TEST DRIVE : รีวิว CHEVROLET COLORADO HIGH COUNTRY STORM 4×4 ขับสนุก ลุยสบาย ความปลอดภัยจัดเต็ม
เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม กระบะสไตล์อเมริกันแบบ 4 ประตู นับเป็นรุ่นท็อปในตระกูลโคโลราโด ที่ยังคงความโดดเด่นกับดีไซน์อันแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ภายใต้นิยามใหม่ของการขับเคลื่อนแบบสปอร์ต พร้อมบุกตะลุยอย่างเร้าใจ ด้วยสมรรถนะของขุมพลังดูราแมกซ์ ดีเซล วีจี เทอร์โบ ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode และสามารถเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4×2 หรือ 4×4 ได้ตรงกับความต้องการ ผสานด้วยฟีเจอร์ล้ำๆ พร้อมระบบความปลอดภัยที่เรียกว่าจัดมาให้แบบคุ้มค่าทีเดียว
รูปลักษณ์ภายนอก มาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะกระจังหน้าสองชั้นพร้อมแถบคาดโครเมียม กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถและเสริมความเข้มด้วยการ์ดสีดำบริเวณชายด้านล่าง ส่วนไฟหน้ามาในรูปแบบของฮาโลเจน ผสานกับไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights) ในชุดโคมเดียวกัน ใช้งานได้ปลอดภัยกับระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ถัดลงมาเป็นไฟตัดหมอกหน้า เหนือขึ้นไปบริเวณฝากระโปรงหน้าได้รับการคาดทับด้วยสติกเกอร์ตกแต่งสีดำและลวดลายสัญลักษณ์ HIGH COUNTRY
ส่วนกระจกมองข้างมาพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว (สีดำเงา Metallic) ถัดขึ้นไปบริเวณหลังคามีราวสำหรับยึดแร็คบรรทุกสัมภาระ ในขณะที่ตัวรถด้านข้างพร้อมสติกเกอร์ตกแต่งสีดำลายสปอร์ต เสากลางระหว่างประตู (B-Pillar) เป็นสีดำเงา Hi Gloss ให้ความรู้สึกพรีเมียม ส่วนมือจับที่เปิดประตู (สีดำเงา Metallic) ขึ้น-ลงได้สะดวกสบายบันไดข้างขนาดใหญ่
ด้านท้ายเสริมเท่ด้วยสปอร์ตบาร์สีดำเงา Metallic มือจับที่เปิดฝากระบะพร้อมกล้องมองหลังและกันชนเลือกใช้สีดำ Anthracite ส่วนไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นแบบ LED สำหรับล้อแม็กเป็นลายก้านวีสีดำ 6 คู่ 18 นิ้ว เข้าคู่กับยาง Bridgestone Dueler ขนาด 265/60 R18
มิติตัวรถ : ความกว้าง 1,874 มม. ความยาว 5,408 มม. ความสูง 1,852 มม. ระยะฐานล้อ 3,096 มม. ความกว้างช่วงล้อหน้า/หลัง 1,570 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 216 มม. (รุ่น 2WD 236 มม.)
ห้องโดยสาร สำหรับภาพรวมของเชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม นับว่าถูกออกแบบได้ค่อนข้างลงตัวและดูมีรายละเอียดที่น่าสนใจ อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุที่ค่อนข้างดี โดยยึดหลักการคำนึงถึงผู้โดยสารเป็นพิเศษ ด้วยหลักสรีระศาสตร์ (Ergonomic Design) ให้ผู้ขับ-ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวในทุกอิริยาบถได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ตรงกลางซึ่งเป็นชุดเครื่องเสียง-จอทัชสกรีน ที่ผสานเข้ากับแถบวัสดุสีเงินซึ่งเป็นกรอบล้อมช่องแอร์ ช่วยเสริมให้ภายในห้องโดยสารดูทันสมัยและเข้ากันกับแผงแดชบอร์ดอย่างลงตัว
มาตรวัดดีไซน์อาจดูเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ทว่าก็สามารถมองค่าต่างๆ ที่ขึ้นโชว์ได้ง่ายและสบายตา
ควบคุมและสั่งการทำงานได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสลงบนจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว หรือจะเลือกถ่ายทอดคำสั่งผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition) โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับมีความสะดวกและความปลอดภัยในเวลาเดียวกัน
รวมไปถึงยังมีฟังก์ชัน Chevrolet MyLink ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสาร ความบันเทิงและระบบนำทางอัจฉริยะ พร้อมสามารถเชื่อมต่อกับ iPhone เข้ากับ Chevrolet MyLink เพื่อใช้งาน Apple CarPlayTM ได้อย่างสะดวก ถัดลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ และให้คุณเย็นฉ่ำทั่วห้องโดยสารที่กระจายความเย็นอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ยังมีช่องต่ออุปกรณ์เสริม AUX หรือ USB และสามารถเลือกดูภาพถ่ายจากอัลบั้มในแบบสไลด์โชว์ พร้อมระบบตัดสัญญาณภาพอัตโนมัติเมื่อมีสายเรียกเข้า
