รีวิว Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS ขับสนุกจริง จนท้าให้ลอง
รถสกู๊ตเตอร์ไฟกลมสุดคลาสสิกที่เคยเป็นที่หลงรักกลับมาอีกครั้งพร้อมรูปโฉมใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Vespa Primavera ต้นฉบับปี 1968
ผสมผสานกับความทันสมัยของรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าต้นแบบ Vespa 946 กลายมาเป็นเวสป้าสุดปราดเปรียว หรูหรา เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกสนานตามแบบฉบับเวสป้า
Vespa Primavera Color Vibe เสน่ห์ใหม่ล่าสุดของเวสป้า ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีสันของแสงอาทิตย์ที่กระทบผืนน้ำก่อนจะลับขอบฟ้า (The Oceanic Sunset) ถูกนำมาถ่ายทอดลงบน Primavera Color Vibe ด้วยสีทูโทนชวนหลงใหล ราวกับบรรยากาศของพระอาทิตย์ตก
เพิ่มความโดดเด่นที่แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยการตกแต่งสีดำ พร้อมแล้วที่จะพาคุณหลุดจากทุกความจำเจ แล้วออกไปดื่มด่ำกับชีวิตเพื่อค้นหาช่วงเวลาสุดพิเศษที่น่าจดจำ (พร้อมรับ Vespa Hype Box และชุดแต่งสุดพิเศษ ชิลด์สั้นสีสโมคและที่พักเท้า)
Vespa Primavera ราคา
Vespa Primavera 150 i-Get ABS 134,400. (มีตะแกรงหลัง)
Vespa Primavera S 150 i-Get ABS Touring 139,900. (มีตะแกรงหน้า+ชิวบังลม)
Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS 139,900. (สีพิเศษแดง-ฟ้า และสติ๊กเกอร์ลายพิเศษ) (คันที่นำมารีวิว)
ด้านหน้า
ไฟหน้าแบบ LED ทรงกลมล้อมกรอบด้วยสีดำด้าน แบ่งชั้นบนเป็นไฟสูง ชั้นล่างไฟใหญ่ ด้านบนมีชิวบังลมสีสโมคติดตั้งมาให้จากโรงงาน สีสโมคเข้มทำให้ตัวรถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ไฟเลี้ยวหน้าแยกออกมาเป็นแบบหลอดไส้ แต่ภายในมี DRL แบบ LED แฝงความทันสมัยไว้ในโคมเดียวกัน
แผงบังลมหน้าเก็บขอบด้วยสีดำด้านเช่นเดียวกับกรอบไฟหน้า มีตรา Vespa และ Piaggio เพิ่มความพรีเมียมให้ตัวรถ บริเวณเน็กไทด์ตรงกลางมีการเจาะช่องบังแตรไว้ 3 ช่องทำสีแดง ที่ชุดบังลมด้านหน้ามีสติ๊กเกอร์ 2 ข้างด้านล่าง และบังโคลนมีครีบสีดำตกแต่งไว้
มุมมองผู้ขับขี่
ชิวบังลมด้านหน้าสีสโมคเป็นของแต่งที่ติดตั้งมาให้เลย ความสูงพอดี ไม่เกะกะสายตาและช่วยตัดลมที่พัดเข้าลำตัวได้ระดับนึง สีเข้มช่วยตัดกับสีฟ้าของตัวรถ ทำให้สีรถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
