รีวิว ISUZU MU-X ยนตรกรรมอเนกประสงค์ เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ
Isuzu MU-X รถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู รุ่นเรือธงจากอีซูซุ โดยมิว-เอ็กซ์ เป็นรุ่นต่อยอดความสำเร็จมาจากมิว-เซเว่นนั่นเอง ใช้พื้นฐานตัวรถพัฒนามาจาก Isuzu D-MAX Super Daylight ปรับโฉมให้กลายเป็นรถ SUV ระดับหรู ที่สวยงามลงตัว สง่าโดดเด่น น่าใช้งาน และยังคงเอกลักษณ์ในด้านการประหยัดน้ำมัน พร้อมบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ที่เป็นจุดแข็งของ Isuzu มายาวนาน
Concept ของ Isuzu MU-X คือ เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ หรือ Privilege of the Leader เริ่มแรกมายลโฉมรอบคันกันก่อนที่จะทดสอบการขับขี่บนสภาพการจราจรจริงไปยังจังหวัดใกล้เคียง ก็คือ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ทีมงาน 9CarThai ได้ยลโฉมกับดีไซน์รอบคัน ที่มีความสวยงามน่าตื่นเต้น ฉีกแนวจากรุ่นเดิมๆ ของ Isuzu ถือว่ามีพัฒนาการด้านการออกแบบที่ดูทันสมัยมากขึ้น
มาดูดีไซน์ภายนอกรอบคันของ Isuzu MU-X กันก่อน
กันชนหน้า สไตล์พร้อมลุย
Roof Rail บนหลังคา ไม่ยกลอยสูงจนเกินไป ยึดสัมภาระได้เยอะเหมือนเดิม
ล้อขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์เรียบๆ ตามสไตล์ของอีซูซุ ไม่ได้หวือหวาแบบสปอร์ต
สวยงามลงตัวในสไตล์ SUV
แถบโครเมียมขนาดใหญ่ เพิ่มความหรูหรา แนวโค้งตอบรับกับไฟท้ายทั้งสองข้าง
ไฟท้ายดีไซน์สวยงามสลัดคราบรถกระบะหมดสิ้น ใช้หลอดไฟทั้งหมด ไม่มีส่วนใดที่เป็น LED ยกเว้นไฟเบรคดวงที่ 3
กันชนหลัง ดีไซน์สวยงาม ลงตัวกับมุมของไฟท้าย
ขนาดของประตูใหญ่กำลังดี เข้าออกได้สะดวก น้ำหนักเบา เปิดง่าย
มือจับประตูแบบโครเมียม
ไฟเลี้ยวขนาดใหญ่อยู่เหนือไฟหน้าทั้งสองดวง
ไฟหน้าดวงด้านนอกเป็นแบบ Projector ดวงด้านในข้างที่ใกล้กับกระจังหน้ารถ เป็นหลอดฮาโลเจนปกติ
กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ที่ Isuzu อ้างว่าทั้งสปอร์ตและหรูหรา
พื้นที่โครเมียมกระจังหน้า ถือว่าเยอะมาก มากเกินไปจนอาจดูไม่ค่อยแกร่งและดูมีอายุไปบ้าง
ไฟตัดหมอกและไฟ Daylight ที่ Isuzu ภูมิใจอย่างมาก (ชื่ออย่างเป็นทางการสากลคือ Daytime running light)
ลายเส้นของโคมไฟหน้า ลงตัวไปกับแนวของกระจังหน้า
เมื่อสตาร์ตรถ ไฟ Daylight
จะทำงานทันที สีขาวสว่างสวยงาม
ไฟ Daylight สร้างความโดดเด่นบนถนนในเวลากลางวัน เป็นความเท่ที่คนไทยชื่นชอบกัน
ไฟ Daylight จะดับลง เมื่อเราเปิดไฟหน้ารถเพื่อขับในเวลากลางคืน ไม่ติดพร้อมกัน เพราะเป็นแสงไฟคนละสี
ยาง Bridgestone แถมมากับตัวรถ
บันได ช่วยให้ขึ้นรถได้อย่างสะดวก พร้อมมือจับภายในรถทุกประตู
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED แวววาวด้วยโครเมียม
มือจับประตูที่ด้านคนขับ
กระจกมองข้างขนาดใหญ่ ให้มุมมองที่กว้างมาก เพิ่มความปลอดภัย ลดมุมอับ
