GROUP TEST : รีวิว SUBARU ‘All New Forester 2018‘ ครั้งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ไต้หวัน
มอเตอร์ อิมเมจ (Motor Image) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุใน 8 ประเทศทวีปเอเชีย เปิดตัว The All New Forester ภายใต้รหัสตัวถังใหม่ ES1 (เจเนอเรชั่น 5) อย่างเป็นทางการในภูมิภาคอาเซียน ณ เมืองไถ่จง ประเทศไต้หวัน มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ ครบครันด้วยคุณสมบัติเด่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีหลักของซูบารุ (Subaru Core Technologies) ทั้งซูบารุโกลบอลแพลตฟอร์ม (Subaru Global Platform) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) เครื่องยนต์แบบ Boxer และเทคโนโลยี EyeSight Driver Assist โดย All-New Forester ที่เปิดทำตลาดในไต้หวันมีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นย่อย 2.0 i-L, 2.0 i-L EyeSight, 2.0 i-S และ 2.0 i-S EyeSight
รูปลักษณ์และดีไซน์ภายนอก ของ All New Forester หากมองแบบผิวเผินอาจดูไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ถ้าเจาะรายละเอียดก็พบว่ามีหลายจุดที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเส้นและแนวกันชนหน้าใหม่ ลายกระจังหน้า กรอบไฟตัดหมอก (รุ่น S/ES ไฟตัดหมอก LED) สำหรับรายละเอียดไฟหน้าทุกรุ่นเป็น LED พร้อมระบบปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ โดยรุ่น L และ L ES เป็นไฟ DLR แบบฮาโลเจน ขณะที่รุ่น S และ S ES เป็นไฟ DLR แบบ LED
อีกจุดที่ถือว่าบ่งชี้ถึงความต่างแบบชัดเจนคือไฟท้ายแบบ 2 ชิ้นแยกอยู่กับประตูท้ายและมุมตัวถัง (รุ่นเดิมเป็นแบบกรอบเดี่ยวที่ตัวถัง) เหนือขึ้นไปเป็นสปอยเลอร์ดีไซน์ค่อนข้างสปอร์ต ช่วยซับพอร์ตให้ตัวดูโดดเด่นมากขึ้น
ภายในห้องโดยสาร ภาพรวมของ All New Forester แตกต่างจากรุ่นเดิมก่อนหน้าชัดเจน มีการเปลี่ยนดีไซน์และรูปแบบใหม่ แต่ก็ยังมีความละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นน้องอย่าง All New XV โดยจุดเด่นนั้นมาพร้อมกับการจัดสรรพื้นที่ห้องโดยสารให้มีความสะดวกในการเข้า-ออก อีกทั้งในทุกตำแหน่งที่นั่งก็ยังสัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่งสบายมากขึ้น
นอกจากนี้เบรกมือแบบเดิมที่เป็นแบบก้าน ถูกแทนที่ด้วยเบรกมือใหม่แบบไฟฟ้า ส่วนตรงกลางเป็นแป้นหมุนสำหรับระบบ X-MODE
ในขณะที่บริเวณตรงกลางของมาตรวัดมาพร้อมกับ Multi Information Display เหนือขึ้นไปตรงกลางแดชบอร์ดมีจอแสดงผล ช่วยให้ผู้ขับสามารถทราบสถานะต่างๆ ของตัวรถในทุกช่วงเวลาขับขี่ ไม่ว่าระบบปรับอากาศ การทำงานของไฟหน้า ระบบเตือนการชน โหมดการทำงานของระบบขับเคลื่อน และการถ่ายทอดกำลัง
ในส่วนห้องโดยสารด้านหลังพื้นที่ตำแหน่งวางขานั้นกว้างขึ้น 33 มม. ช่วยให้สามารถนั่งได้อย่างสบายและผ่อนคลายมากขึ้นด้วย ไม่ต้องกังวลว่าหัวเขาจะติดหรือยันกับด้านหลังพนักพิงเบาะคู่หน้า
เช่นกันพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายใหญ่ขึ้นสามารถเก็บสัมภาระอย่างถุงกอล์ฟ 2-3 ใบแบบแนวขวางได้แบบสบาย เนื่องจากพื้นที่ด้านข้างซ้าย-ขวา เพิ่มขึ้นอีก 134 มม. (รวมความกว้าง 1,300 มม.) ประตูด้านหลังสามารถเปิด-ปิด และล็อกประตูทุกด้านของรถได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว
นอกจากนี้ด้วยระยะระหว่างพื้นกับตัวรถมากกว่า 220 มม. ราวหลังคาที่ยกสูงขึ้นและจุดสำหรับผูกเชือก ทำให้ All-New Forester พร้อมสำหรับการบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น ให้การขับขี่ที่สบายมากขึ้นกับบารุโกลบอลแพลตฟอร์ม (Subaru Global Platform) ด้วยระบบลดแรงสั่นสะเทือนและการแกว่งของตัวรถ ที่จะช่วยลดเสียงรบกวนจากถนนแม้ว่ารถจะกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เพื่อให้การสนทนาในห้องโดยสารของคุณรื่นรมย์ยิ่งขึ้น
ขนาดและมิติตัวถัง กว้าง 1,815 มม. ยาว 4,625 มม. สูง 1,730 มม. กว้างกว่ารุ่นเดิม 20 มม. ยาวขึ้น 15 มม. และความสูงลดลง 5 มม. ระยะฐานล้อ 2,670 มม. กว้างจากรุ่นเดิม 30 มม. น้ำหนัก 1,538 กก. ( 1,580 กก. ในรุ่น 2.0 i-L EyeSight และ 2.0 i-L) ระยะห่างจากพื้นถึงพื้นใต้ท้อง 220 มม.
