รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV ใช้งานจริง ประหยัดสุดๆ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก คุ้มแน่นอน
อย่างที่เราทราบกันดีว่าเทคโนโลยียานยนต์แห่งยุคปัจจุบันนั้น กำลังจะเปลี่ยนถ่ายไปสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Hybrid, Plug-in Hybrid หรือจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV
ซึ่งในตลาดประเทศไทยเองก็มีหลายค่ายเริ่มนำรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่เป็นส่วนในการขับขี่เคลื่อนเข้ามาจำหน่ายอย่างคึกคัก แต่หนึ่งในรถที่จัดว่าเป็นพี่ใหญ่สุดในคลาส และเป็นรุ่นเรือธงของค่าย Mitsubishi ก็ต้องยกให้กับ Mitsubishi Outlander PHEV
ซึ่งวันนี้เราจะมารีวิวการใช้งานจริงให้ได้ติดตามกัน หลังจากที่ได้ลองใช้งานมาแล้วเกือบ 1 สัปดาห์เต็ม
ก็อย่างที่หลายคนคงทราบ Mitsubishi Outlander PHEV นั้น อาจจะไม่ใช่โมเดลที่สดใหม่แต่อย่างใด เพราะอเนกประสงค์ Plug-in Hybrid รุ่นนี้มีขายในต่างประเทศมาหลายปีแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นโมเดลใหม่ล่าสุดของค่าย Mitsubishi สำหรับตลาดประเทศไทย
โดยเปิดตัวมาครั้งแรกที่งาน Motor Expo 2020 ด้วยราคาเริ่มต้น 1,640,000 บาท สำหรับรุ่น GT และ ราคา 1,749,000 บาท สำหรับรุ่น GT Premium
ที่ใครหลายคนทราบราคาแล้วถึงกับถอดใจ แต่เชื่อหรือไม่ว่า หากคุณได้ทดลองขับ และได้ทราบถึงสมรรถนะการขับขี่แล้ว ราคาข้างต้นนั้น ถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล และจะมอบความคุ้มค่าในระยะยาวได้อย่างแน่นอน
สำหรับดีไซน์ภายนั้น ขออนุญาตไม่ลงลึกเจาะรายละเอียดให้มากความ เพราะเชื่อว่าทุกท่านก็คงเคยเห็น และผ่านตากันมาจนชินแล้ว ซึ่งใครจะบอกว่าสวยหรูหรือดูเชยก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่านเลย
แต่อุปกรณ์มาตรฐานของ Mitsubishi Outlander PHEV นั้น ก็มีให้มาอย่างครบทุกสิ่งที่ควรจะมีในรถระดับ 1.640 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น
ระบบไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟ และเปิด-ปิดไฟสูงต่ำอัตโนมัติ รวมไปถึงไฟ Welcome Light เมื่อปลดล็อครถ หรือดับเครื่องยนต์ ไฟ DRL เป็นแบบ LED รวมไปถึงไฟตัดหมอกที่เป็นหลอด LED เช่นกัน
ตัวรถจะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ และกล้องรอบคัน ด้านบนหลังคาออกแบบให้มีราวแร็คหลังคา เพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ในการเดินทาง เสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยขนาด 18″ รัดด้วยยางขนาด 225/55R18 และระบบเบรกที่เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ปิดท้ายด้วยไฟท้ายแบบ LED และประตูท้ายระบบไฟฟ้า
ข้อแตกต่างของดีไซน์ภายนอกระหว่างรุ่น GT กับ GT Premium คือ ระบบไฟทั้งหน้า – หลัง ที่เป็นแบบฮาโลเจนกับ LED และในรุ่น GT จะไม่มีราวแร็คหลังคามาให้
มิติตัวถังของ Mitsubishi Outlander PHEV ได้แก่
ส่วนภายในของ Mitsubishi Outlander PHEV มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตกแต่งด้วยสีดำตัดกับสีเงิน พร้อมด้วยลายเคฟล่าที่คอนโซลหน้าและแผงประตู
หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 8″ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay พร้อมระบบ Bluetooth Hand Free ที่รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง
คันเกียร์ออกแบบเป็น Joystick ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมมีปุ่มกด EV Mode ที่ด้านข้าง และมีปุ่ม Save (รักษาพลังงานแบตเตอรี่) และ Charge (ชาร์จไฟให้แบตเตอรี่)
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมก้าน Paddle Shift ที่เอาไว้ใช้หน่วงกำลังของมอเตอร์แบบ Engine Bake ปรับความหน่วงได้ 6 ระดับ (B0 – B5) ซึ่ง B5 คือการหน่วงมากที่สุด
เบาะนั่งคู่หน้าในรุ่นท็อปออกแบบในสไตล์ Diamond Quilting Design พร้อมระบบปรับไฟฟ้าที่คู่หน้า พร้อมระบบดันหลังฝั่งคนขับ