เป็นครั้งแรกที่ Isuzu ทำไฟท้ายทรงนี้ สวยงามและขนาดใหญ่กำลังดี ดีกว่าไฟท้ายรุ่นเก่า MU-7 อย่างมาก
ไฟกันชนท้าย และยางอะไหล่
เบาะที่นั่ง 2 ตอนหลัง สามารถพับได้อย่างในภาพ
ถาดวางของท้ายรถและกล่องเครื่องมือสำหรับเปลี่ยนยางในภาวะฉุกเฉิน
พับเบาะกลับมาก็ไม่ยาก ไม่ได้ใช้แรงเยอะ ผู้หญิงก็ทำได้สบายๆ
มือจับด้านในของประตูท้าย
ประตูท้าย น้ำหนักเบา เปิดได้สูง
หูดึงพับเบาะ สะดวกและช่วยผ่อนแรง
ใช้สายยึดสัมภาระได้จากเหล็กที่หลังเบาะ
เสาอากาศแบบครีบปลาฉลาม
ไฟเบรคดวงที่ 3 พร้อมสติ๊กเกอร์ ESC ที่โปรโมตว่าเป็นระบบช่วยควบคุมการทรงตัว
โลโก้ Isuzu ขนาดดูดีเหมาะสม บางยี่ห้อทำมาใหญ่เกินไป
กล้องจับภาพในขณะถอยหลังเข้าจอด
โลโก้ MU-X เน้นตัว X หมายถึง Cross
ประตูฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า วัสดุส่วนที่เป็นลายไม้ ทำได้สวยงามน่าประทับใจ
ช่องเก็บของด้านหน้า เยอะจุใจ
มีรีโมตคอนโทรลไร้สายควบคุมจอภาพในรถ และสายต่อ AV จากเครื่องเล่นพกพาภายนอก
ช่องใส่แก้วน้ำและเก็บของชิ้นเล็กๆ ได้
มุมของเบาะ มีกลไกช่วยผ่อนแรงในขณะพับเบาะขึ้น
ที่นั่งตอนหลังสุด เหมาะสำหรับเด็ก
ปรับตำแหน่งที่พิงศีรษะได้สูง
พอนั่งได้ แต่ Leg room น้อย จึงเหมาะสำหรับเด็กมากกว่า
มีที่วางแขนอย่างหนา หรือพับเก็บก็เป็นที่นั่งสบายๆ ไม่ดันหลังจนเกินไป ที่นั่งแถวกลาง จึงนั่งได้ 3 คนพอดี
เบาะไม่สั้นอย่างที่คิด นั่งได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร Leg room กว้าง ไม่อึดอัด
ซ่อนที่วางแก้วน้ำหรือขวดน้ำไว้ เปิดออกมาเมื่อต้องการใช้งาน จึงไม่เกะกะเท้า
มีลำโพงและช่องเก็บของที่ประตูผู้โดยสาร
ประตูคนขับ แผงปุ่มลาดเอียงเหมือนรถกระบะ Isuzu
ถ้าชินกับรถเก๋งมาก่อน อาจจะรู้สึกแปลกที่ปุ่มลาดเอียง
ที่วางแขน ปิดข้างด้วยหนังเทียม ระวังเลอะ
ที่นั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า ความลาดเอียงของเบาะ ถือว่ากำลังดี ไม่เมื่อยแม้ขับรถทางไกลเป็นเวลานาน
เนื้องานของเบาะที่นั่ง ถือว่าใช้ได้ ไม่ได้หรูหราแบบรถเก๋งในระดับราคาเดียวกัน แต่ก็เรียบๆ ทำความสะอาดง่าย
พวงมาลัยเหมือนรถกระบะ
บิดสตาร์ต และปุ่มมาตรฐานทั่วไป
ปุ่มสำคัญที่ต้องใช้สั่งการเมนูบนจอภาพทั้งหมด ใช้เพียงปุ่มเดียว
มาตรวัด
ปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและนำทางที่พวงมาลัย
จอนี้จะแสดงผลทุกอย่างที่สำคัญ เหมือนเป็นศูนย์กลาง
ช่องเก็บของ
ที่วางเครื่องดื่ม ถูกใจคนขับที่ชอบดื่มเย็นๆ ในขณะเดินทางไกล
กระจกมองหลัง
ไฟส่องแผนที่และช่องเก็บแว่นตา
ที่บังแดด
มีกระจกส่องหน้าเฉพาะผู้โดยสาร เพราะส่วนใหญ่คนขับจะไม่ค่อนส่องกระจกอยู่แล้ว
เกียร์มีลายไม้ ในตำแหน่ง D สามารถเพิ่มหรือลดอัตราทดเกียร์ได้อิสระ หากระบบเกียร์อัตโนมัติยังแรงสะใจไม่พอ
วัสดุของพวงมาลัยและโดยรวมใช้ชิ้นส่วนเดียวกับรถกระบะ
ช่องเก็บของและที่วางแขน เสียดายที่ลื่นมากและสั้นไปหน่อย จึงวางแขนไม่ได้เลย
