Group Test : รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo โอโหแรงจริง! ขับดีเกิน Eco Car
หากจะพูดถึงรถซิตี้คาร์ที่เป็นที่นิยม และอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ชื่อของ Honda City นั้น ต้องเป็นรุ่นแรกๆ ที่หลายท่านนึกถึงอย่างแน่นอน
และการกลับมาในเจเนอร์เรชั่นที่ 5 นี้ Honda ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ใส่หัวใจ 1.0 VTEC Turbo เพื่อปรับตัวเข้ากับ Eco Car Phase 2
แต่ทว่าสมรรถนะ และความสะดวกสบายทั้งหมดนั้นยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานของ B-Segment ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
ทั้งนี้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญขณะสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะของ Honda City ใหม่ กันที่จังหวัดเชียงราย
โดยใช้เส้นทางเชียงราย – เชียงของ ซึ่งมีระยะทางกว่า 200 กม. ที่มีทั้งขึ้นเขา – ลงเขา และทางตรงบนถนนตัดใหม่ให้ได้ทดสอบสมรรถนะกันอย่างเต็มที่
ซึ่งทาง 9carthai.com ถูกจัดให้ได้ขับในรุ่น RS
สำหรับดีไซน์ภายนอกของรุ่น RS นั้น จะเป็นรุ่นที่ตกแต่งในสไตล์สปอร์ตเพียงรุ่นเดียว ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด
โดยด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์แบบเปลือกหอยซ้อนกัน พร้อมไฟ DRL ในโคมเดียว แบบเดียวกับ Honda Civic และ Honda Accord เข้าชุดกับกระจังหน้าสีดำพร้อมรังผึ้งดักอากาศ และชุดกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต
เสริมลุคสปอร์ตด้วยกระจกมองข้าง, เสาอากาศครีบฉลาม และสปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมด้วย Diffuser ลายคาร์บอน, ชุดไฟท้าย LED ดีไซน์เส้นสายโฉบเฉี่ยว
ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 16″
ส่วนในรุ่น SV นั้น จะมาในสไตล์หรูหราดูพรีเมียม โดยไฟหน้าจะเป็นแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ DRL แบบ LED กระจังหน้าแบบโครเมียม, กระจกมองข้างสีทูโทน, มือจับประตูแบบโครเมียม
ส่วนล้อแม็กถูกปรับลดขนาดลงเป็นขอบ 15″
มิติตัวถัง Honda City 1.0 VTEC Turbo
จะเห็นได้ว่า Honda City 1.0 VTEC Turbo มีขนาดมิติตัวถังที่กว้างขึ้น และยาวขึ้นโฉมก่อนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ความสูงของรถ และระยะต่ำสุดจากพื้นถูกปรับให้ต่ำลง เพื่อสร้างจุดศูนย์ถ่วงที่ดีขึ้นนั่นเอง
สำหรับภายในรุ่น RS ก็ยังคงคอนเซ็ปต์แบบสปอร์ตเหมือนเช่นเคย
โดยมาพร้อมห้องโดยสารโทนสีดำ ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch เดินด้ายตะเข็บสีแดง, เบาะนั่งเป็นแบบผ้าหนังกลับเดินด้ายตะเข็บสีแดง เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง (ระบบแมนนวล) ส่วนผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังเดินด้ายตะเข็บสีแดงเช่นเดียวกัน, แป้นเบรก – แป้นคันเร่ง เป็นวัสดุโลหะ ส่วนเรือนไมล์นั้นจะเป็นสีแดงบ่งบอกความเป็นรุ่นสปอร์ตอย่างเต็มตัว