ส่วนด้านหลังมาพร้อมพนักวางแขนและที่วางแก้วน้ำตรงกลาง เบาะหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 คอนโซลกลางมีแอร์สำหรับตอนหลัง และจุดชาร์จ USB รวมไปถึง Power Outlet 1500w (ปลั๊ก 3 ตา) ให้อีก 1 ตำแหน่ง
จากการที่ได้ลองนั่งเบาะหลัง ต้องบอกว่า Mitsubishi Outlander PHEV นั้น มีห้องโดยสารแถวหลังที่กว้างและใหญ่มาก นั่งสบาย และมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควรทั้งด้านบนเหนือศรีษะ และช่องว่างระหว่างหัวเข่า สามารถรองรับกับผู้โดยสารไซส์ยุโรปได้สบายๆ
แถมยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในตอนหลังมาให้ครบ ทั้งแอร์หลัง ช่องเสียบชาร์จไฟ Power Outlet 1500w และจุดเสียบชาร์จ USB รวมไปถึงพนักวางแขนและที่ใส่แก้วน้ำ 2 ตำแหน่งด้วย
ส่วนพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้ายนอกจากจะมีขนาดใหญ่ สามารถจัดเก็บสัมภาระได้เยอะแล้ว ยังออกแบบให้มี Power Outlet 1500w ซึ่งสามารถนำปลั๊ก 3 ตามาเสียบ เพื่อต่อพ่วงสำหรับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย
โดยรองรับกำลังสูงสุดที่ 1,500 วัตต์ ซึ่งครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ เช่น เครื่องปิ้ง กระทะไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องแช่ กาน้ำร้อน กระติกน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็ได้ที่มีกำลังไม่เกิน 1,500 วัตต์ โดยสามารถใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมงเต็ม และถ้าถามว่าหลังจาก 6 ชั่วโมงละ? เครื่องใช้ไฟฟ้าจะถูกตัดการทำงานเลยหรือไม่?
คำตอบคือ สามารถใช้งานต่อไปได้ เพียงแต่เครื่องยนต์จะทำงานขึ้น เพื่อปั่นไฟเข้าไปให้กับแบตเตอรี่ และเมื่อถึงจุดที่เพียงพอ ก็จะเปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเลี้ยงไฟเหมือนเดิม ซึ่งสายแคมป์ปิ้ง หรือ สายจุดกางเต็นท์ทั้งหลาย ถูกใจสิ่งนี้แน่นอน เพราะมีปลั๊กไฟเคลื่อนที่ส่วนตัว
แถมใต้ชุดพรมด้านท้าย ยังมีแท่นเสียบชาร์จไฟขนาด 16 แอมป์แถมมาให้กับตัวรถ ซึ่งสามารถนำไปเสียบชาร์จไฟได้ที่บ้าน
โดยการชาร์จปกติสามารถให้กำลังไฟ 100% ในเวลาประมาณ 4 ชม. ส่วนการชาร์จไวแบบ Quick Charging จะให้กำลังไฟ 80% ในเวลาประมาณ 25 นาที
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ของ Mitsubishi Outlander PHEV จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 199 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ที่ด้านหน้า 1 ตัว และด้านหลัง 1 ตัว) โดยมอเตอร์หน้าให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า และมอเตอร์หลังให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า
ทำให้สมรรถนะรวมของ SUV Plug-in Hybrid คันนี้มีแรงม้าสูงถึง 305 แรงม้า แรงบิดระดับ 531 นิวตัน-เมตร จัดเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ที่แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 13.8 kWh ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในรถ PHEV ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ Super All-Wheel Control (S-AWC)
โดยรูปแบบการขับเคลื่อนแบ่งได้ 3 รูปแบบดังนี้
ระบบความปลอดภัยขั้นสูง Mitsubishi Outlander PHEV
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Mitsubishi Outlander PHEV
สำหรับสมรรถนะของ Mitsubishi Outlander PHEV ในการใช้งานจริงกว่า 5 วัน ต้องบอกว่าขับทุกวันน้ำมันลดลงไปแค่ 30% เท่านั้น
โดยกำลังขับเคลื่อนส่วนใหญ่จะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ส่วนเครื่องยนต์จะทำงานก็ต่อเมื่อเรา Kick Down หรือกดคันเร่งแรงๆ เพื่อเร่งแซงเท่านั้น
รวมไปถึงในตอนที่แบตเตอรี่เหลือต่ำ เครื่องยนต์ถึงจะกลับมาทำงานส่งกำลังไปที่ล้อ และจะแบ่งกำลังไปปั่นไฟที่ Generator เพื่อเข้าไปจัดเก็บที่แบตเตอรี่ให้เราอีกรอบ
ส่วนในโหมด EV Mode ที่เป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน 100% ทาง Mitsubishi ได้เคลมเอาไว้ว่าสามารถขับได้ไกลถึง 55 กม.
