เปิดตัว ฟอร์ด มัสแตง ครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปแล้ว ด้วยราคาที่ไม่แพง ทำให้กลายเป็นข่าวเด่นที่พูดถึงกันตลอดวันที่แถลงข่าวเปิดตัว มาพร้อมข้อเสนอพิเศษด้านการบำรุงรักษา ที่เหนือชั้นกว่าผู้นำเข้าอิสระในทุกด้าน
ราคาอย่างเป็นทางการของ ฟอร์ด มัสแตง ทั้งสองรุ่น คือ
ซึ่งเป็นราคาช่วงเปิดตัว ที่ถือว่าถูกกว่าราคาจากผู้นำเข้าอิสระที่เคยจำหน่ายช่วง 1 ปีที่ผ่านมาอยู่หลายแสนบาท โดย ฟอร์ด มัสแตง ใหม่ ที่นำเข้าโดยฟอร์ด ประเทศไทย เป็นรถที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกา จะได้รับความคุ้มค่าจากแพ็กเกจ ฟอร์ด พรีเมี่ยม แคร์ รับประกันคุณภาพรถนานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ในการตรวจเช็คตามระยะ 5 ครั้ง ยาวนานถึง 60 เดือน หรือ 75,000 กิโลเมตร อีกทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี
ด้วยราคาและข้อเสนอที่ดีกว่าจากฟอร์ด ประเทศไทย ทำให้ปิดโอกาสการขายจากผู้นำเข้าอิสระในทันที รวมทั้ง ฟอร์ด ประเทศไทย ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่รับซ่อมรถจากผู้นำเข้าอิสระ เนื่องจากเป็นรถที่มีสเปกและอะไหล่ที่แตกต่างจากโมเดลที่ฟอร์ด ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่าย
ภายในงานเปิดตัว นักขับรถมืออาชีพได้โชว์การเบิร์นยางคู่หลังที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะมีระบบ Electronic Line Lock และ Drag Strip สำหรับการแข่งทางตรง ใส่เข้ามาเอาใจนักซิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งระบบนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งในรุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack และรุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ที่จำหน่ายในประเทศไทย
ดีไซน์ภายนอก Ford Mustang 2018
รูปลักษณ์ภายนอกของฟอร์ด มัสแตง ดูปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกครั้งที่ปรับโฉม โดยยังคงเอกลักษณ์ที่เป็นที่จดจำตลอด 50 ปีที่ผ่านมาไว้อย่างครบถ้วน ฝากระโปรงหน้าได้รับการปรับให้แบนราบลงพร้อมช่องระบายอากาศในตัว ดีไซน์กระจังหน้ากดต่ำลง ดูดุดันตามสไตล์มัสแตง และสอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์
วิศวกรของฟอร์ด ทำการปรับลดความสูงของช่วงหน้าและเพิ่มขนาดของสปลิตเตอร์หรือลิ้นหน้า เพื่อเพิ่มแรงกด ในช่วงหน้าของตัวรถให้สามารถยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น แผงกันชนด้านหลังล้อหน้ายังช่วยให้อากาศไหลผ่านใต้ตัวรถได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดแรงต้านได้มากถึง 3%
กันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้กับด้านท้ายของฟอร์ด มัสแตง ในขณะที่ท่อไอเสีย 4 ท่อพร้อมรองรับความแรงของเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร และมีสปอยเลอร์เป็นมาตรฐานในรุ่น GT
