ใหม่ All New MG3 HYBRID+ 2024-2025 ราคา เอ็มจี 3 ไฮบริด+ ตารางผ่อน-ดาวน์
MG เผยสเปค ALL NEW MG3 HYBRID+ นำเสนอความเป็นที่สุดใน B-segment กับจุดเด่น ประหยัดกว่า แรงกว่า กว้างกว่า ปลอดภัยกว่า
พร้อมเคาะราคาอย่างเป็นทางการ ส.ค.67 นี้
– ประหยัดกว่า!!! น้ำมัน 1 ถัง (36 ลิตร) ไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร เฉลี่ยประมาณ 22.22 กม./ลิตร
– ทางเลือกใหม่ให้กับคนไทย กับความแรง เร็ว เร้าใจ ขับสนุกแบบรถ EV แต่มีดีที่ไม่ต้องชาร์จ
– หนึ่งเดียวที่ผสานทุกระบบไฮบริด กับเทคโนโลยี HYBRID+ ด้วย 8 โหมดขับเคลื่อนในทุกช่วงความเร็ว
– หนึ่งเดียวในคลาส B-Segment ที่มีแบตเตอรี่ความจุมากที่สุด เครื่องยนต์ และมอเตอร์แรงที่สุด พื้นที่ห้องโดยสารกว้างสุด
– ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8 วินาที
มิติตัวถัง ALL NEW MG3 HYBRID+
– ยาว 4,113 มม.
– กว้าง 1,797 มม.
– สูง 1,502 มม.
– ระยะฐานล้อ wheelbase 2,570 มม.
– ระยะต่ำสุดถึงพื้น 117 มม.
– ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขนาด 293 ลิตร (พับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร)
– MG3 Hybrid+ D 559,900.
– MG3 Hybrid+ X 599,900.
*ราคาพิเศษสำหรับ 1000 คันแรกเท่านั้น
มิติตัวรถ
– ความยาว 4,113 มม.
– ความกว้าง 1,797 มม.
– ความสูง 1,502 มม.
– ระยะช่วงล้อ 2,570 มม.
– ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มม.
– ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร
เครื่องยนต์
– แบบ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DVVT
– ปริมาตรกระบอกสูบ 1,498 ซีซี.
– กำลังสูงสุด 102 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที
– แรงบิดสูงสุด 128 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที
มอเตอร์ไฟฟ้า
– กำลังสูงสุด 136 แรงม้า PS
– แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร
เครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า
– กำลังรวมสูงสุด 194 แรงม้า PS
แบตเตอรี่
– ชนิด Lithium-ion
– ความจุแบตเตอรี่ 1.83 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง
– ระบบเกียร์ E-AT
– อัตราทดเกียร์ 1.598 / 1.0 / 0.697
– อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 7.917
– อัตราทดเฟืองท้าย 3.7502
เทคโนโลยีการขับขี่
– โหมดการขับขี่ Eco / Normal / Sport
– โหมดรีไซเคิลพลังงาน (KERS)
ระบบพวงมาลัย
– ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
– รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.25
– โหมดการปรับน้ำหนักของพวงมาลัย (ในเมือง / มาตรฐาน / สปอร์ต)
ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
– ด้านหลัง ทอร์ชันบีม
ระบบเบรก
– ด้านหน้า ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน
– ด้านหลัง ดิสก์เบรก
ขนาดล้อ และยาง
– ล้ออัลลอย 16 นิ้ว
– ยาง 195/55 R16
ภายนอก
– ไฟหน้าแบบ LED
– ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
– กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
– ไฟตัดหมอกหลัง
– ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่สาม
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้า แบบตั้งเวลาหน่วง
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
ภายใน และความสะดวกสบาย
– วัสดุหุ้มเบาะ ภายในสีดำ หนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยผ้า
– เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้า 4 ทิศทาง
– ที่พักแขนด้านหน้า
– เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40
– หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digtal Multi-Function Display)
– กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down ด้านผู้ขับขี่
– ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมกรองอากาศ PM 2.5
– ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
– ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อม Push Start
ระบบเครื่องเสียง
– พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
– จำนวนลำโพง 6 ตำแหน่ง
– หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว
– ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย
ระบบความปลอดภัย
– ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบ Auto Vehicle Hold
– ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
– ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
– ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
– ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
– ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
– ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
– ไฟส่องสว่างนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
– จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
– ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง
– ม่านถุงลมนิรภัย
– กล้องมองภาพด้านหลัง
– สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
ภายนอก
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้า แบบอัตโนมัติ
ภายใน และความสะดวกสบาย
– วัสดุหุ้มเบาะ ภายใน 2-Tone สีขาว-ดำ หนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยผ้า
– พวงมาลัยหุ้มหนัง
– อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
ระบบเครื่องเสียง (เหมือนกับรุ่น D)
ระบบความปลอดภัย
– ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
– ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
– ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลน (LKA / LDP / LDW)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
– กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
ในส่วนของการออกแบบ ยังคงสไตล์ความคล่องตัวปราดเปรียวในแบบฉบับของรถแฮทช์แบ็ก
โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นรถที่มีความกว้างมากที่สุดในคลาส ด้วยขนาดความกว้างกว่า 1,797 มิลลิเมตร
ดีไซน์ไฟหน้า LED แบบใหม่ Hunter Eye Headlamp ดวงตานักล่า ที่ดูคมชัด และโฉบเฉี่ยว พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่
ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบ รอบตัวถังเน้นความโค้งมน
– ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับ วัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ
เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ เน้นความสะดวกในการใช้สอย สำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร
ทั้งเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน โดยเฉพาะการออกแบบห้องโดยสารที่โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room)
– พลัสอิสระให้การใช้งาน และประสบการณ์ภายในรถให้ดียิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชันเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมชาร์จอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานได้เสมอกับ Wireless Charger
พลัสความจุด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ขนาดใหญ่ถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร พร้อมช่องเก็บของกว่า 25 ช่องรอบคัน สามารถจัดสรรของใช้ส่วนตัวให้เข้าถึงง่าย และเป็นระเบียบ
รวมถึง ดีไซน์ช่องแอร์ด้านหลัง และช่องเสียบ USB Type-A มอบอิสระแก่ผู้โดยสารตอนหลัง ให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
– เครื่องยนต์ แบบ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DVVT 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 128 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร โดยมีขุมพลังรวมเต็มระบบ 194 แรงม้า จับคู่เกียร์ E-AT และชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 1.83 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
– DRIVING SYSTEMS : ระบบการขับเคลื่อน 4 รูปแบบที่พลัสมาอย่างครอบคลุม สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยอัตโนมัติเพื่อความประหยัดน้ำมัน ตลอดการขับขี่ และได้สมรรถนะสูงสุดให้ตอบสนองได้ดีเหมือนรถไฟฟ้า โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ อีกทั้งเครื่องยนต์ยังสามารถ เติมน้ำมัน E20 และมาพร้อมเกียร์ไฟฟ้า E-AT 3 สปีดอีกด้วย
– EV Mode : ช่วงความเร็ว 0 – 30 กม./ชม. ขณะขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรแออัด ขณะออกตัว และใช้ความเร็วต่ำ รถยนต์จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ส่งเข้ามอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง ทำให้การออกตัวตอบสนองได้ฉับไวเหมือนรถ EV
– Series Mode : ช่วงความเร็ว 30 – 80 กม./ชม. ขับขี่ในเมืองคล่องตัว และในสถานการณ์ที่ใช้ความเร็วได้ เช่น บนทางด่วนยกระดับ รถยนต์จะขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์สันดาป ทำงานผสานกับเจนเนอเรเตอร์ เพื่อจ่ายกระแสไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองได้ดี ให้ฟีลการขับขี่สนุกกว่า เร่งเร็วดั่งใจ
– Parallel Mode : ช่วงความเร็ว 80 – 120 กม./ชม. เร่งสปีดทันใจในช่วงทำความเร็ว ด้วยการทำงาน ของทั้งเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานสองระบบพร้อมกัน และสามารถชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ไปพร้อมกัน เร่งแซงได้ดั่งใจ และขับสนุกต่อเนื่อง
– Engine Mode : ช่วงความเร็วมากกว่า 120 กม./ชม. เข้าช่วงไฮสปีดสมรรถนะจัดเต็ม ด้วยการทำงานเต็มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาป และเกียร์ 3 สปีด ทำความเร็วคงที่ต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องลากรอบของเครื่องยนต์
– แบตเตอรี่ใหญ่จุใจ จ่ายไฟได้ซิ่ง : แบตเตอรี่ความจุสูง 1.83 kWh สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ฟีลการขับขี่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าที่ห้องโดยสารเงียบ และรถตอบสนองได้ฉับไว แบตเตอรี่มาพร้อมการรับประกันถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย
– ประหยัดดีต่อใจ เต็มประสิทธิภาพ : อัตราประหยัดน้ำมันเต็มประสิทธิภาพที่ 26.2 กม./ลิตร ด้วยระบบการขับเคลื่อนที่ครอบคลุมของเทคโนโลยี HYBRID+ ช่วยให้ใช้น้ำมันได้มีประสิทธิภาพสูงสุด และมอบสมรรถนะ ได้เต็มเปี่ยม มาพร้อมระบบ KERS MODE ที่พลัสความประหยัดขึ้นไปอีกขั้น โดยสามารถตั้งระดับการเปลี่ยนพลังงาน กลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะชะลอรถ ได้ถึง 3 ระดับ (มาก ปานกลาง และน้อย)
– ขับสนุกได้ใจ เต็มสมรรถนะ : ระบบการขับเคลื่อนที่ครอบคลุมของเทคโนโลยี HYBRID+ มีความสามารถในการทำงานร่วมกันของทั้งเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถ จึงมอบประสิทธิภาพ และสมรรถนะสูงสุดให้ขับได้สนุกกว่าในทุกช่วงความเร็ว รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่า และเกียร์ไฟฟ้า E-AT 3 สปีดที่ช่วยเติมเต็มสมรรถนะขึ้นไปอีกขั้น
– ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบ Auto Vehicle Hold
– ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
– ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
– ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
– ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
– ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
– ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
– ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
– ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
– ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลน (LKA / LDP / LDW)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
– ไฟส่องสว่างนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
– จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
– ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง
– ม่านถุงลมนิรภัย
– กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
– สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
MG 3 HYBRID+ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงิน (ST.Moritz Blue) 2.สีเหลือง (Pastel Yellow) 3.สีแดง (Scarlet Red) 4.สีขาว (Arctic White) 5.สีเทา (Metal Ash Grey) 6.สีดำ (Black Knight)
MG 3 HYBRID+ สีน้ำเงิน (ST.Moritz Blue) *เฉพาะรุ่น X
MG 3 HYBRID+ สีเหลือง (Pastel Yellow) *เฉพาะรุ่น X
MG 3 HYBRID+ สีแดง (Scarlet Red)
MG 3 HYBRID+ สีขาว (Arctic White)
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ใหม่ All New MG3 HYBRID+ 2024-2025 ราคา เอ็มจี 3 ไฮบริด+ ตารางผ่อน-ดาวน์ "