ซึ่งจากการที่ได้ทดลองขับ พบว่าสามารถขับได้ 48 กม. และที่หน้าจอแสดงผลระบุว่ายังสามารถขับต่อไปได้อีก 5 กม. ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับระยะทางที่ทาง Mitsubishi ได้แจ้งเอาไว้
ส่วนไฮไลท์สำคัญของ Mitsubishi Outlander PHEV จริงๆ อยู่ที่ ระบบ Save/Charge ทันทีที่เราขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจนพลังงานในแบตเตอรี่หมด เราสามารถกดปุ่ม Save/Charge ให้เครื่องยนต์ทำงานส่งกำลังขับเคลื่อน และปั่นไฟเข้าไปจัดเก็บที่แบตเตอรี่ให้เราได้
ซึ่งระบบดังกล่าวให้ประสิทธิภาพในการชาร์จไฟที่รวดเร็วมาก เพียงเวลาประมาณ 40 – 60 นาที ก็สามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้ถึงระดับ 70% เลยทีเดียว
ตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับการขับขี่ และสภาพแวดล้อมด้วย เพราะหากยิ่งใช้ความเร็วต่ำ หรือจอดหยุดนิ่ง แบตเตอรี่ก็จะยิ่งชาร์จไฟกลับได้เร็ว
ข้อแนะนำในการใช้งานหลังจากที่ได้ทดลองระบบดังกล่าวแล้ว ต้องบอกว่าหากคุณเป็นคนที่ใช้รถเดินทางไปทำงานทุกวันโดยที่มีระยะทางไม่ไกลเกินกว่า 55 กม. ในช่วงเช้าขาไป คุณเลือกใช้งานในโหมด EV (ไฟฟ้าล้วนไม่ยุ่งกับน้ำมัน) ได้เลย
แล้วในตอนขากลับช่วงเย็นที่รถชอบติด คุณก็กดปุ่ม Save/Charge ให้รถชาร์จไฟกับไปจัดเก็บที่แบตเตอรี่ (ช่วงเครื่องยนต์ทำงานใช้น้ำมัน) ยิ่งรถติด หรือจอดนิ่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งชาร์จไฟกลับไปเร็วมากเท่านั้น รับรองว่ากว่าคุณจะถึงบ้านแบตเตอรี่ก็กลับมาพร้อมใช้งานเกือบ 100% เต็มความจุเหมือนเดิม
ซึ่งพรุ่งนี้คุณก็ทำแบบเดิมวนลูปไปเรื่อยๆ จนกว่าแบตเตอรี่มันจะพังกันไปข้างนึง (Mitsubishi รับประกัน 10 ปีเต็ม หรือ 160,000 กม.) ดูซิเดือนๆ นึงเนี่ย คุณจะต้องเติมน้ำมันกี่ครั้งกันเชียว
ส่วนสายชาร์จที่มีแถมมาให้หลังรถ ก็เก็บเอาไว้ท้ายรถให้รู้ว่าเป็นรถเสียบปลั๊กชาร์จไฟก็พอ แทบไม่ต้องหยิบมาใช้งานเลยทีเดียว
หรือถ้าต้องการความพร้อมทุกการเดินทาง กลับมาถึงบ้านคุณก็จอดเสียบชาร์จไฟให้เต็มความจุแบตเตอรี่เพิ่มเติมก็ได้ พรุ่งนี้เช้าคุณก็มีโหมด EV ให้ขับไปได้อีก 55 กม. โดยไม่เสียน้ำมันเลยสักหยด
จากระบบขับเคลื่อนที่มีให้ของ Mitsubishi Outlander PHEV ทำให้คุณสามารถประหยัดตังค์ในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงไปได้เยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป
โดยทาง Mitsubishi เคลมว่า SUV Plug-in Hybrid คันนี้ ให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 52.6 กม./ลิตร
ซึ่งนอกจากจะโคตรประหยัดสุดๆ แล้ว ในเรื่องของอัตราเร่ง และสมรรถนะการขับขี่ก็ต้องบอกว่าระดับท็อปคลาสจริงๆ แรงม้า 305 ตัว แรงบิดระดับ 531 นิวตัน-เมตร มันเกินพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
เรียกได้ว่าเป็นรถที่ขับใช้งานในเมืองก็ประหยัด ขับเดินทางออกต่างจังหวัดก็ไม่เหนื่อย แถมมีความอเนกประสงค์ และนั่งสบายเป็นของแถมอีกด้วย