ความแตกต่างที่โดดเด่นของ Ford Mustang GT ก็คือ ท่อไอเสีย 4 ท่อที่ปรับระดับความดังได้, สปอยเลอร์หลัง, และสัญลักษณ์ 5.0 ด้านข้างตัวรถ ซึ่งไม่มีในรุ่น EcoBoost โดยรุ่น EcoBoost จะมีเพียงท่อไอเสียคู่ธรรมดา และไม่มีระบบแผนที่นำทางอีกด้วย นอกจากนี้ ลายและขนาดของล้อทั้งสองรุ่น ก็แตกต่างกันเล็กน้อย
ไฟหน้าเดย์ไลท์ ไฟเลี้ยว และไฟท้าย 3 แถว อันเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ด มัสแตง ทุกคัน จะมาพร้อมเทคโนโลยีไฟ LED ส่วนฝาไฟหน้าได้รับการออกแบบใหม่เพื่อสอดรับกับทรงสี่เหลี่ยมคางหมูของกระจังหน้าชิ้นบน
ฟอร์ด มัสแตง ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ สีส้ม ออเรนจ์ ฟิวรี่ เมทัลลิค ไตร-โค้ท (Orange Fury Metallic Tri-Coat) สีดำชาโดว์ แบล็ค เมทัลลิค (Shadow Black Metallic)สีแดง เรซ เรด (Race Red) และ สีเทา แมคเนติค เมทัลลิค (Magnetic Metallic)
ฟอร์ด มัสแตง รุ่น GT และ EcoBoost มาพร้อมชุดแต่ง Performance Pack ที่ให้เฟืองท้ายแบบ Limited-Slip ให้การขับขี่ในโค้งสนุกสนานขึ้น ล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้วในทั้งสองรุ่น รวมถึงระบบเบรค Brembo ในรุ่น GT และฟีเจอร์เสริมอีกมากมายที่เข้ากับเอกลักษณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนาน และยังคงตำนานอันโดดเด่นกว่า 50 ปี ในแบบฉบับของฟอร์ด มัสแตง ได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสาร Ford Mustang 2018
ภายในห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราสะดวกสบายกว่าเดิม ด้วยวัสดุตกแต่งผิวสัมผัสนุ่มตลอดแนวประตู พร้อมมือจับประตูอะลูมิเนียม
เมื่อปลดล็อคประตู ปุ่มสตาร์ทรถจะกระพริบไฟสีแดงทันทีจนกว่าจะสตาร์ทรถ โดยจะกระพริบด้วยความเร็ว 30 ครั้งต่อนาที เท่ากับอัตราการเต้นของหัวใจของม้าป่ามัสแตงขณะพัก
แผงหน้าปัดแสดงผลเป็นจอภาพ LCD ขนาดใหญ่ถึง 12 นิ้ว จะแสดงข้อมูลที่เหมาะสมกับโหมดขับขี่แต่ละโหมด คล้ายกับที่มีในรถซุปเปอร์คาร์ อย่างรถฟอร์ด จีที เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกการขับขี่ โดยการแสดงผลจะเปลี่ยนตามโหมดขับขี่โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ เมื่อใช้งานฟีเจอร์ Electronic Line Lock ผู้ขับขี่ยังจะเห็นแอนนิเมชั่นแบบวิดีโอเกมเป็นครั้งแรกบนหน้าจอ 12 นิ้วอีกด้วย
ระบบ Infotainment อย่าง SYNC 3 ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมสมาร์ทโฟน ระบบเสียง ระบบนำทางและระบบปรับอากาศ ด้วยการสั่งงานด้วยเสียงและการสั่งงานด้วยการสัมผัสบนหน้าจอทัชสกรีนกลางขนาด 8 นิ้ว โดยระบบ SYNC 3 รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto™ ซึ่งลูกค้าฟอร์ดน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วกับระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC ที่พัฒนาต่อเนื่องมาหลายปี จนมาถึง SYNC 3 ที่ฉลาดมากขึ้น แสดงข้อมูลเป็นภาษาไทยได้ดีเยี่ยมและครบถ้วนสมบูรณ์
ตามสไตล์ของรถแบบ Coupe มี 4 ที่นั่ง ซึ่งหลายคนต้องอยากรู้ว่า 2 ที่นั่งแถวหลังนั้น เข้าออกลำบากไหม ผู้ใหญ่นั่งได้ไหม หรือแค่ไว้วางของก็พอ?
