GROUP TEST : รีวิว CHEVROLET COLORADO MIDNIGHT EDITION รถกระบะรุ่นตกแต่งพิเศษ เท่เข้มขรึม ทางฝุ่นตะลุยได้ทางเรียบเร้าใจดี
เชฟโรเลตชวนสื่อมวลชนร่วมสัมผัส ‘โคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่น’ กระบะรุ่นตกแต่งพิเศษ ที่เสริมความเข้มขรึมด้วยโทนดำ มาพร้อมความโดดเด่นลงตัวด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวพร้อมท้าทายทุกสายตา โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดระยอง เพื่อพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ทั้งเส้นทางเรียบละทางฝุ่น รวมถึงสัมผัสกับความสะดวกสบายของฟีเจอร์ที่ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน
รูปลักษณ์ภายนอก โคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่น เท่อย่างแตกต่างด้วยกระจังหน้าสีดำเงาพร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ กระจกมองข้าง มือจับประตู กรอบไฟหน้า สปอร์ตบาร์ ขอบหน้าต่าง กันชนหลังพร้อมมือจับฝาท้ายเและซุ้มล้อ (ทั้งหมดเป็นสีดำ) กระจกนิรภัยเพิ่มความเป็นส่วนตัว (Privacy Glass) สำหรับห้องโดยสารตอนหลัง 3 บาน ไฟท้ายแอลอีดี ใหม่ ล้อแม็กสีดำขนาด 18 นิ้ว ยางออลเทอร์เรน (AT) ทั้งล้อหน้าและหลัง
ภายในห้องโดยสาร เข้มแตกต่างมีสไตล์ด้วยสีดำแบบ Jet Black เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำเพิ่มความหรูหรา และกาบข้างประตูสีดำเงา พร้อมตราสัญลักษณ์ MIDNIGHT พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ในการควบคุมระบบเสียง และรับสายโทรศัพท์ผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ หรือสั่งการระบบครูสคอนโทรลโดยตรงจากพวงมาลัย ขณะที่ระบบนำทางที่ติดตั้งมาในรถยนต์จะแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนบนคอนโซลกลาง ช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ
ระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ยังมาพร้อมกับความบันเทิงผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้ง คลื่นวิทยุระบบ AM และ FM ช่อง AUX และ USB รวมทั้งการเชื่อมต่อบลูทูธ โดยผู้โดยสารสามารถชมภาพยนตร์เรื่องโปรดผ่านทาง USB และ AUX นอกจากนี้ ยังสามารถชมคลังภาพในโหมดสไลด์โชว์ได้อย่างปลอดภัยด้วยฟังก์ชั่นหยุดการเล่นภาพโดยอัตโนมัติในขณะรถเคลื่อนที่ และสามารถเข้าถึงวิทยุอินเตอร์เน็ตด้วยการเปิดเครือข่ายวิทยุสตรีมมิ่ง เพื่อรับฟังสถานีวิทยุทั้งจากในประเทศและทั่วโลกผ่านแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ขับขี่ยังสามารถปรับการทำงานของตัวรถได้ตามต้องการ ตั้งแต่สัญญาณเตือน ระบบไฟส่องสว่าง ไปจนถึงการล็อกประตู ผ่านหน้าจอทัชสกรีนมายลิงค์
นอกจากนี้กระบะโคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่นสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอปเปิล คาร์เพลย์ พร้อมสิริ อายส์ ฟรี และแอนดรอยด์ ออโต้ เมื่อเชื่อมต่อแล้ว ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ขึ้นบนหน้าจอทัชสกรีนของโคโลราโดจะเหมือนกับที่แสดงผ่านจอมือถือ ไม่ว่าจะเป็นฟังค์ชั่นออดิโอ รูปภาพและภาพยนตร์ โทรศัพท์ การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และการตั้งค่าต่างๆ ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่ รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ เช่นเดียวกับที่มีในรถกระบะโคโลราโด ไฮ คันทรี
ขุมพลัง ของรถกระบะโคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่นมาพร้อมเครื่องยนต์ ดูราแม็กซ์รหัส XLDE 25 LP2 ดีเซลคอมมอนเรล ไดเรค อินเจคชั่น แบบ 4 สูบ เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน (VGT-Variable Geometry Turbocharger) ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิด 440 นิวตัน-เมตร (325 ฟุต-ปอนด์) ที่รอบต่ำ 2,000 รอบ/นาที ผ่านมาตรฐานมลพิษยูโร 4 ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร รวมถึงยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากระบบขับเคลื่อนสู่ภายในห้องโดยสาร (Centrifugal Pendulum Absorber-CPA) จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการขับขี่จะเงียบมากขึ้นกว่าเดิม กล่องควบคุมของเครื่องยนต์ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของตัวรถ มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ได้รับการพัฒนาโดยจีเอ็ม เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและแม่นยำกว่าเดิม ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์การขับขี่ โดยกระบะโคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่น มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ เกียร์อัตโนมัติ และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์อัตโนมัติ
