รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่
BMW เปิดศักราชปี 2021 อย่างดุเดือด หลังจากครองเบอร์ 1 รถหรูตลาดประเทศไทยปี 2020 ได้สำเร็จ ระยะเวลาเพียง 2 เดือนเปิดตัวโมเดลใหม่ออกมาแล้วกว่า 4 รุ่น
และในวันนี้ทีมงาน 9carthai.com ได้ไปสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ของซีดานหรู 3 รุ่นใหม่มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น New Series 5 2021 ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน Plug-in Hybrid ในรหัส 530e M Sport และเครื่องยนต์ดีเซล 520d M Sport
รวมไปถึงน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล Series 3 อย่าง 330Li M Sport ซึ่งถือเป็นรุ่นฐานล้อยาวรุ่นแรกของ Series 3 ที่ขายไทย
ส่วนสมรรถนะการขับขี่ของทั้ง 3 รุ่นจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย
สำหรับการทดสอบครั้งนี้ จัดขึ้นที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีการจำลองรูปแบบการทดสอบแบ่งเป็นสถานีต่างๆ เพื่อให้ได้สัมผัสกับสมรรถนะ และฟีเจอร์อันโดดเด่นที่ติดตั้งอยู่ในซีดานหรูทั้ง 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น
การขับในรูปแบบ Circuit Race แบบสั้นๆ, สถานี Elk Test การทดสอบหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างรวดเร็ว การทดสอบในสถานี Slalom และการทดสอบของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Active cruise control with Stop & Go function) ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Departure Warning) และระบบเตือนกันชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรก (Front Collision Warning)
สำหรับบทความนี้จะขอเล่าถึงสมรรถนะการขับขี่ และฟังก์ชั่นของฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้ทดลองใช้ในการทดสอบเท่านั้น สำหรับสเปคและรายละเอียดของตัวรถ เราได้จัดทำบทความแยกเอาไว้ให้แล้ว โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้
โดยการทดสอบครั้งนี้ ทีมงาน 9carthai.com ถูกจัดให้ได้ขับในรุ่น BMW 330Li M Sport ก่อนเป็นรุ่นแรก
โดยรายละเอียดต่างๆ ของตัวรถจะมาในรูปแบบเดียวกับ Series 3 เพียงแต่รุ่นนี้จะพิเศษกว่าตรงที่เป็นรุ่น Gran Sedan หรือ Long Wheel Base (รุ่นฐานล้อยาว) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทาง BMW ขายรุ่นฐานล้อยาวในตระกูล Series 3 ในไทย
ซึ่งระยะฐานล้อจะยาวกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 110 มม. ส่งผลให้ตัวรถมีความยาวอยู่ที่ 4,819 มม. ในขณะที่ความกว้างเท่าเดิมที่ 1,827 มม. และความสูงเท่าเดิมที่ 1,441 มม.
โดยความยาวของฐานล้อที่เพิ่มขึ้นในรุ่น BMW 330Li M Sport ส่งผลให้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเข้า-ออกตัวรถได้สะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่สำหรับห้องโดยสารตอนหลังยังยาวขึ้นอีก 43 มม. ทำให้มีช่องว่างระหว่างหัวเข่าที่มากกว่ารุ่นมาตรฐาน
อีกทั้งในส่วนของเบาะนั่งตอนหลังยังมีการเพิ่มความหนาแน่นของเบาะทั้งพนักพิง และเบาะรองนั่ง มอบความนุ่มนวล นั่งสบาย และลดอาการเมื่อยล้าขณะเดินทางได้ดีกว่าเดิม
นอกจากจะได้ความสะดวกสบายของห้องโดยสารตอนหลังแล้ว ฐานล้อที่ยาวขึ้นยังช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ในเรื่องของความมั่นคงในการยึดเกาะถนนให้ดีขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานอีกด้วย
สำหรับสมรรถนะของ BMW 330Li M Sport ต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่แรงเกินตัว สมรรถนะเกือบจะเทียบเท่ากับ BMW Series 5 เลยก็ว่าได้ เพราะซีดานฐานล้อยาวคันนี้ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 258 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,550 – 4,400 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ และมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ COMFORT, SPORT และ ECO PRO