ทันสมัยสะท้อนความพรีเมียมด้วยพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้ ส่วนบริเวณก้านพวงมาลัยฝั่งซ้ายเป็นสวิตช์มัลติฟังก์ชันสำหรับควบคุมเครื่องเสียง ซึ่งเพิ่มอรรถรสในการรับฟัง ด้วยลำโพงถึง 7 ตำแหน่ง
หรือแม้แต่การรับสายเข้า-ออก ก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ด้วยระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านสัญญาณบลูทูธ
ส่วนที่ก้านฝั่งขวาเป็นสวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert)
เบาะนั่งภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนังแท้และหนังสังเคราะห์ ที่หัวเบาะปักด้วยสัญลักษณ์ ไฮคันทรี สตอร์ม ซึ่งฝั่งคนขับสามารถปรับระดับแบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยปรับสูง-ต่ำ และเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ จึงทำให้รองรับกับสรีระของแต่คนได้อย่างหลากหลาย
เบาะนั่งถูกออกแบบให้นั่งได้ค่อนข้างสบาย ปีกเบาะไม่สูงมาก พนักพิงค่อนข้างหนาและไม่เว้าโค้งเกินไป เวลานั่งพิงลงไปจึงรับและประคองสรีระได้ค่อนข้างดี ส่วนตัวฐานเบาะไม่สั้นจนเกินทำให้เวลานั่งใต้ท้องขาไม่ลอย จึงช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องขับทางไกล
เบาะนั่งด้านหลังสามารถนั่งได้ 3 คนแบบไม่อึดอัด มีเข็มขัดนิรภัยครบทั้งสามตำแหน่ง หากนั่งแล้วไม่คาด เซ็นเซอร์ก็จะร้องเตือนทันที รวมไปถึงยังมีจุดยึดเบาะสำหรับเด็กหรือ Isofix มาให้ด้วย
เครื่องยนต์ ดูราแม็กซ์รหัส XLDE 25 LP2 ดีเซลคอมมอนเรล ไดเรค อินเจคชั่น แบบ 4 สูบ เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน (VGT-Variable Geometry Turbocharger) ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิด 440 นิวตัน-เมตร (325 ฟุต-ปอนด์) ที่รอบต่ำ 2,000 รอบ/นาที และลดค่า NVH (เสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือน และความกระด้าง) ผ่านมาตรฐานมลพิษยูโร 4 ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร
ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ พร้อมฟังก์ชัน Manual Mode ความสะดวกสบายที่ผสานเข้าไว้กับความเร้าใจ โดยผู้ขับขี่สามารถกำหนดจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเอง เสมือนหนึ่งการขับแบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสการขับให้สนุกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4×2 หรือ 4×4 ได้ตรงกับความต้องการใช้งานผ่านสวิตช์แบบบิดบริเวณตำแหน่งหลังคันเกียร์
ในขณะที่พวงมาลัยเพาเวอร์ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) มีความแม่นยำสูงและสามารถปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็วรถ โดยช่วงขับด้วยความเร็วต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่จราจรคับคั่งหรือต้องการนำรถเข้าจอด พวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบา เพื่อช่วยให้การหมุนเลี้ยวทำได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อขับด้วยด้วยความเร็วสูง เช่น การขับขี่ทางตรงบนถนนข้ามจังหวะหรือมอเตอร์เวย์ พวงมาลัยจะมีน้ำหนักหน่วงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งช่วยให้การจับพวงมาลัยนิ่งและมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้การบังคับรถหลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างกะทันหันก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.35 ม. จึงทำให้ง่ายและสะดวกต่อการกลับรถ
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นอิสระปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊ส ส่วนในด้านหลังลิฟสปริงหรือแหนบรูปครึ่งวงรี ทำงานร่วมกับโช้คอัพแก๊ส ด้านระบบหยุดยั้งความเร็ว ล้อคู่หน้าเป็นดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ขนาด 300 มม. ส่วนด้านหลังเป็นดรัมเบรก ขนาด 295 มม.