โครงสร้างนิรภัยที่แข็งแกร่งและทนทานของรถกระบะโคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่นช่วยป้องกันการบิดตัวของตัวถังที่อาจเกิดจากแรงปะทะ พร้อมเสริมความแข็งแรงของห้องโดยสารด้วยคานนิรภัยด้านข้างที่แผงประตู ที่จะช่วยรับแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร นอกจากนี้ แชสซีส์ยังได้รับการออกเเบบมาเพื่อต้านทานแรงบิดของตัวถังเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จากทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้โคโลราโด รุ่นพิเศษนี้มีเสถียรภาพการทรงตัวเเละการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานทุกรูปเเบบ ไม่ว่าจะเป็นขับขี่โดยปกติหรือการบรรทุกสัมภาระ
ระบบความปลอดภัย รถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด มิดไนท์ อีดิชั่นมีระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟที่ล้ำสมัย ซึ่งประกอบด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน (PBA) ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) และระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (TSC) ด้วยการให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ทำให้หน่วยงานมาตรความปลอดภัยของออสเตรเลียและเอเชีย (ANCAP) จัดให้โคโลราโดมีความปลอดภัยระดับ 5 ดาว โคโลราโด รุ่นพิเศษนี้จึงช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความปลอดภัยในทุกการเดินทาง
รถกระบะโคโลราโด รุ่นพิเศษนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมกล้องมองหลังติดรถยนต์ที่มีเส้นกะระยะปรับทิศทางได้ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลัง รวมถึงระบบตรวจวัด และแจ้งเตือนแรงดันลมยางที่ตรวจวัดแรงดันลมยางแต่ละล้อ นอกจากนี้รถรุ่นพิเศษนี้ยังมีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อจอดกลางแจ้ง โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมการสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมสั่งการให้ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารทำงานอัตโนมัติเมื่ออยู่นอกตัวรถ เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนขึ้นรถ
ช่วงทดสอบ : ขบวนเริ่มสตาร์ทจากสำนักงานใหญ่เชฟโรเลต ย่านพหลโยธิน ซึ่งมีสภาพจราจรแออัด โดยสมรรถนะของขุมพลังช่วงออกตัว จากจุดหยุดนิ่งแล้วไต่ระดับขึ้นไปถึง 50 กม./ชม. ค่อนข้างหน่วงไปสักนิด แต่เมื่อความเร็วไหลไปถึง 60 กม./ชม. การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง ด้านความคล่องตัวในการใช้งาน แม้ว่าเป็นรถกระบะมีขนาดและมิติตัวถังค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ไม่ส่งกระทบใดๆ ต่อการขับ ตรงกันข้ามกับให้ทัศนะวิสัยในการมองทีดีเพราะตัวรถมีความสูง อีกทั้งการคอนโทรลพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนไปสู่ช่องทางจราจรที่โล่งและลื่นไหลกว่า ก็ทำได้อย่างสะดวกเบามือและมีระยะฟรีน้อย เรียกว่าคุณผู้หญิงก็สามารถขับได้ง่าย เพราะพวงมาลัยเป็นแบบเพาเวอร์ระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering ขับช้าก็มีน้ำหนักที่เบามือ และเมื่อขับเร็วก็พวงมาลัยจะมีน้ำหนักหน่วงเพิ่มขึ้นตามลำดับ
เมื่อพ้นเขตเมืองสู่ทางหลวงพิเศษ สภาพจราจรค่อนข้างเคลื่อนตัวได้ดีและใช้ความเร็วได้มากขึ้น ก็สามารถสัมผัสกับสมรรถนะได้ค่อนข้างชัดเจน โดยช่วงที่ต้องการเร่งแซงหรือเพิ่มความเร็วไปที่ระดับ 100-120 กม./ชม. พละกำลังของเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 180 แรงม้า สามารถตอบสนองออกมาให้สัมผัสอย่างสนุกแบบไม่ต้องรอรอบหรือขยี้คันเร่งมากมายนัก ผสานกับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่องและราบลื่น ส่งผลให้การขับขี่รู้สึกได้ถึงความเร้าใจ
ต่อเนื่องด้วยการขับขี่บนทางฝุ่นกันบ้าง พิสูจน์สมรรถนะของระบบขับเคลื่อนและความแข็งแกร่งของระบบช่วงล่าง แม้ว่าเป็นออฟโรดย่อมๆ ลักษณะถนนที่เป็นดินร่วนซุยผสมกับพื้นทราย ซึ่งรถทั่วๆ ไป ขับบนเส้นทางนี้อาจขับไม่สะดวกเท่าไหร่นัก และเมื่อได้ลองขับผ่านโนโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อปกติ ปรากฏว่ารถยังไปสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีอาการล้อฟรีทิ้งอยู่เป็นระยะๆ เพราะความลื่นของพื้นผิว จากนั้นลองปรับระบบขับเคลื่อนมาเป็นโหมด 4H โดยลักษณะถนนแบบนี้ก็นับว่าเพียงพอไม่ต้องถึงขั้นกับใช้ 4L ซึ่งกำลังและแรงบิดได้ถูกกระจายล้อหน้า-หลัง ส่งผลให้รถตะลุยผ่านซึ่งได้อย่างสนุกและมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง หลังจากการขับเป็นระยะทางไป-กลับรวม 450 กม. ทั้งเส้นทางในเมืองและชานเมือง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากจอในรถอยู่ที่ 13.9 กม./ลิตร
สรุป : CHEVROLET COLORADO MIDNIGHT EDITION นับเป็นรถกระบะสไตล์อเมริกันที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างลงตัว ทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย และฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน นอกจากนี้ยังมีเอกลักษณ์และสไตล์เฉพาะตัว เท่เข้มไม่ซ้ำใคร แต่น่าเสียดายว่าผลิตจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ถูกจำหน่ายหมดเรียบร้อยแล้ว
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " GROUP TEST : รีวิว CHEVROLET COLORADO MIDNIGHT EDITION รถกระบะรุ่นตกแต่งพิเศษ เท่เข้มขรึม ทางฝุ่นตะลุยได้ทางเรียบเร้าใจดี "