มือจับทั้งด้านบนและด้านข้าง สำหรับขึ้นและลงจากรถได้สะดวก
ช่องแอร์ ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร และจอภาพสำหรับการเล่นภาพยนตร์จากแผ่นเท่านั้น
พับเก็บเมื่อไม่ได้ใช้งาน ไม่เกะกะหลังคา
ตะขอแขวนถุงขนม
ภายในไม่ค่อยแตกต่างจาก Isuzu D-MAX เพราะใช้พื้นฐานและชิ้นส่วนรถเหมือนกัน
ช่องแอร์ มีไปถึงด้านหลัง ครบทุกตำแหน่งที่นั่ง
ที่วางแขน ไม่เหมาะกับการให้เด็กเล็กมานั่ง อาจจะหักได้
ช่องเก็บของ
ขุมพลังจากเทคโนโลยี Isuzu Insight ล่าสุด
Isuzu Ddi Super Commonrial มาตรฐานยูโร 4 พร้อม VGS Turbo มีให้เลือกทั้ง 2.5 และ 3.0 ลิตร
177 และ 136 แรงม้าสำหรับเครื่องยนต์ 3.0 และ 2.5 ลิตรตามลำดับ
ที่ฝากระโปรง เปิดออกมาก็จะพบกับคำเตือนและคำแนะนำในการบำรุงรักษา
ติดสติ๊กเกอร์อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้สายตา เห็นได้ชัดเจน
เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ
ฝาถังน้ำมัน
หน้าจอ LCD ที่มาตรวัด แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์
บอกข้อมูลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
คำนวณระยะทางที่สามารถขับต่อไปได้ก่อนน้ำมันจะหมดถัง
เก็บข้อมูลระยะทางและความเร็วที่ขับ
เลือกเมนูได้จากปุ่มใกล้พวงมาลัย
ประวัติการเข้าบำรุงรักษา
ต่อมา มาดูที่จอภาพของระบบเครื่องเสียงและระบบนำทางกันบ้าง
ใช้งานง่ายด้วยเมนูภาษาไทยและระบบสัมผัส
ปุ่มขนาดใหญ่ อ่านง่าย กดไม่พลาด
รองรับความบันเทิงครบครัน และรองรับสัญญาณ Aux จากภายนอกด้วย โดยใช้สาย AV ที่มีมาให้ พร้อมรีโมตคอนโทรล
แสดงสถิติการขับขี่ว่าประหยัดน้ำมันแค่ไหน
ลูกเล่นเยอะ รองรับไฟล์เสียงและวิดีโอสมัยใหม่ด้วย
Bluetooth Pair กับโทรศัพท์มือถือ เพื่อง่ายต่อการใช้ฟังก์ชั่นการโทร
เมนูของระบบ GPS ช่วยนำทาง
โปรแกรมประเภท Utility ก็มีในระบบ และมีประโยชน์
GPS ทำงานได้รวดเร็วพอสมควร แม่นยำดี
ระบุตำแหน่งได้ถูกต้อง พร้อมข้อมูลปั้มน้ำมัน / ศูนย์บริการใกล้เคียง
ค้นหาอะไรก็ทำได้ง่าย
แนะนำเส้นทาง ตามเส้นสีส้ม
รายงานสภาพการจราจรข้างหน้า
ศูนย์บริการใกล้เคียง
ค้นหาปั้มน้ำมัน / ที่จอดรถ /
ร้านอาหาร / ที่พัก
ทดลองค้นหาร้านอาหาร
ทดลองค้นหาที่พัก
ทดลองค้นหาปั้มน้ำมัน
แก้ไขเส้นทางได้ โดยเสียงบอกระบบนำทาง เป็นเสียงผู้หญิงที่ค่อนข้างดุ
เครื่องปรับอากาศใช้งานง่าย ไฟเรืองแสงสีแดง
กุญแจรีโมต ทันสมัย ดีไซน์เข้ากันกับตัวรถ
ทีมงานทดสอบขับบนถนนเพชรเกษม พุทธสาคร ไปยังพุทธมณฑล ด้วยความเร็ว 50-130 กม./ชม. ตามสภาพการจราจรในช่วงเย็นของวันหยุดสุดสัปดาห์ มีผลสรุปดังนี้