ระบบความปลอดภัย ในกระบะ โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม ผสมผสานแนวคิดเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และเชิงปกป้อง เมื่อเกิดเหตุ (Passive Safety) เข้าไว้ด้วยกันเพื่อเฝ้าระวังภัย และปกป้องทุกชีวิตที่อยู่ภายในห้องโดยสาร ให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด หากเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น
การทำงานของระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert) ผ่านจอมาตรวัด, ระบบช่วยเตือน เมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning), เซ็นเซอร์หน้า-หลัง ช่วยในการนำรถเข้าจอด (Front & Rear Park Assist)
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Rear Vision Camera), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC-Electronic Stability Control), ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ ขณะลากจูง (TSC-Trailer Sway Control) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP-Anti Rolling Protection), ระบบป้องกันการลื่นไถล และล้อหมุนฟรี (TCS-Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAS-Hill Start Assist), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะรถลงทางลาดชัน (HDC-Hill Descent Control)
ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (Tire Pressure Measuring System) หากพบว่าแรงดันลมยางของล้อหนึ่งล้อใดไม่เหมาะสม ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบทันที ผ่านจอแสดงผลแบบดิจิตอลบนแผงหน้าปัด และระบบช่วยเบรกกะทันหัน (PBA-Panic Brake Assist)
นอกจากนี้ยังติดตั้งถุงลมนิรภัยนอกจากมีติดตั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ก็ยังมีบริเวณหัวเข่า สำหรับผู้ขับขี่ (Driver Knee Airbag) ช่วยป้องกันไม่ให้หัวเข่าและส่วนขาด้านล่างของผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเกิด อุบัติเหตุที่ด้านหน้ารถ โดยทำงานร่วมกับถุงลมนิรภัย SRS และเข็มขัดนิรภัย
ทันสมัยและสะดวกด้วยด้วยหลายฟีเจอร์ล้ำ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทสตาร์ทกุญแจพร้อมรีโมทคอนโทรล สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์จากนอกรถและสั่งระบบปรับอากาศทำงานโดยอัตโนมัติ ให้ความเย็นสบายจากภายในให้ห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ ฟังก์ชั่นนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในวันอากาศร้อน ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจะทำงานโดยอัตโนมัติที่อุณหภูมิระดับ 25 องศา
รวมไปถึงไฟช่วยในการมองเห็นรถ สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน แบบ LED จะทำงานเมื่อสั่งการจากกุญแจรถ ซึ่งจะช่วยให้คุณระบุตำแหน่งของรถที่จอดในบริเวณที่มีรถหนาแน่น และยังช่วยให้มองเห็นรถ ได้ง่ายในที่มืดทำให้สบายใจทุกครั้งที่จอดรถ
ช่วงการทดสอบ การขับ เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม เน้นเสมือนใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ทั้งขับในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง ทางโล่งในเขตชานเมือง และทางที่มีอุปสรรคเป็นโคลนเลน โดยครั้งนี้เริ่มต้นกับขับบนเส้นทางโล่งๆ ในเขตชานเมืองซึ่งมีรถน้อย ซึ่งก็สัมผัสกับสมรรถนะได้ค่อนข้างชัดเจน โดยช่วงที่ต้องการเร่งแซงหรือเพิ่มความเร็วไปที่ระดับ 120-140 กม./ชม. พละกำลังของเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 180 แรงม้า สามารถตอบสนองออกมาให้สัมผัสอย่างสนุกแบบไม่ต้องรอรอบหรือขยี้คันเร่งมากมายนัก ผสานกับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่องและราบลื่น ส่งผลให้การขับขี่รู้สึกได้ถึงความเร้าใจ