โดยรุ่น 2.0 i-L และ 2.0 i-L Eye Sight ล้อแม็กเป็นลายก้านวายพร้อม ยาง 225/60 R17 ส่วนรุ่น 2.0 i-S และ 2.0 i-S EyeSight ล้อแม็กแบบทูโทน พร้อมยางขนาด 225/55 R18
เครื่องยนต์ All-New Forester ที่ทำตลาดในตลาดไต้หวันเป็นขุมพลัง Boxer 4 สูบนอน รหัส FB20 ขนาด 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว จ่ายเชื่อด้วยระบบไดเร็คอินเจ็คชั่น ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที (รุ่นเดิม 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที) โดยทางทีมวิศวกรเผยว่าชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์กว่า 80% มีการอัพเดตใหม่ทั้งหมด มาพร้อมระบบเกียร์ Lineartronic CVT 7 จังหวะ ที่มีการปรับปรุงใหม่ (ใช่โซ่เป็นตัวขับเช่นเดิม)
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All Wheel Drive) ที่ส่งแรงขับเคลื่อนให้กับล้อแต่ละล้อ ช่วยให้รถเกาะถนนได้อย่างมั่นคงและช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพภูมิประเทศและหลากสภาพถนน
ให้การขับในเส้นทางที่เป็นอุปสรรคสนุกและง่ายมากขึ้นกับฟังก์ชั่น X-MODE ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ โดยใช้ระบบควบคุมเครื่องยนต์แบบบูรณาการ ทั้งการขับเคลื่อน All-Wheel Drive ระบบเบรก และระบบอื่นๆ ผู้ขับขี่สามารถเปิดใช้งาน X-MODE ได้ที่สวิตช์แบบหมุนในโหมด Select ที่สามารถสลับโหมดต่างๆ ได้ อย่างง่ายดาย และเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที นอกจากนี้ในรุ่น 2.0i-S และ 2.0i-S EyeSight ยังได้เพิ่ม Special X-MODE เข้ามา (รุ่นเดิม X-MODE เป็นสวิตช์ปุ่มเดียว) พร้อมทางเลือกการใช้โหมด SNOW DIRT โดยระบบ Traction Control ยังคงทำงานอยู่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมรถได้ปลอดภัยขึ้นเมื่อต้องขับพื้นผิวถนนที่ลื่น ขณะเดียวกันในกรณีที่รถติดหล่ม และต้องการกำลังฉุดโดยล้อที่ไม่ติดเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังได้เต็มที่ ทำให้ต้องตัดการทำงานของ Traction Control ก็ให้บิดสวิตช์ไปที่ DEEP SNOW MUD
ตบท้ายด้วยฟังก์ชั่นควบคุมการขับรถลงเนิน ที่จะรักษาความเร็วรถให้ต่ำขณะลงเนินเขาที่ลาดชันช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้น การควบคุมรถใน All-New Forester ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเพราะมีระบบกระจายแรงบิด (Active torque vectoring) ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมยานพาหนะได้ดังใจ สั่งหลีกเลี่ยงอันตรายด้วยการเข้าโค้งที่ดีเยี่ยม และมั่นคง การควบคุมรถที่แม่นยำเป็นผลมาจากการใช้เบรกกับล้อด้านใน ซึ่งจะกระจายแรงบิดไปยังล้อด้านนอกเมื่อจำเป็นต้องเข้าโค้งที่แคบ
ด้านความปลอดภัย มั่นใจกับระบบช่วยในการขับขี่ EyeSight ซึ่งประกอบไปด้วยระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน (Pre-Collision Braking), ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน (Pre-Collision Throttle Management), ระบบปรับความเร็วรถอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ (Lead Vehicle Start Alert), ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน (Lane Departure Warning) และระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย (Lane Sway Warning) นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold) และระบบตรวจจับยานพาหนะด้านหลัง (SVRD) ก็มีอยู่ในรุ่นใหม่นี้ด้วยโดยระบบ ป้องกันการไหลของรถจะช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ซึ่งจะรักษาให้ตัวรถนิ่งขณะที่ความเร็วรถช้าลงเมื่อคนขับถอนเท้าออกจากเบรก