ที่นั่งในแถวหลังนั้น เป็นเบาะขนาดใหญ่ ออกแบบเป็นหลุมค่อนข้างลึก เพื่อให้ผู้ใหญ่ที่มีความสูงไม่เกิน 175 ซม. นั่งได้โดยศีรษะไม่ชนกระจกหลังหรือหลังคา การออกแบบเป็นหลุมนั่ง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกนิ่ง ไม่เคลื่อนที่ไปตามทิศทางของรถในขณะเข้าโค้งหรือเลี้ยว มีพื้นที่ Leg room ให้พอพับเข่าหรือขยับขาไปด้านข้างได้บ้าง หากนั่งโดยสารเกิน 1 ชั่วโมงอาจจะเมื่อยบ้าง แต่ที่สำคัญ หากนั่งโดยสารในช่วงเวลาเที่ยง ศีรษะจะโดนแดดส่องแบบเต็ม ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในแนวหลังคา แต่อยู่ใต้กระจกหลังพอดี แน่นอนว่าเด็กสองคนนั่งได้สบาย ๆ แต่ก็ไม่แนะนำถ้าแดดส่องเต็ม ๆ ขนาดนี้
ส่วนของเบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ก็ถือว่าเบาะที่นั่งมีความหนาและใหญ่ตามสไตล์ของรถอเมริกัน เนื่องจากสรีระของคนอเมริกันโดยเฉลี่ยนั้นใหญ่กว่าคนไทย ทำให้นั่งได้สบาย กว้างขวาง ไม่อึดอัด เบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทาง
เกียร์และปุ่มปรับต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้งานบ่อย ออกแบบและวางตำแหน่งได้เหมาะสมดี ใช้งานได้ถนัด ไม่รู้สึกสับสน
เครื่องยนต์สมรรถนะสูง และเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่
เครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้ขุมพลัง 300 แรงม้าและแรงบิด 440 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันได้ 10.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 217 กรัม/กิโลเมตร มีฟังก์ชั่น Overboost ช่วยเพิ่มแรงดันอากาศจากเทอร์โบทุกครั้ง ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ได้สนุกสนานกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้รวดเร็วดั่งใจในทุกการเร่งเครื่อง
เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้ขุมพลังสูงสุดถึง 460 แรงม้า เมื่อผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดใหม่จากฟอร์ด เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาทีเท่านั้น โดยได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อมอบพลังที่มากกว่าและรอบเครื่อง red line ที่สูงกว่าที่เคยมีมา ด้วยระบบหัวฉีดสองระบบ (Dual-Fuel) ที่ผสานระบบไดเร็คอินเจคชั่นแรงดันสูง (High-Pressure Direct Injection) และระบบฉีดเชื้อเพลิงที่ท่อแบบแรงดันต่ำ (Low-Pressure Port Fuel Injection) จึงมอบพลังสูงสุดถึง 460 แรงม้า และแรงบิด 556 นิวตันเมตร อีกทั้งยังเพิ่มแรงบิดในช่วงรอบเครื่องต่ำ ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 7.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 297 กรัม/กิโลเมตร
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Ranger Raptor ที่ผ่านการทดสอบมากกว่า 6 ล้านกิโลเมตร สามารถมอบประสิทธิภาพการใช้น้ำมันที่เหนือกว่าด้วยแรงเสียดทานต่ำ ผู้ขับขี่ยังสามารถสนุกสนานกับการเร่งเครื่องที่รวดเร็วกว่าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยให้สามารถปรับแต่งเครื่องตามโหมดการขับขี่ต่าง ๆ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบเรียลไทม์ช่วยให้สามารถปรับเกียร์ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการขับชมวิวริมทะเล หรือการขับรถในสนามแข่ง และมีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยแพดเดิ้ลชิฟท์ช่วยให้ผู้ขับขี่ควมคุมรถได้ทุกจังหวะ
