (ฟรีค่าติดตั้ง และค่าสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อการส่งข้อมูลรายปี รวม 2 ปี)
1) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน–Adaptive Cruise Control (ACC) เป็นระบบที่
ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ แต่จะทำการตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างระหว่าง
รถคันหน้าได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา
2) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบ
ช่วยเบรก – Collision Mitigation Braking System (CMBS) เมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าในระยะที่
ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง หากรถยนต์ยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ระบบ CMBS ยังได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย
3) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ – Lane Keeping Assist System (LKAS)
โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และทำการหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา
4) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
เทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิต (Technology for Living)
สร้างสรรค์คุณค่าใน “การดำเนินชีวิต” เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินทางและการใช้ชีวิตของผู้คนท่ามกลางสังคมคุณภาพแห่งโลกอนาคต โดยจัดแสดงเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิต ดังนี้
โซนจิตวิญญานสปอร์ต (Sporty Zone)
ฮอนด้า ไม่ได้คิดเพียงแค่การพัฒนายนตรกรรมที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความสนุกสนานในการขับขี่ สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 (The Bangkok International Motor Show 2018) ฮอนด้า ได้จัดแสดงรถยนต์ฮอนด้าทั้ง 12 รุ่น โดยมียนตรกรรม 3 รุ่นไฮไลท์ ได้แก่
นอกจากนี้ ยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ที่สามารถสั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่องพร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้นด้วยราคาจำหน่าย 1,169,000 บาท
เต็มเปี่ยมกับสมรรถนะการขับขี่ที่พร้อมขับเคลื่อนสู่ทุกเส้นทางท้าทาย ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 117 แรงม้า และระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เอิร์ธดรีมเทคโนโลยี ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายในขณะถอยหลัง ด้วยกล้องส่องภาพด้านหลัง (Rearview Camera) เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่ เป็นต้น
ฮอนด้า บีอาร์-วี มีจำหน่าย 2 รุ่น คือ รุ่น V+ ราคา 755,000 บาท และ รุ่น SV ราคา 820,000 บาท
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " HONDA ส่ง Civic Hatchback Rallye Red พร้อม Clarity ยนตรกรรมปราศจากไอเสีย อวดโฉมใน Motor Show 2018 "