ด้านระบบช่วงล่างอันนี้บอกตรงๆ ว่านุ่มนวลนั่งสบายไม่แพ้รถยนต์หรูๆ แบรนด์ยุโรปเลย
ช่วงล่างค่อนข้างเซ็ตมาให้รองรับกับการขับขี่ที่สบาย แถมยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super All-Wheel Control ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะถนน ที่มีความความชาญฉลาดในการถ่ายเทน้ำหนักแต่ละล้อให้สมดุลกัน
ทำให้ตัวรถมีความนุ่มหนึบ และเกาะถนนเป็นอย่างมาก และยังสามารถพาคุณลุยในเส้นทางที่สมบุกสมบันตามแบบรถ SUV ที่ควรจะเป็นได้ดีอีกด้วย
บทสรุป
ต้องบอกว่า Mitsubishi Outlander PHEV นั้น เป็นอีกหนึ่ง SUV Plug-in Hybrid ที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งเป็นรถที่ขายดีมากในเวทีระดับโลก แต่อาจจะเข้าไทยช้าไปหน่อย แต่ยังไงซะเทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ก็ยังคงเหนือชั้น
โดยหากใครที่บอกว่าราคาจำหน่ายมันแพงไปหน่อย อยากให้ลองเปิดใจไปทดลองขับดูกันก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าราคานี้เหมาะสม (แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันถูกนะ) ซึ่งหากมองในระยะยาวก็ต้องบอกว่ามันคุ้มค่ากว่าในการจ่ายตังค์ซื้อความประหยัดในอนาคต คุณจะประหยัดเงินในการเติมน้ำมันไปได้หลายบาทต่อปีเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าเพื่อนๆกำลังมองหา SUV ที่มีความคุ้มค่าระยะยาว ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง และมีความอเนกประสงค์ บอกเลยว่า Mitsubishi Outlander PHEV นี่แหละคือตัวเลือกที่คุณกำลังมองหาอยู่
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Outlander PHEV
ดูตารางผ่อนคลิก https://www.9carthai.com/new-mitsubishi-outlander-phev-price/
บทความน่าอ่าน!!
สัมผัสแรก Aston Martin Vantage สปอร์ต Entry Level ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน ฉายาเทพบุตรนักล่า
รีวิว Toyota Yaris PLAY Limited Edition อีโคคาร์แต่งพิเศษ ออปชันจัดเต็ม มีขายเพียง 1,500 คัน!
รีวิว Mazda CX-3 2021 Collection รุ่น Base Plus บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
รีวิว Ford Ranger FX4 Max ที่สุดของกระบะแต่งพิเศษสไตล์ออฟโรด ในราคาจับต้องได้
รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่
รีวิว All-New Mazda BT-50 กระบะหน้าหล่อ อ็อพชั่นพรีเมียม ออกงานก็ดี ออกลุยก็ได้
รีวิว Nissan Navara PRO2X ขับ 2 แต่หล่อไม่แพ้กัน แถมราคาถูกกว่าตั้ง 1.5 แสนบาท
รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์
สัมผัสแรกก่อนเปิดตัว All-New Mazda BT-50 บอกเลยว่ารถกระบะคันนี้คุ้มค่าแก่การรอคอย
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV ใช้งานจริง ประหยัดสุดๆ ชาร์จไฟได้เองไม่ต้องง้อปลั๊ก คุ้มแน่นอน "