วิศวกรของฟอร์ดได้ทำการพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ของฟอร์ด มัสแตง ไปอีกขั้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจที่สุดเท่าที่เคยมีมา โช้คอัพที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นคง ในขณะที่ช่วงล่างได้รับการออกแบบให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยข้อต่อแบบ Cross-Axis ช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นในการเข้าโค้งที่สามารถนำไปสู่การบิดของตัวถังได้ เหล็กกันโคลงที่หนาขึ้นยังช่วยลดอาการโคลง (body-roll) และช่วยให้ควบคุมรถได้เฉียบคมยิ่งขึ้น
โหมดการขับขี่ใหม่ 2 โหมด เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับการควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว การตอบสนองของคันเร่ง รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ พวงมาลัยและการทำงานโหมดปรับระดับความดังของชุดท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaustให้เหมาะกับการขับขี่แบบต่างๆ โดยมี 2 โหมดใหม่ นอกจากโหมดปกติ (Normal) โหมดสปอร์ต (Sport) โหมดแทร็ค (Track) และโหมดหิมะ/พื้นเปียก (Snow/Wet) ก็ยังมีโหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) เพื่อประสิทธิภาพอัตราเร่งสูงสุด และการแข่งขันแบบควอเตอร์ไมล์ในสนามแข่ง กับโหมด My Mode ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่และเสียงท่อไอเสียได้ตามอิสระต้องการ
เทคโนโลยีปรับระดับความดังท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaust ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับความดังเสียงของท่อไอเสียได้ตามความต้องการเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ยังมี Quiet Mode โหมดที่เป็นมิตรต่อเพื่อนบ้านสามารถตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบได้ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อลดการรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน โดยเฉพาะตอนที่สตาร์ทเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ในตอนเช้าตรู่
ความปลอดภัยและสะดวกสบาย ใส่มาครบเหมือนรถบ้าน
ในงานเปิดตัว ระบุชัดเจนว่า ฟอร์ด มัสแตง เป็นรถสปอร์ตที่ขับง่ายเหมือนรถบ้าน แม้ว่าตัวรถมีขนาดใหญ่มากและเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังสูงมากเช่นกัน แต่ก็ควบคุมรถได้ง่าย ระบบความปลอดภัยก็จัดเต็มเหมือน Ford Everest กับ Ford Ranger Raptor มีระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน อัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรง และในบางกรณียังสามารถลดอัตราการชนยานพาหนะหรือคนเดินถนนจากด้านหน้ารถได้
เพิ่มระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) และระบบแจ้งเตือนระยะห่าง (Distance Alert) เป็นครั้งแรก ช่วยรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจากรถคันหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และแจ้งเตือนเมื่อออกนอกช่องทาง ซึ่งทำการเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเส้นทางโดยไม่ตั้งใจ และช่วยหักพวงมาลัยเล็กน้อยเพื่อนำรถกลับเข้าสู่ช่องทาง (Lane Keeping System) ซึ่งลูกค้าฟอร์ดน่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
ประเดิมโชว์สมรรถนะ โดยนักแข่งมืออาชีพ
นักแข่งมืออาชีพ มาปลุกพลัง กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตให้กับสื่อมวลชนนักทดสอบรถ ก่อนที่จะเข้าคิวทดสอบขับรถทั้งสองรุ่นในสนามแข่ง แต่ไม่ได้ให้ทดสอบเบิร์นยางหลังกันทุกคน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง
ถึงเวลาทดสอบขับในสนาม