ส่วนด้านหลังรุ่น RS นั้น บริเวณคอนโซลกลางออกแบบให้มีช่องวางแก้วน้ำ – ขวดน้ำ พร้อมออกแบบให้มีช่อง Power Outler 12V ให้ 2 ช่อง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
เบาะนั่งแบบผ้าตรงกลางออกแบบให้มีพนักวางแขน (พับเก็บได้) พร้อมช่องวางแก้วน้ำให้อีก 2 ช่อง
สำหรับความกว้างขวางภายในห้องโดยสารของ Honda City ใหม่ ต้องบอกเลยว่า นั่งสบายกว่าเดิม
โดยเฉพาะกับผู้โดยสารตอนหลัง เพราะทาง Honda ได้มีการปรับเพิ่มพื้นที่ส่วนวางเท้าให้มากขึ้น ทัศนวิสัยในการมองเห็นโป่งโล่ง ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งโอบกระชับรับกับสรีระได้ดี
ส่วนตำแหน่งกระจกมองข้างที่ปรับใหม่ย้ายมาอยู่ข้างประตูหน้านั้น ให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นที่กว้างขึ้น แต่ก็คอยจะรบกวนหางตาอยู่ตลอดเวลา เพราะดูเหมือนมีอะไรแว๊บๆ ที่หางตาตลอด ซึ่งคงต้องปรับตัวให้ชินอีกสักระยะ
แต่โดยรวมถือว่าเป็น Eco Car ที่นั่งสบาย ดีกว่าตอนเป็น B-Segment ด้วยซ้ำไป
ส่วนภายในของรุ่น SV นั้น จะแตกต่างกับ RS อย่างสิ้นเชิง โดยห้องโดยสารจะมาในรูปแบบทูโทนสีเทาตัด Ivory (ไร้ตะเข็บเดินด้ายสีแดง), เรือนไมล์สีขาว, เบาะนั่งเป็นแบบหนัง, ไม่มีช่องจ่ายไฟ 12V ที่ด้านหลัง
ไฮไลท์สำคัญของ Honda City ใหม่ อยู่ที่การนำเอาขุมพลังขนาด 1.0 ลิตรมาใส่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว DOHC VTEC มาพร้อมระบบอัดอากาศ Turbo
โดยมีอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำคอยควบคุมอุณหภูมิให้โดยเฉพาะ และมีเวสเกตไฟฟ้าช่วยจัดการกับไอเสียส่วนเกินของเทอร์โบให้อีกชั้นหนึ่ง
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT มอบสมรรถนะสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที
ซึ่งทาง Honda ได้ระบุไว้ว่าเครื่องยนต์ 1.0 VTEC Turbo นี้ มีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับโฉมก่อน) และมีแรงบิดที่เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
อีกทั้งยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 5 รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด E20
หลายท่านอาจสงสัยและคาแคลงใจว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตรเทอร์โบ ชุดนี้ มันจะเทียบเท่าหรือทดแทนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเดิมได้จริงหรือ?
จากที่ได้สัมผัสมาแล้ว ผมขอยืนยันอีกเสียงหนึ่งเลยว่า “จริงครับ” เครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบชุดนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่จี๊ดจ๊าด และให้สมรรถนะการขับขี่ดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก มันแรงจนน่าตกใจ เข็มไมล์พุ่งทะลุหลัก 200 km/h นี่รถ Eco Car จริงๆ หรือเนี่ย?