ด้านอัตราเร่งจัดจ้าน กระฉับกระเฉง ด้วยน้ำหนักตัวถังที่เบากว่า BMW Series 5 ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ที่เท่ากัน เมื่อได้ลอง Kick Down ใน BMW 330Li M Sport จะดึงแรงกว่า และอัตราเร่งตอบสนองได้ไวกว่า โดยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ไวกว่า 520d M Sport ถึง 1.3 วินาทีเลยทีเดียว ทำให้เป็น Series 3 ที่ขับสนุก แรงบิดสูง พุ่งทะยานไวไม่รอรอบ
ส่วนในเรื่องของ Handling จังหวะการเข้าโค้งใน Track รวมไปถึงสถานี Elk Test และ Slalom ทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยฐานล้อที่ยาวขึ้นส่งผลให้การควบคุมรถแน่น และมั่นคงยิ่งขึ้น อาการโยนที่ล้อหลังไม่มีให้ได้รู้สึกแม้สักครั้งเดียว ช่วงล่างให้การตอบสนองที่ดี พวงมาลัยน้ำหนักพอเหมาะ และเฉียบคม การหักหลบกรวยซ้าย-ขวาในด่าน Slalom ทำได้อย่างคล่องตัว
ซึ่งหลังจากที่ได้ลองสัมผัสสั้นๆ ก็ต้องบอกว่า BMW 330Li M Sport ถือเป็นซีดานหรูอีกหนึ่งรุ่นที่มีความคุ้มค่ามาก โดยคุณจะได้รับตัวถังที่มีขนาดยาวเกือบเท่า Series 5 แถมสมรรถนะการขับขี่ที่ไม่เป็นรองแม้แต่น้อย เพียงแต่มีการตัดอ็อพชั่นจาก Series 5 บางประการก็เท่านั้น โดยซีดานหรูฐานล้อยาวคันนี้มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 2,899,000 บาทเท่านั้น
มาต่อกันที่คันที่ 2 กันบ้าง โดยเป็นรุ่นท็อปสุดของ New Series 5 2021 นั้นก็คือ BMW 530e M Sport ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบ/นาที
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ส่งกำลังรวมสูงสุดถึง 292 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบ XtraBoost ซึ่งปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที
เมื่อขับขี่ในโหมด SPORT จึงมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 235 กม./ชม.
ด้านอัตราเร่งของ BMW 530e M Sport บอกเลยว่าตอบสนองได้ดีมาก แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร ดึงแบบหลังติดเบาะ เป็นรถที่ขับสนุก เร้าใจ อัตราเร่งกระฉับกระเฉง แต่ไม่ใช่เพียงแค่อัตราเร่งเท่านั้นที่ซีดานหรูท็อปไลน์คันนี้ทำได้อย่างน่าประทับใจ
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยให้การขับขี่ครั้งนี้สนุก และคล่องตัวมากยิ่งขึ้นก็คือ การมาของเทคโนโลยี Integral Active Steering หรือระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อช่วยในการเข้าโค้งที่แม่นยำ และดีขึ้น ผสานการทำงานกับระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ที่สามารถปรับตั้งค่าตามความต้องการของผู้ขับขี่ได้อีกด้วย
โดยสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 530e M Sport ในสถานี Elk Test และ Slalom เป็นซีดานหรูที่ให้การขับขี่ และควบคุมที่คล่องตัวที่สุดใน 3 รุ่นของการทดสอบครั้งนี้
โดยการหักหลบกระทันหันองศาการหักพวงมาลัยใช้น้อยกว่าอีก 2 รุ่นพอสมควร ซึ่งจุดนี้จะช่วยเปลี่ยนทัศนคติในการขับขี่ที่ว่า BMW Series 5 รถใหญ่ เทอะทะ ไม่คล่องตัวไปเลย เพราะ 530e M Sport คันนี้ คุมง่าย คล่องตัวสูง พลิ้วกว่า BMW Series 3 เสียด้วยซ้ำไป
ปิดท้ายกันที่รุ่น BMW 520d M Sport ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลหนึ่งเดียวในการทดสอบครั้งนี้ โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Twin Power Turbo ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที
มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 235 กม./ชม.
