เทียบสเปค เช็คอ็อพชั่น จตุรเทพประเภท PPV รุ่นไหนคุ้มค่าที่สุด?
สำหรับบทความเปรียบเทียบสเปคในครั้งนี้ เป็นการนำเอา PPV จาก 4 ค่ายดังในรุ่นท็อปสุดขับเคลื่อน 4 ล้อ มาประชันกันหมัดต่อหมัด ทั้งฟังก์ชั่น, เทคโนโลยี, ขุมพลัง, ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งแต่ละรุ่นต่างก็มีข้อดี และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่รุ่นไหนจะคุ้มค่าที่สุด และเหมาะกับคุณที่สุดนั้น ไปตัดสินพร้อมๆ กันเลย
ในส่วนของดีไซน์นั้น ทีมงาน 9carthai ขอไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะอยู่ที่ความชอบ และสไตล์ของแต่ละท่าน ว่าจะถูกจริตกับดีไซน์แบบไหน ซึ่งทั้ง 4 รุ่นที่เรานำมาเปรียบเทียบสเปคในครั้งนี้ ต่างก็มีเทคโนโลยี และอุปกรณ์มาตรฐานภายนอกที่ครบครันเหมือนกันทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟ LED รอบคัน, ไฟ Daytime Running Light แบบ LED, ล้ออัลลอยขอบ 18″
ส่วน Ford Everest จะโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ นิดหน่อย ตรงที่ให้ล้อแม็กมาขนาด 20″ (ซึ่งอาจต้องแลกกับค่ายางในการเปลี่ยนที่แพงขึ้น) กับหลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟ
รายละเอียดมิติตัวถัง
จะเห็นได้ว่า Ford Everest นั้น มีตัวถังที่กว้าง และยาวที่สุด ตามแบบฉบับรถ PPV สัญชาติอเมริกัน ที่เน้นความใหญ่บึกบึน แต่อาจจะเกิดความยากลำบากเล็กน้อย หากต้องขับเข้าซอยแคบๆ หรือต้องการหาที่จอดตามห้างสรรพสินค้า
ส่วน Mitsubishi Pajero Sport นั้น จะโดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักตัวถังที่เบาที่สุด และมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบที่สุด ให้การขับขี่ที่คล่องตัวที่สุดในกลุ่มนี้ ด้าน Isuzu Mu-X โดดเด่นที่ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง ที่เหมาะแก่การขับขี่ 4×4 เป็นพิเศษ ส่วน Toyota Fortuner นั้น จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานกลางๆ แต่มีระยะต่ำสุดจากพื้นน้อยที่สุด
ส่วนภายในของทั้ง 4 รุ่นนั้น ต่างก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย และจุดขายในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น, จอกลางอินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อต่างๆ โดยจุดนี้ Ford Everest จะมาพร้อมระบบเชื่อมต่อแบบ SYNC 3 สั่งการด้วยเสียง ส่วน Mitsubishi Pajero Sport นั้น รองรับ Apple CarPlay และ Toyota Fortuner รองรับระบบ Telematics ส่วน Isuzu Mu-X นั้น จะเป็นแบบ iConnect
เบาะนั่งแบบหนังปรับไฟฟ้าด้านคนขับเหมือนกัน ระบบอุณหภูมิอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวาเหมือนกัน การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ มีความใกล้เคียงกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละท่าน
ด้านดีไซน์หน้าปัดเรือนไมล์ของทั้ง 4 รุ่น นั้น ก็จะบอกรายละเอียดต่างๆ ของเครื่องยนต์ที่ครบครันเหมือนกัน แต่ของ Mitsubishi Pajero Sport นั้น จะมีความพิเศษกว่าอยู่นิดนึง ตรงที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ อีกทั้งยังรองรับเมนูภาษาไทย และสามารถแสดงผลข้อมูลจากจออินโฟเทนเมนท์ได้อีกด้วย
สำหรับความสะดวกสบายของเบาะนั่งแถวหลังสุด ดูเหมือนว่า Mitsubishi Pajero Sport จะเหลือที่ว่างสำหรับพื้นที่วางขาที่มากกว่ารุ่นอื่นๆ อีกทั้งในรุ่น Pajero Sport เบาะนั่งแถวที่ 2 ยังมาพร้อมกับจอ LCD บนเพดานขนาด 12.1 นิ้ว ที่คอยให้ความเพลิดเพลินตลอดเส้นทางอีกด้วย เช่นเดียวกับ Isuzu Mu-X ที่มีจอ LCD ขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ส่วน Toyota Fortuner นั้น ที่วางขาสำหรับผู้นั่งแถวหลังสุด ยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่บ้าง และสำหรับ Ford Everest จะมีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังพอสมควร แต่จะมีหลังคาพาโนรามิคซันรูปแทนจอ LCD
ระบบความปลอดภัย
มาต่อกันที่เทคโนโลยีความปลอดภัยกันบ้าง ซึ่งอุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกติดตั้งมาให้จากโรงงานนั้น ก็เพรียบพร้อม และไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC และ ถุงลมนิรภัย ซึ่งแต่ละรุ่นต่างก็มีชื่อเรียกของระบบที่แตกต่างกันออกไป แต่หลักการทำงานทั้งหมดนั้นเหมือนกัน
ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายนั้น ต้องยอมรับว่า Mitsubishi Pajero Sport มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งใน 3 รุ่นนี้ โดยเป็นรุ่นเดียวที่มีระบบ Auto Parking Brake (เบรกมือไฟฟ้า) และ Brake Auto Hold (ระบบเบรกอัตโนมัติขณะหยุดรถชั่วคราว) รวมไปถึงกล้องมองภาพรอบคันอย่าง Multi Around Monitor พร้อมระบบตรวจจับ และแจ้งเตือน