กระจกติดมาให้เป็นทรงกลมคลาสสิคสีโครเมียม มุมมองกว้าง ใส มองเห็นชัดมาก ปรับแล้วอยู่กับที่ไม่ขยับไม่สั่น โดยตำแหน่งกระจกจะพอดีกับรถยนต์ SUV แต่กระจกทรงนี้ไม่ได้ยื่นออกไปมาก ทำให้ไม่มีปัญหาในการมุดช่องการจราจรเท่าไหร่นัก
ประกับแฮนด์ มากับปลอกแฮนด์ปั๊มลาย Vespa ให้ความรู้สึกนุ่มและกระชับมือดี ก้านเบรกขนาดใหญ่สีเงิน กรอบสวิตช์ไฟทำสีโครเมียม
ทางซ้ายมีปุ่มไฟสูงและไฟ pass ในตัว ไฟเลี้ยว และแตร ทางขวามีปุ่มโหมด และปุ่มสตาร์ท ซึ่งออกแบบมาอยู่ในระยะที่ใช้งานง่าย
หน้าจอแบบผสม โดยมีเข็มด้านบนบอกความเร็วแบบอนาล็อก มีไฟสถานะ ABS และเครื่องยนต์ ด้านล่างเป็นจอดิจิตอลขนาดเล็ก บอกระดับน้ำมันคงเหลือ ทริปรวม จับทริป A จับทริป B และนาฬิกา
มีไฟสถานะเป็นแถบ 2 ข้างซ้ายขวา โดยแสดงไฟสูง น้ำมันเครื่อง ไฟเลี้ยว และแจ้งเตือนน้ำมันหมด
ช่องเก็บของด้านหน้า ที่ฝาปิดมีการตกแต่งด้วยตรา 150 ตามขนาดเครื่องยนต์ สามารถเปิดช่องเก็บของได้จากการกดเบ้ากุญแจเข้าไป ซึ่งหากมีพวงกุญแจยาวออกมาเหมือนในรูปจะทำให้ปิดลำบากขึ้นเล็กน้อย
ภายในทางซ้ายจะเป็นช่องเก็บของ มีแผ่นกันของตกมาให้ (ให้มาบางรุ่น) สามารถวางโทรศัพท์ได้ มีช่องจ่ายไฟ USB-A พร้อมฝาปิดกันน้ำอีกชั้นมาให้ และข้าง ๆ กันมีสลักเปิดเบาะแบบ Manual (ใช้ในกรณีฉุกเฉินแบตเตอร์รี่หมด)
ทางขวาเป็นแผงฟิวส์และระบบไฟฟ้า ไม่สามารถใส่ของได้
ที่แขวนของหน้าเบาะ
บริเวณด้านหน้าเบาะมีที่แขวนของวัสดุเป็นพลาสติกซ่อนเอาไว้ เมื่อต้องการใช้งานสามารถดึงออกมาได้เลย ไม่ควรแขวนสัมภาระที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 กก.
เบาะนั่ง
ในส่วนของเบาะผู้ขับขี่นั้นบอกได้เลยว่าเป็นเบาะของ Vespa ที่นิ่มและนั่งสบายที่สุดตั้งแต่ได้ทดลองมา แม้ว่าขนาดจะใกล้เคียงกับรุ่นอื่น ๆ แต่หนังที่ใช้หุ้มและเนื้อเบาะมีความนุ่มกว่าชัดเจน เอาไปขับขี่นาน ๆ ทางไกลถือว่าเหมาะเลย
เบาะผู้ซ้อนก็มีความนิ่มดีเช่นกัน แต่ยังคงมีข้อเสียเหมือนเดิมคือขนาดสั้น เวลานั่งอาจจะไปเบียดกับผู้ขับขี่ได้ ด้านหลังมีที่จับกันตกสีดำด้านความยาวเต็มรอบท้าย จับใช้งานถนัดดี
ที่เก็บของใต้เบาะ
เบาะสามารถเปิดได้แบบไฟฟ้าจากปุ่มรูปแม่กุญแจ ด้านข้างเบ้ากุญแจ แต่ถ้าไม่สามารถเปิดจากปุ่มนี้ได้ ก็สามารถเปิดจากสลักฉุกเฉินในที่เก็บของด้านหน้าได้เช่นเดียวกัน
โดยบริเวณบานพับจะมีสปริงช่วยผ่อนแรงเปิด และป้องกันเบาะปิดพับลงมาโดยไม่ตั้งใจ ดูแล้วแข็งแรงดี
ภายในมีแผ่นรองมาให้ ช่วยกันสัมภาระกระแทกขณะขับขี่และกันความร้อนได้นิดหน่อย พื้นที่ภายในสามารถค่อนข้างลึกเก็บหมวกกันน็อคเต็มใบแบบ Open Face ได้ 1 ใบ ส่วนแบบ Full Face ที่ทีมงานมีไม่สามารถใส่ลงไปได้