ปล. เป็นการทดสอบขับขี่เพื่อเฟ้นหาสมรรถนะสูงสุดของรถในช่วงเวลาและระยะทางสั้นๆ โปรดอย่าดราม่านะจ๊ะ
แล้วไอ้อาการ Turbo Lag รอบูสมานี่ตัดทิ้งไปได้เลย ไม่มีจังหวะหน่วงหรืออาการสะอึกให้ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อย เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มอบประสบการณ์ขับขี่ที่สนุกและเร้าใจเอามากๆ
ซึ่งพี่ๆ นักข่าวจากหลายๆ สำนักต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเครื่องยนต์ชุดนี้มันเจ๋งจริงๆ สมรรถนะมันเกิน Eco Car ไปแล้ว
จะเอาไปขับท่องเที่ยวทางไกล ขึ้นเขาขึ้นดอยต่างๆ ผมบอกเลย Honda City ใหม่ สามารถพาคุณไปได้หมดแบบที่ไม่เหนื่อยหน่ายเหมือนกับ Eco Car รุ่นก่อนๆ อย่างแน่นอน
ครั้นจะขับขี่ใช้งานในเมืองก็เป็นมิตร เพราะเป็นภารกิจหลักที่สร้างเครื่องยนต์ชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างตอบโจทย์อยู่แล้ว
อัตราประหยัดน้ำมันจากหน้าปัดคันผม อาจจะทำให้ท่านสะเทือนใจเล็กน้อยเพราะทำได้ป้วนเปี้ยนที่ 11 – 12 กม./ลิตร เท่านั้น (ก็ขับแบบเฟ้นสมรรถนะของรถอะนะ)
ส่วนถ้าใช้งานในชีวิตจริง ผมการันตีว่ายืนพื้นยังไงก็ 15 กม./ลิตร ขึ้นไปอย่างแน่นอน
ในส่วนของระบบช่วงล่างนั้น ต้องบอกว่าทาง Honda เขาเซ็ทไว้ที่ค่ากลางๆ เน้นบาลานซ์ดี
เนื่องจาก Honda City นั้น เป็นรถยนต์ที่มีฐานลูกค้าที่กว้าง ตั้งแต่เด็กวัยมหาลัยไปยันวัยเกษียณ
ครั้นจะมาทำให้ช่วงล่างมันสปอร์ตจ๋าแข็งตึงเอาใจวัยรุ่นขาซิ่งเพียงอย่างเดียวมันก็คงจะไม่ใช่
Honda จึงทำช่วงล่างของ Honda City ใหม่ นั้น ให้มีความนุ่นนวล นั่งสบายแม่ยายชอบ (ถ้าคุณขับไม่เกิน 120 km/h นะ)
แต่ถ้าคุณเป็นคนขับรถเร็ว หรือต้องการเสถียรภาพในการจิกโค้งแบบ Racing Line ผมบอกเลยว่ามันไม่พอ
เพราะถ้าหากคุณขับเร็วเกินกว่าชีวิตประจำวันทั่วไปที่ควรจะขับ คุณจะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับช่วงล่างมันสักเท่าไหร่ ซึ่งดูเหมือนไม่พอรองรับกับกำลังเครื่องยนต์ที่มันจะไปท่าเดียว
แต่อีกหนึ่งส่วนที่จะช่วยทำให้คุณควบคุมรถได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นก็คือ Handling ของพวงมาลัย
ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า Honda City ใหม่ เขาเซ็ทน้ำหนักพวงมาลัยในย่านความเร็วต่างๆ มาได้ดีมาก ผู้หญิงก็ขับสบาย ผู้ชายก็ขับสนุก
เทคโนโลยี Honda Connect (เฉพาะรุ่น RS) ก็เป็นอะไรที่เข้ายุคเข้าสมัยดี เพราะเป็นระบบที่เชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับสมาร์ทโฟน ซึ่งทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งมีฟังก์ชั่นหลักๆ 8 รายการ ดังนี้
ด้านระบบความปลอดภัย แม้จะเป็นรองคู่แข็งรุ่นสำคัญอย่าง All-New Nissan Almera อยู่บ้าง ซึ่งรายนั้นเขามี กล้องรอบคัน, ระบบช่วยเตือนป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเตือนป้องกันการชนด้านหลัง, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนรถออกนอกเลน
แต่ทาง Honda City ใหม่ นั้น จะมีก็แต่ระบบความปลอดภัยหลักๆ เท่านั้น ได้แก่