ระบบช่วงล่างยังคงมอบความมั่นใจในการขับขี่ โดยบางช่วงต้องเจอกับถนนที่ชำรุดเป็นหลุมบ่อ แต่ผู้ขับก็สามารถรูดผ่านได้อย่างไร้กังวล ตลอดจนช่วงล่างเก็บแรงสะท้อนจากพื้นผิวถนนได้ค่อนข้างดี รวมถึงในจังหวะต้องผ่านเส้นทางคดโค้งต่อเนื่อง การทรงตัวของรถนับว่ายังมีความนิ่ง ผสานกับพวงมาลัยคอนโทรลได้คมและเข้ามือ ในขณะเดียวกันเมื่อขยับใช้ความเร็วสูงสักประมาณ 130 กม./ชม. ขึ้นไป รู้สึกว่าน้ำหนักของพวงมาลัยอาจเบาไปหน่อย ซึ่งถ้าหน่วงตึงมือกว่านี้ก็จะดีมากๆ แต่รวมๆ นับว่ายังคงสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจเช่นเดิม
การเก็บเสียงในห้องโดยสารถือว่าทำได้ค่อนข้าง โดยเฉพาะเสียงลมที่มาปะทะกับตัวรถ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนมาใช้กระจกหน้าที่หนาขึ้น ทำให้ช่วยลดเสียงรบกวน (Wind Noise) ได้มากถึง 8% รวมไปถึงเครื่องยนต์ก็มีความเงียบมากขึ้น มีแรงสั่นสะเทือนน้อยลงแม้ว่าขับด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นผลจากการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงรบกวนบริเวณหัวฉีดและยางรองตัวถัง รวมถึงยางรองแท่นเครื่องใหม่
ต่อเนื่องด้วยการขับขี่บนเส้นทางที่พิสูจน์สมรรถนะของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อกันบ้าง แม้ว่าเป็นออฟโรดย่อมๆ ลักษณะถนนที่เป็นโคลนเละง่ายต่อการยุบตัวเป็นหลุม ซึ่งรถทั่วๆ ไป ขับบนเส้นทางนี้ก็ต้องมีติดหล่มกันแน่นอน และเมื่อได้ลองขับผ่านโนโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อปกติ ปรากฏว่ารถไปสามารถไปต่อไม่ได้เนื่องจากล้อฟรีทิ้งเพราะความลื่นของพื้นผิว บวกกับยางติดรถมาจากเป็นแบบ Hi-Terrain ยิ่งกดคันเร่งก็ยิ่งทำให้ล้อปั่นจนเป็นหลุมลึก
จากนั้นลองปรับระบบขับเคลื่อนมาเป็นโหมด 4H ซึ่งลักษณะถนนแบบนี้ก็นับว่าเพียงพอไม่ต้องถึงขั้นกับใช้ 4L ซึ่งกำลังและแรงบิดได้ถูกกระจายล้อหน้า-หลัง จากนั้นก็โยกพวงมาลัยสลับซ้าย-ขวา เพียงชั่วครู่รถเคลื่อนผ่านอุปสรรคซึ่งได้อย่างง่ายดาย
สัมผัสความคล่องตัวกับการขับขี่ในเมืองซึ่งมีสภาพจราจรแออัด โดยสมรรถนะของขุมพลังช่วงออกตัว จากจุดหยุดนิ่งแล้วไต่ระดับขึ้นไปถึง 50 กม./ชม. ค่อนข้างหน่วงไปสักนิด แต่เมื่อความเร็วไหลไปถึง 60 กม./ชม. การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง
ด้านความคล่องตัวในการใช้งาน แม้ว่าเป็นรถกระบะมีขนาดและมิติตัวถังค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ไม่ส่งกระทบใดๆ ต่อการขับ ตรงกันข้ามกับให้ทัศนะวิสัยในการมองทีดีเพราะตัวรถมีความสูง อีกทั้งการคอนโทรลพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนไปสู่ช่องทางจราจรที่โล่งและลื่นไหลกว่า ก็ทำได้อย่างสะดวกเบามือและมีระยะฟรีน้อย เรียกว่าคุณผู้หญิงก็สามารถขับได้ง่าย เพราะพวงมาลัยเป็นแบบเพาเวอร์ระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering ขับช้าก็มีน้ำหนักที่เบามือ และเมื่อขับเร็วก็พวงมาลัยจะมีน้ำหนักหน่วงเพิ่มขึ้นตามลำดับ
สำหรับระบบเบรกเพื่อชะลอความเร็วในระดับ 60-80 กม./ชม. น้ำหนักการเบรกข้างนุ่มนวลและหน่วงกำลังดี แต่อาจต้องกดแป้นลึกสักนิดเบรกจึงจะทำงาน ซึ่งในจุดนี้ผู้ขับที่ไม่ชินอาจต้องปรับจังหวะการเบรกให้คุ้นเคย เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง หลังจากการขับเป็นระยะทางรวม 200 กม. ทั้งเส้นทางในเมืองและชานเมือง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากจอในรถอยู่ที่ 12.1 กม./ลิตร
บทสรุป : CHEVROLET Colorado High Country Storm นับเป็นรถกระบะสไตล์อเมริกันที่ครบเครื่อง ทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย และฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบาย ที่สำคัญสามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือออกไปค้นหาประสบการณ์อันท้าทายได้อย่างลงตัว ภายใต้ราคา 1,098,000 บาท
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง : พละกำลังในช่วงออกตัว
สิ่งที่อยากให้มี : ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์, ปุ่ม Push Start
ขอขอบคุณ : บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " TEST DRIVE : รีวิว CHEVROLET COLORADO HIGH COUNTRY STORM 4×4 ขับสนุก ลุยสบาย ความปลอดภัยจัดเต็ม "