มีข้อสังเกตคือ ช่องใต้เบาะนี้ค่อนข้างร้อนมาก ๆ ไม่ควรเก็บของที่ไม่ชอบความร้อนไว้ใต้เบาะโดยเฉพาะขณะขับขี่
ช่องเก็บของสามารถถอดยกออกมาได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย ง่ายต่อการทำความสะอาด การเซอร์วิส และช่วยระบายความร้อนได้เล็กน้อย
ถังน้ำมัน
ด้านหลังเป็นช่องเติมน้ำมันทำให้ต้องเปิดเบาะทุกครั้งที่ตองการเติมน้ำมัน โดยฝาถังเป็นแบบเกลียวพลาสติกธรรมดาพร้อมกับถังน้ำมันความจุ 7 ลิตร
ข้อควรระวังในการเติมน้ำมันคือ
กุญแจ
กุญแจให้มา 2 ดอก ดอกแรกสีน้ำเงินเอาไว้ใช้งานทั่วไป อีกดอกสีน้ำตาลเป็นกุญแจชิพเอาไว้เป็นแม่แบบปั๊มเมื่อดอกสีน้ำเงินหาย จึงไม่ควรทำดอกหลักหาย
ด้านข้าง
ด้านข้างมีสติ๊กเกอร์ตกแต่งพิเศษสีทูโทนสวยงามทั้งคัน มีตรา Vespa ตัวนูนอยู่ท้ายสุด
ทางขวามีสติ๊กเกอร์เช่นเดียวกัน แต่ด้านท้ายเปลี่ยนเป็นตรารุ่น Primavera
ด้านท้าย
ไฟท้าย LED ทรงกลมแต่โคมเหลี่ยมล้อมกรอบดำเงา ไฟเลี้ยวแยกออกมา 2 ข้างเป็นหลอดไส้ฮาโลเจน
ระบบเบรกและช่วงล่าง
ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 200 มม. ทำงานร่วมกับปั๊มเบรก 2 พอต มีระบบ ABS และให้สายเบรกเป็นสายถักมาจากโรงงานเลย
ช่วงล่างด้านหน้าโช้คอัพไฮดรอลิคแบบแขนเดี่ยว ระยะยุบ 78 มม. ทำให้สามารถโชว์ลายล้ออีกฝั่งได้เต็มที่ เห็นสีแดงสวยงาม โดยยางหน้ามีขนาด 110/70-12 ยางหลังขนาด 120/70-12 เสียดายที่ยางติดรถ Maxxis ที่ให้มาค่อนข้างลื่นเมื่อเจอถนนเปียก
ระบบเบรกด้านหลังเป็นดรัมเบรกธรรมดา ช่วงล่างเป็นโช้คหลังเดี่ยวมีระยะยุบ 70 มม. สามารถปรับพรีโหลดได้ 4 ระดับ
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ i-Get 150 1 สูบ SOHC 4 จังหวะ 3 วาล์ว มีปริมาตรกระบอกสูบจริง 154.8 ซีซี ส่งกำลังแบบ CVT ให้กำลัง 9.5 กิโลวัตต์ ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิด 12.5 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที
ด้านขวาเป็นพัดลมระบายอากาศและท่อไอเสียที่มีแผ่นกันความร้อนอีกชั้นนึง
ท่านั่งการขับขี่
เบาะผู้ขับขี่มีความสูง 790 มม. ผู้ทดสอบสูง 170 ซม. นั่งตรงกลางเบาะส้นเท้าลอยชัดเจน หากขยับไปด้านหน้าจะลงเท้าได้มั่นใจขึ้น แต่เบาะช่วงหน้านั่งไม่ค่อยสบาย
ใครที่มีส่วนสูงน้อยกว่า 160 ซม. หรือไม่ค่อยมีประสบการณ์การขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีเบาะสูง อาจจะต้องปรับตัวและเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะการขับขี่ในช่วงรถติด