ในขณะที่รุ่นอื่นๆ นั้น จะมีเพียง กล้องมองหลังขณะถอย เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเท่านั้น
อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่เป็นจุดขายในด้านความอเนกประสงค์ของรถ PPV ก็คือ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งในจุดนี้ ดูเหมือนว่า Mitsubishi Pajero Sport จะมีอ็อพชั่นที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระบบเปิด-ปิดประตูโดยใช้เท้าสอดใต้กันชน ซึ่งมีเซ็นเซอร์ตรวจจับถึง 2 ตัว อีกทั้งยังมี ระบบปิดและล็อคประตูท้ายให้อัตโนมัติ รวมไปถึงการสั่งการประตูท้ายผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
ส่วน Ford Everest กับ Toyota Fortuner นั้น จะมีระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้าเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของระบบใช้เท้าสอดใต้กันชนเปิดประตูนั้น Toyota Fortuner จัดเป็นอ็อพชั่นเสริมที่ต้องเสียตังค์เพิ่ม ส่วน Ford Everest จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแค่ตัวเดียว
สเปคเครื่องยนต์
จากตารางสเปคเครื่องยนต์ของทั้ง 4 รุ่น จะเห็นได้ว่า Ford Everest นั้น มีความจุเครื่องยนต์ที่น้อยที่สุด แต่มีแรงม้า และแรงบิดที่สูงที่สุด เนื่องด้วยระบบอัดอากาศเป็นแบบเทอร์โบคู่ Bi-Turbo แต่ถ้าดูจากอัตราส่วนของน้ำหนัก/แรงม้าแล้วนั้น ดูเหมือนว่า Mitsubishi Pajero Sport จะทำได้ดีกว่าเล็กน้อย (แรงม้า 1kW แบกรับน้ำหนัก 15.60 กก.)
ซึ่งถ้าดูจากตารางสเปคแล้ว Mitsubishi Pajero Sport ที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 2.4 ลิตร จะให้สมรรถนะที่ดีกว่า เครื่องยนต์ 2.8 ของ Toyota Fortuner รวมถึง 3.0 ของ Isuzu Mu-X อย่างชัดเจน แต่ในส่วนของแรงบิดนั้นอาจเป็นรอง Toyota Fortuner อยู่เล็กน้อย
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น จะมีเด่นๆ อยู่ 2 รุ่น ได้แก่ Mitsubishi Pajero Sport ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Super Select 4wd II (SS4-II) ซึ่งเป็น Full-Time 4WD และสามารถเลือกปรับเป็นโหมด 2WD ได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบออฟโรดได้อีก 4 โหมด ทั้ง Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock
ส่วนอีกหนึ่งรุ่นได้แก่ Ford Everest ที่เป็นแบบ Full-Time 4WD แต่จะไม่สามารถเลือกปรับเป็นโหมด 2WD ได้ และมีโหมดการขับขี่แบบออฟโรดให้เลือกเพียง 3 โหมด ได้แก่ Sand, Snow/Mud/Grass และ Rock
นอกนั้น จะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time ทั้ง Toyota Fortuner และ Isuzu Mu-X
ราคาจำหน่าย
สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถทั้ง 4 รุ่นนี้ คงอยู่ที่ราคาจำหน่าย โดยราคานี้เป็นราคาสำหรับรุ่นท็อปสุดของ 4 แบรนด์ที่เรานำมาเปรียบเทียบกันในครั้งนี้
จะเห็นได้ว่า Isuzu Mu-X นั้น มีราคาจำหน่ายที่ถูกที่สุด แต่ก็ต้องแลกกับอ็อพชั่นที่ให้มาน้อยที่สุดเช่นกัน
ส่วน Toyota Fortuner นั้น ถือเป็นรถที่ติดลมบน ภาพลักษณ์ดูดี แต่อ็อพชั่นที่ให้มาอาจจะน้อยไปหน่อย
ด้าน Ford Everest นั้น ถือว่าได้เปรียบในด้านขุมพลังเครื่องยนต์อย่างชัดเจน รวมไปถึงมิติตัวถังที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงที่สุดเช่นเดียวกัน
และสำหรับ Mitsubishi Pajero Sport ถือว่ามีอ็อพชั่นที่ให้มาอย่างครบครัน ในราคาระดับกลางๆ
บทสรุป
หากใครที่ต้องการรถ PPV 7 ที่นั่ง ที่ไม่เน้นเทคโนโลยี ราคาประหยัดดูเหมือนว่า Isuzu Mu-X จะเป็นตัวเลือกที่ดีของคุณ แต่หากใครที่ต้องการ PPV ไซส์ใหญ่ เครื่องแรง ยังไงซะ Ford Everest ก็คงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้ดีที่สุด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาส่วนต่าง 1-2 แสนบาท แต่ถ้าหากใครต้องการภาพลักษณ์ที่ดูดี มีอ็อพชั่นในระดับกลางๆ Toyota Fortuner ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยากจะปฏิเสธ และสุดท้ายหากใครมองหาความคุ้มค่า อ็อพชั่น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จัดเต็ม Mitsubishi Pajero Sport คือคำตอบของคุณอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้วละว่า PPV รุ่นไหน? จะตอบโจทย์การใช้งาน และคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ การเปรียบเทียบครั้งนี้ เป็นเพียงตัวช่วยประกอบการตัดสินใจเท่านั้น!! ซึ่งถ้าจะให้ดี แนะนำว่าให้ไปทดลองขับด้วยตัวคุณเอง แล้วจะรู้ได้เลยว่า PPV รุ่นไหน เหมาะสำหรับคุณมากที่สุด
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " เทียบสเปค เช็คอ็อพชั่น จตุรเทพประเภท PPV รุ่นไหนคุ้มค่าที่สุด? "