ซึ่งหากดูจากสเปคด้านบนหลายคนอาจจะมองว่าเป็นรองในรุ่น BMW 330Li M Sport เสียอีก แต่ข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซลก็คือ แรงบิดมีมาให้ใช้ในรอบที่ต่ำกว่า และประหยัดน้ำมันมากกว่านั่นเอง แม้อัตราเร่ง และความเร็วสูงสุดจะเป็นรองอยู่บ้าง แต่ BMW 520d M Sport คันนี้ก็มีดีที่ระบบช่วงล่างแบบ M Sport ที่รองรับการขับขี่ที่สปอร์ตเร้าใจขั้นสุด และอ็อพชั่นที่มากกว่านั่นเอง
สำหรับอัตราเร่งของ BMW 520d M Sport เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ขี้เหร่ เพียงแต่ก่อนที่จะได้ขับเจ้าซีดานดีเซลคันนี้ ทีมงาน 9carthai.com พึ่งลงมาจากรถที่แรงกว่าถึง 2 รุ่น จึงทำให้สมรรถนะด้านอัตราเร่งของแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่ แต่ก็ดึงใช้ได้ และมาไวไม่น้อยหน้ากัน
แต่สิ่งที่ประทับใจในรุ่น BMW 520d M Sport จริงๆ ก็คือ ในเรื่องของระบบช่วงล่าง M Sport ที่ครั้งนี้ขับใน Track เดียวกันกับ 2 รุ่นก่อนหน้า ทำไมมันรู้สึกหนึบ และเฟิร์มกว่า เข้าโค้งได้แรงกว่าเดิมก็รู้สึกมั่นใจว่าเอาอยู่
ซึ่งรอบแรกของการทดสอบผู้เขียนก็ขับเหมือนเดิมเหมือนที่ขับมาก่อนใน 2 รุ่นแรก แต่รู้สึกได้ว่ามันไปได้ไวกว่านั้นอีก
จึงขอวนมาซ้ำอีกรอบ แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ โค้งต่างๆ สามารถอัดเข้าไปด้วยความเร็วที่มากกว่า 2 รุ่นแรกอย่างมั่นใจได้เลยว่าช่วงล่างมันยังไปได้มากกว่านั้นอีก
ส่วนในสถานี Elk Test กับ Slalom แม้ว่าช่วงล่างที่แน่น หนึบ ในการขับแบบ Track Circuit แต่พอเปลี่ยนมาเป็นแบบหักหลบกระทันหัน และการพลิกรถซ้าย-ขวา กลายเป็นว่าความคล่องตัวที่ได้สัมผัสใน 530e M Sport มันหายไป อารมณ์เหมือนย้อนกลับไปขับ 330Li M Sport คันแรก แต่ช่วงล่างหนึบกว่า
ซึ่งในด่าน Slalom จะสัมผัสได้ชัดเจนเลยว่า BMW 520d M Sport ต้องใช้องศาในการหักพวงมาลัยที่มากกว่า 530e M Sport พอสมควรเลยทีเดียว
สำหรับ New BMW Series 5 2021 ทั้ง 2 รุ่นที่ได้สัมผัส หากว่ากันตามสเปคและอ็อพชั่นแล้ว รุ่น Plug-in Hybrid อย่าง 530e M Sport นั้น มีของเล่นที่มากกว่า ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งด้านอัตราเร่ง และความคล่องตัวในการขับขี่ แถมยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ ที่ให้มามากกว่าอีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าอีก 200,000 บาท
ส่วนในรุ่น 520d M Sport นั้น จะรองรับกับการขับขี่ที่สปอร์ตกว่า สามารถเข้าโค้งความเร็วสูงๆ ได้มั่นใจกว่า ช่วงล่างหนึบ แน่น ตามสไตล์การเซ็ทอัพของ M Sport
ทั้งนี้ New BMW Series 5 2021 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่
ดูตารางผ่อนคลิก https://www.9carthai.com/new-bmw-series-5-price/
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว All-New Mazda BT-50 กระบะหน้าหล่อ อ็อพชั่นพรีเมียม ออกงานก็ดี ออกลุยก็ได้
รีวิว Nissan Navara PRO2X ขับ 2 แต่หล่อไม่แพ้กัน แถมราคาถูกกว่าตั้ง 1.5 แสนบาท
รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์
สัมผัสแรกก่อนเปิดตัว All-New Mazda BT-50 บอกเลยว่ารถกระบะคันนี้คุ้มค่าแก่การรอคอย
รีวิว New Ford Ranger 2020 สัมผัสนิยามใหม่และตัวตนของ Ranger กระบะพันธุ์แกร่งที่ไปได้มากกว่า
รีวิว Ford Mustang รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 55 ปี ดุดัน ทรงพลัง สปอร์ตเร้าใจยิ่งกว่าเดิม
รีวิว 2021 Nissan Navara ใหม่ แกร่งขึ้นเยอะ ลุยได้มั่นใจ ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
รีวิว All-New Isuzu Mu-X 2021 สัมผัสแรกก่อนขายจริง เปลี่ยนใหม่ครั้งนี้บอกเลยคุ้มค่าแก่การรอคอย
รีวิว Toyota Corolla Cross รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย และความประหยัด
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่ "