ท่านั่งขับขี่ทั่วไปหากขยับมาด้านหลังแล้วนั่งให้เต็มก้นพบว่าเป็นเบาะที่นั่งได้สบายมาก ช่วงแขนอาจจะดูยืดออกไปไกลเล็กน้อยหากนั่งสุดเบาะ แต่ถ้านั่งกลางเบาะระยะแขนก็ถือว่าพอดี
ที่วางเท้าผู้ขับขี่ค่อนข้างยาว ขยับหน้า-หลังได้เยอะ มียางกันลื่นมาให้ใช้งานได้ดี โดยช่วงขาอาจจะรู้สึกอยู่ต่ำกว่าปกติ แต่จริง ๆ แล้วมีความสูงเท่ากับรถ Scooter ทั่วไป เพียงแต่ Vespa มีเบาะที่สูงกว่าเท่านั้นเอง
เบาะผู้ซ้อนยังคงสั้นเหมือนเดิม แม้จะนิ่มนั่งสบายแต่เวลานั่งจริงจะไปเบียดกับผู้ขับขี่ ส่วนที่พักเท้าผู้ซ้อนในรุ่นนี้มีการติดตั้งพักเท้าแต่งแบบพับได้ ทำให้มีพื้นที่วางเท้ามากขึ้น แต่พักเท้ามีการให้ตัวได้ค่อนข้างเยอะ ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก
ความรู้สึกการขับขี่
ต้องบอกว่า Vespa เป็นรถที่มีความคล่องตัวสูง ด้วยขนาดล้อที่ไม่ใหญ่มากประมาณ 10- 12 นิ้วแล้วแต่รุ่นย่อย แม้จะมีน้ำหนักตัวเยอะแต่วางสมดุลย์รถมาดีทำให้การขับขี่ในเมืองพลิกเลี้ยวได้ง่ายไม่รู้สึกหนัก
ในเมืองมักจะพบเจอกับพื้นถนนที่ไม่เรียบ ต้องบอกว่าหากเป็นหลุมบ่อรอยต่อขนาดเล็กหรือถนนลอนคลื่นยาว ๆ ค่อนข้างซับแรงได้ดี แต่ถ้าหากเป็นหลุมหรือรอยต่อขนาดใหญ่จะรู้สึกได้ถึงความเฟิร์มแต่ไม่ถึงกับกระแทกเจ็บ
ช่วงล่างในความเร็วสูงมั่นคงดี แต่อาจมีอาการหน้าไวเล็กน้อย เท่าที่ได้ลอง Vespa มา 3 คัน เจ้า Primavera มีช่วงล่างนุ่มนวลสบายที่สุด ทั้งนี้ความรู้สึกอาจจะแตกต่างกันไปแล้วแต่น้ำหนักตัวของแต่ละคน
ระบบเบรกของ Vespa รู้สึกว่าก้านเบรกแข็งและต้องปรับตัวไปสักพัก สำหรับรุ่นที่เรารีวิวมาต้องบอกตามตรงว่าเบรกหน้าต้องออกแรงกดเยอะเพื่อที่จะหยุดรถ และเบรกหลังชะลอความเร็วได้ไม่ทันใจสายสปอร์ต แต่ถ้าขับขี่ทั่วไปก็พอรับได้
ระบบ ABS ทำงานได้ดี โดยจากการทดสอบช่วงหลังฝนตกแล้วมีการเบรกหนักทางด้านหน้า ระบบเข้ามาป้องกันล้อล็อคได้เป็นอย่างดี แม้ว่ายางที่ให้มาจะลื่นไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังตั้งรถตรงและเบรกได้
ทั้งนี้ในเวสป้ารุ่นใหม่อย่าง GTS ทีมงานยังไม่ได้ทดสอบแต่เชื่อว่าได้มีการปรับปรุงสมรรถนะให้เหมาะสมกับสายสปอร์ตมากขึ้น
เครื่องยนต์ถือเป็นจุดเด่นของ Vespa คือทั้ง 125 และ 150 ขับขี่ได้เนียนแทบไม่รู้สึกสั่นเลย เพลิดเพลินมาก ๆ เป็นความรู้สึกที่สัมผัสแตกต่าง ถ้าใครไม่ได้ชอบความแรง ตัว 125 ก็ไม่กระชาก ขับชิว ๆ ดี ส่วน 150 ก็กระชากรอบต้นมากขึ้น เร้าใจมากขึ้น
