Honda และ Nissan เปิดโต๊ะคุยควบรวมกิจการ ตั้งเป้าเป็นค่ายรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกในปี 2026!

Honda และ Nissan เปิดโต๊ะคุยควบรวมกิจการ ตั้งเป้าเป็นค่ายรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกในปี 2026!

ข่าวใหญ่ในวงการยานยนต์! Honda และ Nissan ยืนยันแล้วว่าจะเริ่มการหารือเรื่องควบรวมกิจการในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดย Mitsubishi ซึ่งอยู่ในพันธมิตรกับ Nissan อยู่แล้ว จะเข้าร่วมการพูดคุยครั้งนี้ด้วย

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน การควบรวมจะเสร็จสิ้นภายในปี 2026 และส่งผลให้กลายเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจาก Toyota และ VW Group ด้วยมูลค่ารวมกว่า 50 พันล้านดอลลาร์

เหตุผลของการควบรวมครั้งนี้

ทั้งสามบริษัทออกแถลงการณ์ร่วมว่า การควบรวมมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้น

Nissan ที่เผชิญปัญหาลดงานกว่า 9,000 ตำแหน่ง และลดกำลังการผลิตลง 20% ก่อนหน้านี้ มองว่าการร่วมมือกับ Honda จะช่วยพลิกสถานการณ์ และข่าวนี้ทำให้หุ้นของ Nissan พุ่งขึ้นกว่า 20% ทันที

แผนการดำเนินงานและเป้าหมาย

เริ่มต้นด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU)

• Honda และ Nissan จะตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อศึกษารายละเอียด โดย Mitsubishi จะตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมอย่างเต็มตัวหรือไม่ภายในเดือนมกราคม 2025

สรุปข้อตกลงขั้นสุดท้ายในเดือนมิถุนายน 2025

• หากทุกฝ่ายเห็นชอบ บริษัทใหม่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวภายในเดือนสิงหาคม 2026

การบริหารและการพัฒนาในอนาคต

• บริษัทใหม่จะรักษาแบรนด์ Honda, Nissan และ Mitsubishi แยกกัน แต่จะร่วมมือในด้านการพัฒนา แพลตฟอร์ม, ระบบส่งกำลัง (Powertrains) และเทคโนโลยี EV
• ลดต้นทุนด้วยการใช้ สถาปัตยกรรมร่วม (Common Architectures) สำหรับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป, ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด และไฟฟ้า
• ร่วมมือในด้าน R&D และการผลิต พร้อมรวมเครือข่ายซัพพลายเชน

การควบรวมครั้งนี้จะเปรียบเสมือน VW Group หรือ Stellantis ของญี่ปุ่น และจะมีความใกล้ชิดกว่าการร่วมมือระหว่าง Toyota, Subaru, Mazda และ Suzuki

คำกล่าวจาก CEO ทั้งสามบริษัท

• Makoto Uchida (Nissan): “วันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หากเราควบรวมสำเร็จ ผมเชื่อว่าเราจะสร้างคุณค่าใหม่ที่ไม่มีบริษัทไหนทำได้เพียงลำพัง”
• Toshihiro Mibe (Honda): “Honda และ Nissan มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน เราเพิ่งเริ่มต้น แต่เป้าหมายของเราคือการเป็นบริษัทผู้นำที่สร้างมูลค่าใหม่ด้านการขนส่ง”
• Takao Kato (Mitsubishi): “การพูดคุยนี้จะเร่งสร้างผลลัพธ์ร่วมกันที่ยิ่งใหญ่ และเพิ่มมูลค่าให้กับพันธมิตรของ Mitsubishi”

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

หากการควบรวมสำเร็จ บริษัทใหม่นี้จะมีการผลิตรถยนต์ราว 8 ล้านคันต่อปี กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดโลกที่พร้อมลุยทั้งด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน

สุดท้ายนี้ ถ้าหากทางทีมงานทราบข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติม จะนำมารายงานให้เพื่อน ๆ ทราบอีกครั้งนะครับ