– คู่แข่งที่สำคัญของ Isuzu MU-X และถือเป็นฝาแฝดที่ใช้ชิ้นส่วนโครงสร้างหลักร่วมกันในการผลิตก็คือ Chevrolet Trailblazer จึงมีความคล้ายกันในบางส่วนทั้งภายนอกและภายใน เมื่อเปรียบเทียบแล้ว Trailblazer มีดีไซน์ภายนอกที่สวยล้ำอนาคตมากกว่า MU-X อย่างมาก ไฟท้าย LED ด้านหน้าและด้านหลังดูเป็นรถ SUV อนาคต ภายในเน้นไฟเรืองแสงสีฟ้า แต่เสียเปรียบ MU-X ในเรื่องของศูนย์บริการและการบริการ ที่ยังไม่ดีเท่า Isuzu ในเรื่องการบริการหลังการขายและประหยัดน้ำมัน เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ Isuzu ครองแชมป์ในไทย และครองใจลูกค้ามายาวนาน ยังไม่มีรายใดทำให้ลูกค้าพึงพอใจในบริการได้เทียบเท่า Isuzu
– Toyota Fortuner ก็ถือเป็นคู่แข่งอีกรายหนึ่งที่ใกล้หมดอายุในตลาดเต็มที ขายมายาวนาน ผ่านการไมเนอร์เชนจ์มาหลายครั้ง ทำยอดขายได้ดี แต่หลายคนเบื่อกับดีไซน์ที่เก่าและไร้เสน่ห์ ดูมุมไหนก็ไม่สวยแล้ว ต้องอาศัยชุดแต่งมาช่วยให้ดูดีขึ้นบ้าง Fortuner ขายมานานและมีข้อบกพร่องค่อนข้างมาก ลองสอบถามผู้ใช้ดูหลายๆท่าน เพื่อเอามาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ ในปัจจุบัน โดยรวมถือว่า MU-X เหนือกว่าและน่าสนใจกว่า Fortuner แล้ว แต่ความหรูหราและเบาะที่นั่งสบายกว่าของ Fortuner ก็ยังทำให้บางคนลังเลได้เหมือนกัน
– Mitsubishi Pajero Sport เป็น SUV อีกคันที่มีกระแสดีใช้ได้ในตลาด ดีไซน์ที่ดูปราดเปรียวและทรงยาวกว่า ดูสอดคล้องกับหลัก Aerodynamic มากกว่า ก็ทำให้ดึงความสนใจจาก Fortuner ไปได้ค่อนข้างมาก ยอดขายไปได้ดี เห็นรถรุ่นนี้ป้ายแดงวิ่งบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ศูนย์บริการมีน้อยและหายาก ดูเหมือนว่า Chevrolet จะพัฒนาเรื่องปริมาณศูนย์บริการแซงหน้า Mitsubishi ไปแล้วด้วยซ้ำ เราจึงไม่ค่อยเห็นศูนย์บริการและโชว์รูมใหม่ๆ แม้ว่าศูนย์บริการน้อยกว่า แต่ช่างฝีมือดี เก่งๆ ไว้ใจได้ มากประสบการณ์ ก็มีเยอะ
นอกจากนี้ก็ยังมีคู่แข่งอีกหลายรุ่น ที่สร้างขึ้นมาให้เป็น SUV หรือ MPV ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่นำโครงสร้างของรถกระบะมาดัดแปลงให้เป็น SUV 7 ที่นั่งอย่างที่ Isuzu สร้าง MU-X ขึ้นมา ก็ถูกนำมาเปรียบเทียบเป็นตัวเลือก เช่น Honda CR-V ที่อาจจะไมเนอร์เชนจ์ในปีนี้, Nissan X-Trail 2014 ที่จะเปิดตัวปลายปีนี้, Mazda CX-5 ที่สวยล้ำจนหลายคนฝันอยากเป็นเจ้าของ, Honda Freed, Nissan Livina, Chevrolet Spin/Captiva รถ MPV 7 ที่นั่งขนาดเล็ก เป็นต้น ซึ่งรถยนต์ในกลุ่มนี้ใช้น้ำมันเบนซินและส่วนใหญ่เป็นรุ่นที่ไม่เน้นขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจไม่เหมาะกับสภาพถนนที่ต้องลุย แต่ได้เปรียบในเรื่องความนุ่มสบายของภายในห้องโดยสาร ก็ต้องพิจารณากันให้ดีถึงความแตกต่างและจุดเด่นจุดด้อย ว่ารุ่นใดที่ตอบโจทย์กับ Lifestyle ของการใช้ชีวิตได้มากกว่า
วรพล ลิ่มศิริวงศ์ ผู้เขียน
ดูรายละเอียดสเปคแต่ละรุ่นเพิ่มเติมได้ที่ ISUZU MU-X
ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE + SHARE ให้ทีมงานหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ได้ประโยชน์มากครับ