ระบบตรวจจับยานพาหนะด้านหลังใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของรถ เพื่อตรวจจับวัตถุและยานพาหนะที่อยู่ข้างหลัง และจะแจ้งเตือนคนขับด้วยฟังก์ชั่นหลัก 3 อย่าง ทั้งการแจ้งเตือนในจุดบอด การช่วยเปลี่ยนเลน และการแจ้งเตือนเมื่อการจราจรข้างหลังเคลื่อนที่ ตัวโดยรูปภาพบนหน้าปัดสว่างขึ้น หากมีการตรวจพบยานพาหนะในจุดบอด และเมื่อคนขับส่งสัญญาณการเปลี่ยนเลน ระบบจะแจ้งเตือนหากมีรถจากเลนข้างๆ เคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ทัศนะวิสัยก็เพิ่มขึ้นด้วยกระจกมองข้างที่ช่วยให้มองเห็นจุดบอดรอบๆ ล้อหลังได้ดีขึ้น เพื่อการถอยรถและจอดรถอย่างไร้กังวล ยังไม่รวมถึงมุมมองระดับสายตาที่ดีเยี่ยม และการปรับรูปทรงของเสารถเพื่อลดจุดบอดและให้การรมองเห็นที่ครอบคลุมมากขึ้น
สำหรับการทดสอบ ทางมอเตอร์ อิมเมจ จัดรูปแบบออกเป็น 3 Station หลัก
– การทดสอบ Subaru Global Platform ด้วยการขับขี่ในสนามแข่งเพื่อสัมผัสถึงสมรรถนะการยึดเกาะถนนของระบบช่วงล่างทั้งในโค้งและถนนเปียกลื่น การคอนโทรลรถ และอัตราเร่งเครื่องยนต์
– การทดสอบเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ช่วยในการขับขี่ EyeSight
– ระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive ซึ่งทำงานร่วมกับ X-MODE ระบบช่วงล่าง และระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold)
Station 1 เป็นการทดสอบการขับขี่ในสนามแข่ง มีการนำรถแบบ SUV 2 รุ่นใน Segment ใกล้เคียงกันจากค่ายอื่นและ Forester เจนฯ 4 มาร่วมเปรียบเทียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่าง ซึ่งสิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนแนวทางการปรับปรุงพัฒนาของ All New Forester โดยเฉพาะระบบช่วงล่างและการควบคุมรถซึ่งทำได้ง่าย แม้จะลดความดุดันและความสนุกไปบ้างเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าและคู่แข่ง แต่ก็ให้ความมั่นใจต่อผู้ขับขี่ได้ดีทีเดียว อีกทั้งยังให้ Feeling ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใหญ่หรือการใช้งานแบบครอบครัวได้อย่างลงตัว เนื่องจากการคอนโทรลนั้นทำได้ง่ายและคล่องมือ
Station 2 ทดสอบเทคโนโลยี Eye Sight นับว่าน่าเสียดายนัก เนื่องจากเวลาในการทดสอบไม่ทันทำให้ต้องยกเลิกไป
Station 3 เป็นการทดสอบแบบ Off Road เพื่อสัมผัสกับเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive ซึ่งทำงานร่วมกับ X-MODE ระบบช่วงล่าง และระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold) โดยในสนามมีการจำลองเป็นพื้นที่ต่างระดับ เมื่อเคลื่อนผ่านล้อหลังซ้าย-ขวา จากลอยขึ้นจากพื้นแต่รถก็ยังสามารถเคลื่อนที่ไปได้ อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการถ่ายทอดกำลังระหว่างล้อซ้าย-ขวา รวมไปถึงพื้นที่เป็นทางขรุขระเพื่อให้สัมผัสถึงการทำงานและการซับแรงสะท้อนของระบบช่วงล่าง ส่วนไฮไลต์ขึ้นกันขับขึ้นเนินชัน โดยปรับระบบขับเคลื่อนเป็น X-MODE ซึ่งก็สามารถไต่ขึ้นไปได้แบบง่ายดาย พร้อมกับหยุดรถแล้วกลางเนินแล้วปล่อยเบรก เพื่อทดสอบระบบ AVH หรือระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง และเมื่อกดคันเร่งต่อรถก็จะเคลื่อนที่ออกไปได้อย่างสะดวก
โดยต่อจากการเปิดตัวที่ไต้หวันคิวต่อไปที่ทาง มอเตอร์ อิมเมจ จะเปิดตัว All-New Forester คือประเทศสิงคโปร์ สำหรับประเทศไทยจะมีการเปิดตัวพร้อมกับให้ลูกค้าได้จองในงาน Motor Expo นี้ ซึ่งคาดว่าทำตลาดมีเพียง 3 รุ่นย่อยเท่านั้น และจะสามารถส่งมอบรถได้ในช่วงเดือนมีนาคม 2019 โดยเป็นรถที่จำหน่ายในไทยจะผลิตขึ้นจากโรงงานประกอบแห่งใหม่ Tan Chong Subaru Automotive Thailand (TCSAT) ย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ
ขอขอบคุณ : บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " GROUP TEST : รีวิว SUBARU ‘All New Forester 2018’ ครั้งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ไต้หวัน "