ส่วนความเร็วปลายในการเดินทางต้องบอกตามตรงว่าเครื่องยนต์ 2 ตัวนี้เน้นใช้ความเร็วไม่สูงเกิน 90 กม./ชม. จะชิวกว่า โดย Top speed ทำได้อยู่ที่ประมาณ 110 กม./ชม.
จากการทดสอบขับขี่ในเมืองความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้อยู่ที่ 30กม./ลิตร +-
เทียบกับรุ่นอื่น ๆ เป็นอย่างไร
Yamaha Aerox 155 ราคา 69,900 – 80,900 บาท ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless และเบรก ABS เครื่องยนต์คลาส 155 ซีซีมาพร้อมกับ วาล์ว VVA เครื่องยนต์แรงกว่า ประหยัดน้ำมันกว่าเล็กน้อย
ดูข้อมูล Yamaha Aerox
Yamaha Nmax 155 ราคา 95,000 – 98,500 บาท ได้เบรก ABS และดิสก์เบรกทั้ง 2 ล้อ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ในรุ่น Top ได้กุญแจ Keyless เครื่องยนต์คลาส 155 ซีซีมาพร้อมกับ วาล์ว VVA เครื่องยนต์แรงกว่า ประหยัดน้ำมันกว่าเล็กน้อย
มีระบบการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ Y-Connect และมีระบบ Traction control เพิ่มความปลอดภัย เมื่อขับขี่จริงถือเป็นรถที่สบาย ควบคุมง่าย ที่เก็บของเยอะ ใช้งานในเมืองหรือขับทางไกลก็ดี
อ่านรีวิว Yamaha Nmax
Honda Click160 ราคา63,500 – 69,900 บาท ได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่า มีเบรก ABS และกุญแจ Keyless ประหยัดน้ำมัน 45 – 47 กม./ลิตร มีหน้าจอแบบ Full Digital และไฟรอบคันแบบ Full LED เน้นใช้งาน ค่าอะไหล่ถูกกว่า
อ่านรีวิว Click 160
Honda PCX 160 ราคา 87,400 – 93,400 บาท นอกจากกุญแจ Keyless ความประหยัดน้ำมัน เบรก ABS และระบบ HSTC แล้ว สิ่งที่ทำให้มีผู้ใช้งานรถนุ่นนี้อย่างมากคืออะไหล่และของแต่งราคาถูก ซ่อมง่ายหาง่าย และมีความคุ้มค่าในการใช้งาน
ดูข้อมูล Honda PCX 160
Lambretta V200 (ประกอบไทย) ราคา 107,000 บาทแม้ว่าจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่ก็ได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่ามากอยู่ระดับนึง แถมได้ความเท่จากแบรนด์อิตาลีไม่แพ้กัน
ดูข้อมูล Lambretta V200
Lambretta X300 ราคา 154,900 บาท แพงกว่าเล็กน้อยแต่ได้เครื่องยนต์ที่มีความแรงมากกว่า เนื่องจากประกอบในประเทศไทยทำให้ค่อนข้างคุ้มค่ากับเครื่องยนต์ที่ได้
ดูข้อมูล Lambretta X300
ข้อดี / จุดเด่น Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS
ข้อเสีย / ข้อสังเกต Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS
สรุป
รีวิวตามตรง ลองมาแล้ว 3 คันเป็นอย่างไรบ้าง