ฟอร์ด เปิดโอกาสให้ทุกสื่อมวลชน ร่วมทดสอบขับทั้งสองรุ่นในสนาม เพื่อดึงประสิทธิภาพของรถออกมาอย่างเต็มที่ โดยเริ่มจาก Mustang EcoBoost ก่อน แล้วตามด้วย Mustang GT V8
สนามแข่งมีช่วงทางตรงแบบยาว ๆ ให้โอกาสทดสอบอัตราเร่ง 0-100 km/h อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะรุ่น GT V8 นั้น รู้สึกได้ถึงสมรรถนะความแรงที่สะใจวัยรุ่น เหมือนที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่องที่ขับรถไล่ล่าหรือแข่งกันบน Highway รถพุ่งออกตัวได้เร็วมากแบบหลังติดเบาะ เป็นความรู้สึกที่เร้าใจสนุกสนาน มาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่น่าเกรงขาม พร้อมกับเสียงท่อไอเสียที่เลือกเองได้ สะกดทุกสายตาที่กำลังมองได้เป็นอย่างดี
ส่วนรุ่น EcoBoost นั้น ก็ออกตัวได้แรงเร็วเกินคาด แต่เสียงเบาและสุภาพนุ่มนวลกว่า จนไม่น่าเชื่อว่าเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ก็ให้ความแรงแบบรถแข่งและประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ซึ่งถือว่า Mustang EcoBoost เหมาะที่จะเป็นรถสำหรับขับไปทำงานในเมืองทุกวันได้ดี ลองจินตนาการว่ามีบ้านเดี่ยวสุดหรูชานเมือง แต่งตัวตามบุคลิกของนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ไฟแรง ขับรถขึ้น Highway มาทำงานในย่าน CBD ทุกวัน ได้ความเร็ว แรง ประหยัด และเสียงที่เงียบกว่า ไม่รบกวนชีวิตคนเมือง รวมทั้งเพื่อนบ้าน แต่ Mustang GT V8 จะเหมาะกับนักธุรกิจที่เดินทางไกลกว่านั้น เช่น ต้องทำธุรกิจและเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ – ชลบุรี สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยใช้ทางยกระดับหรือมอเตอร์เวย์ ต้องการรถสมรรถนะสูงที่ตอบสนองได้เร็วแรง ต้องไปให้ทันเวลา และชื่นชอบการอวดเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง สะกดทุกสายตารอบข้างให้เหลียวมอง ความแตกต่างจะประมาณนี้
Mustang EcoBoost เสียงภายในห้องโดยสารขณะขับด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ถือว่าเงียบมาก เพราะมีระบบตัดเสียงรบกวน สร้างคลื่นเสียงมาหักล้างกับเสียงรบกวนที่เล็ดลอดเข้ามา เสียงเครื่องยนต์ก็แทบจะไม่ได้ยินเลย จุดเด่นนี้ถือว่าชอบ แต่ถ้าบางคนไม่ชอบ ก็สามารถปรับตั้งค่าให้ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ชัดเจนมากขึ้นอีกนิดได้
การควบคุมรถทั้งสองรุ่น แทบจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร จากการทดสอบขับในสนาม ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน ก็ทำได้ดีเหมือนขับรถเล็ก พวงมาลัยค่อนข้างคมและฉับไวแม่นยำดี ที่ความเร็ว 60-90 km/h ในการเปลี่ยนเลนกระทันหัน ก็ยังขับผ่านช่องแคบ ๆ ที่วางกรวยยางไว้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องลุ้น โดยที่รถยังทรงตัวได้นิ่ง ไม่มีอาการส่ายโยกจนผู้โดยสารทุกที่นั่งต้องเวียนหัวแน่นอน
เบรกที่ดีเยี่ยม เอาอยู่กับทุกความแรง ขับมาเร็วก็ยังเบรกได้นุ่มนวล หน้าไม่ทิ่ม นิ่งเกินคาด ระยะเบรกสั้น การเข้าโค้งในช่วงความเร็วสูง ก็ยังควบคุมรถและทรงตัวได้ดีน่าประทับใจ เป็นรถที่ขับสนุกมากจนทุกคนต้องติดใจ ในด่านสุดท้ายกับการขับหลบกรวยยางแบบ Slalom ที่ใช้ความเร็วประมาณ 70 km/h ตัวรถและผู้โดยสาร ก็สามารถผ่านไปได้ง่าย ๆ แบบนิ่ง ไม่มีการโยกสะบัดซ้ายขวาตามจนผู้โดยสารเวียนหัว โดยรวมถือว่า ทั้งการควบคุมรถจากพวงมาลัยที่ปรับจูนมาดีมาก และการทรงตัวของรถที่ดีเยี่ยม ทำให้ประทับใจและมั่นใจในทุกรูปแบบการขับขี่ โหมดการขับขี่ต่าง ๆ หากเลือกให้เหมาะสม ก็ยิ่งทำให้ขับสนุกยิ่งขึ้น ระดับความดังของท่อไอเสียที่ปรับเองได้ แม้อยู่ในรถ ก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอารมณ์ดิบ ๆ ของรถแข่งที่มีความเร็วแรง กับความนุ่มนวลและขับง่ายแบบรถบ้าน ทำให้ Ford Mustang ทั้งสองรุ่น ขับขี่ง่ายทั้งผู้ชายและผู้หญิง น้ำหนักและความแม่นยำของพวงมาลัย ทำให้ผู้ขับรู้สึกว่าควบคุมม้าป่าตัวนี้แบบเอาอยู่ในทุกสถานการณ์ พละกำลัง แรงม้ามหาศาล ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เพราะระบบเบรก การควบคุมทรงตัว ความปลอดภัย เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ ก็จัดเต็มเช่นเดียวกับสมรรถนะทรงพลัง