ส่วนอีกหนึ่งระบบที่ทาง Honda City ใหม่ มี แต่ Nissan Almera ใหม่ นั้นไม่มี ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ซึ่งจะมีให้เฉพาะรุ่น RS รวมถึงแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ด้วย
ราคาจำหน่าย Honda City 1.0 VTEC Turbo
บทสรุป
โดยรวมแล้วถือว่า Honda City 1.0 VTEC Turbo นั้น เป็นอีกหนึ่ง Eco Car ที่น่าสนใจเอามากๆ ในเวลานี้ แม้เครื่องยนต์จะถูกปรับลดลงเพื่อให้เข้าโครงการ Eco Car Phase 2 แต่สมรรถนะนั้นไม่ได้ด้อยไปจากเครื่องยนต์ 1.5 เดิมเลยแม้แต่น้อย แถมยังประหยัดน้ำมันกว่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเครื่องยนต์ชุดนี้บอกเลยว่าน่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงสุดในคลาส Eco Car ในเวลานี้แล้ว
ส่วนระบบช่วงล่างก็อย่างที่บอกเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ทำเพิ่มอีกนิดหน่อย ฟิลลิ่งที่ได้อาจเทียบเท่ากับการขับ Honda Civic เลยทีเดียว
ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความชอบ และทุนทรัพย์ของคุณแล้วละว่า รุ่นย่อยไหนจะถูกใจ และตอบโจทย์การใช้งานของคุณ
แต่ถ้าจะให้แนะนำผมมองว่าถอยรุ่น SV แล้วนำส่วนต่าง 74,000 บาท ไปทำช่วงล่างเพิ่มเติม แถมเหลือเงินไปตกแต่งในสไตล์ของคุณเองได้อีกด้วย ซึ่งสมรรถนะที่ได้จากเครื่องยนต์นั้นมีสมรรถนะที่เทียบเท่ากันในทุกรุ่นย่อย
แต่สิ่งที่จะขาดไปก็คงเป็นระบบ Cruise Control กับ Paddle Shift ซึ่งถ้าคุณไม่ซีเรียส หรือไม่มีความจำเป็นในการใช้งาน รุ่น SV ดูจะเป็นรุ่นที่ค่อนข้างคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย
รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo โอโหแรงจริง! ขับดีเกิน Eco Car
ใหม่ All-New Honda City 2020 ราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
บทความเปรียบเทียบ Honda City vs Nissan Almera
รีวิว Toyota Yaris Cross อีโคคาร์สไตล์ครอสโอเวอร์หนึ่งเดียวในคลาส ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิต
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกความเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car คุ้มค่าเกินราคาจริงๆ
รีวิว All-New Nissan Almera เปลี่ยนทุกสิ่งที่เคยเชื่อ ก้าวสู่ยุคใหม่ Eco Car
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว MG HS ยนตรกรรม SUV สุดคุ้ม ขับสนุก..นั่งสบาย อ็อพชั่นจัดเต็ม ภายในหรูหราอลังการยิ่งกว่ารถยุโรป
Group Test : รีวิว New Mazda 2 ขับมันส์กว่าเดิม เทคโนโลยีเหนือชั้นกว่าเดิม ประหยัดมันสูงสุดในคลาส
รีวิว Chevrolet Colorado High Country Storm 4×4 เมื่อคำว่าสุด…มิอาจหยุดเราได้
รีวิว All-New Mazda CX-8 มาตรฐานอเนกประสงค์ยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
รีวิว MG Extender สมาร์ทปิกอัพ ตัวถังใหญ่นั่งสบาย อ็อพชั่นมากมายเต็มคัน
รีวิว All-New Toyota Altis Hybrid ยืนหนึ่งเรื่องความประหยัด อ็อพชั่นคุ้มค่าคุ้มราคา
รีวิว All-New Mazda 3 หรูหรา แต่ทรงพลัง อ็อพชั่นอัดแน่นเต็มคัน เทียบชั้นรถยุโรป
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : รีวิว Honda City 1.0 VTEC Turbo โอโหแรงจริง! ขับดีเกิน Eco Car "