ด้วยแบรนด์และราคาตัวรถหลักแสนบาท Vespa คงไม่เหมาะนักที่จะนำมาใช้เพื่อเน้นความคุ้มค่าหรือใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่เป็นรถที่ซื้อด้วยอารมณ์และความชอบล้วน ๆ
สมรรถนะที่โดดเด่นเป็นเรื่องของความสมูทของเครื่องยนต์ที่ให้ความรู้สึกดีมาก เสียดายที่กินน้ำมันไปหน่อย ส่วนช่วงล่างเน้นความเฟิร์มเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น Primavera ที่ค่อนข้างนุ่มนวลสบาย ส่วนระบบเบรกใครอยากใช้เดิม ๆ ก็ต้องปรับตัวเข้าหารถนิดหน่อย ส่วนใครอยากเบรกได้มั่นใจขึ้นแนะนำว่าหาของแต่งมาจะดีกว่าเบรกเดิมมาก
ข้อควรระวัง Vespa มีตัวถังเป็นเหล็กทำให้มีค่าซ่อมแพงหากเกิดอุบัติเหตุ ขาตั้งข้างไม่แข็งแรงจึงควรใช้ขาตั้งคู่เป็นหลัก งานประกอบเท่าที่ดูมายังไม่ค่อยเรียบร้อย และเวลาเติมน้ำมันต้องระวังกระเด็นเลอะชุดสี
สุดท้ายนี้เวลาขับขี่ท่องเที่ยวในบางครั้งมันไม่ใช่แค่การไปให้ถึงที่นั้น ๆ แต่มันคือการเดินทางไปพร้อมกับรถที่เราชอบ ไม่ว่าจะใช้เวลานานหรือเดินทางได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเราได้ปรับตัวและเดินทางไปพร้อมกับสิ่งที่เรารักผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ จะมีความสุขและไม่ผิดหวังกับสิ่งที่เลือกแน่นอนครับ
ดูราคาตารางผ่อนเพิ่มเติม คลิก https://www.9carthai.com/new-vespa-primavera-150-price/
.
ดูราคา Vespa ทุกรุ่น คลิก https://www.9carthai.com/vespa-price/
อ่านรีวิวรถใหม่ ที่น่าสนใจ…
รีวิว Vespa LX 125 i-Get รถที่ขายดีที่สุดของ Vespa แต่ราคาราคาเฉียดแสน คุ้มหรือไม่?
รีวิว Vespa SPRINT S 150 i-Get ABS เครื่องแรงใช้ได้ แต่ราคาแรงกว่า แล้วมันน่าซื้อไหม?
รีวิว Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS ขับสนุกจริง จนท้าให้ลอง
รีวิว Honda Scoopy Minions Limited Edition ลายใหม่สุดคูล ใช้งานได้คล่องตัวและประหยัดน้ำมัน
รีวิว Yamaha Grand Filano เท่ห์กว่าเดิม มาพร้อมสีใหม่
รีวิว Yamaha Fazzio 2023 เครื่องไฮบริด แรงพอได้ ประหยัดดี
รีวิว Honda LEAD 125 ตัวใหม่ เน้นใช้งาน หน้าตาพิมพ์นิยม
รีวิว Honda Click 160 นำหน้าอย่างจ่าฝูง
รีวิว Yamaha NMAX Connected 2023 เบาะนุ่ม แรงกำลังดี คันเดียวจบทุกเส้นทาง
รีวิว Yamaha Xmax Connected 2023 ขับมันส์ นั่งสบาย ช่วงล่างนุ่มหนึบมาก!!
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Vespa Primavera Color Vibe 150 i-Get ABS ขับสนุกจริง จนท้าให้ลอง "