สรุปจุดเด่นของ Ford Mustang
สืบทอด Mustang DNA จากรุ่นสู่รุ่น คงเอกลักษณ์ที่ทุกคนโปรดปราน ดีไซน์ของรถแบบหน้ายาวท้ายสั้น สปอร์ตสมัยใหม่แบบ Fastback ไฟหน้า กระจังหน้า ตราสัญลักษณ์ เป็นดีไซน์ที่ทุกคนชื่นชอบ
ทางเลือกใหม่ของคนรักความเร็ว ทั้งแรงและประหยัด ไม่เน้นเสียงท่อไอเสียที่ดัง ก็ต้องเลือก Mustang EcoBoost
หัวใจสำคัญคือเทอร์โบชาร์จ ตอบสนองเร็วทันใจ ให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม
เครื่องยนต์ V8 ทดสอบในสนามแล้วว่าจริงตามสเปก ภายใน 4 วินาทีกว่า ๆ ก็เร่งถึง 100 km/h ได้อย่างรวดเร็ว
จ่ายน้ำมันด้วยสองหัวฉีด เพิ่มประสิทธิภาพทั้งรอบต่ำและรอบสูง
ถ้าชื่นชอบเสียงเครื่องยนต์และเสียงท่อไอเสียที่ดุดันน่าเกรงขาม ต้องเลือก V8
ขับสนุกยิ่งกว่า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดพร้อม Paddle Shift ที่พวงมาลัย
เบรกที่ดีเยี่ยมทั้งสองรุ่น มั่นใจได้ในความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความนุ่มนวลเมื่อต้องหยุดรถกระทันหัน
ระบบกันสะเทือนที่ช่วยให้รถทรงตัวได้ดี ควบคุมรถได้ง่ายแม้ขับด้วยความเร็วสูง
เอาใจขาซิ่งด้วย Track Apps แสดงทุกข้อมูลบนจอภาพขนาดใหญ่ ไม่ต้องติดมาตรวัดหลายอันแบบรถแข่งในอดีตอีกต่อไป
ขับเคลื่อนล้อหลัง ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม
โหมดการขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
ปรับระดับความดังของท่อไอเสียได้ 4 ระดับ รวมทั้งกำหนดเวลาได้ เช่น ให้เสียงเงียบในช่วงเวลาดึกจนถึงเช้า
ปรับเปลี่ยนสีสันและรูปแบบการแสดงผลของหน้าจอได้ เป็นสไตล์ที่ฉีกแนวจากรถทั่วไปและเท่สุด ๆ
ถุงลมนิรภัย 8 จุด เพิ่มความปลอดภัยบริเวณหัวเข่า
มีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น SYNC 3, ระบบตรวจวัดลมยาง, ชุดเติมลมและปะยาง, ระบบช่วยเหลือโทรฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุ และระบบตัดเสียงรบกวนใน Mustang EcoBoost
ทั้งหมดนี้ คือ Highlight ที่น่าสนใจของฟอร์ด มัสแตง ที่พร้อมให้ลูกค้าจองแล้ว ณ ผู้จำหน่ายฟอร์ด มัสแตง อย่างเป็นทางการ 19 แห่งที่ได้รับการคัดเลือกพิเศษแล้ว ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
รับความคุ้มค่าและความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ด้วยแพ็กเกจ ฟอร์ด พรีเมี่ยม แคร์ ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถนานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ในการตรวจเช็คตามระยะ 5 ครั้ง ยาวนานถึง 60 เดือน หรือ 75,000 กิโลเมตร อีกทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี
สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้จำหน่ายฟอร์ด มัสแตง อย่างเป็นทางการ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ฟอร์ด คอลเซ็นเตอร์ โทร 0-2686-5899 (กรุงเทพฯ) และต่างจังหวัดโทรฟรีที่ 1-800-225-449 หรือบนเว็บไซต์ www.ford.co.th
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " GROUP TEST : รีวิว Ford Mustang 2.3L EcoBoost และ 5.0L V8 GT ในสนามพีระเซอร์กิต "