รีวิว Suzuki Celerio อีโคคาร์น้องใหม่ของวงการ กว้างสบาย แรงเกินคาด
เผยโฉมเรียกน้ำย่อยกันไปแล้วสำหรับ ซูซูกิ เซเลริโอ คอมแพคคาร์ขนาดเล็กที่นำมาโชว์ในผู้คนได้สัมผัสรถจริงในงานมอเตอร์โชว์ ช่วงซัมเมอร์ปี 2557 ที่ผ่านมา หลายคนได้ทดลองนั่งกันแล้วก็รู้สึกชื่นชอบ ซึ่งแต่ละรุ่นมีราคาดังนี้
Suzuki Celerio 1.0 GA MT 359,000.
Suzuki Celerio 1.0 GL CVT 439,000.
Suzuki Celerio 1.0 GlX CVT 488,000.
ดีไซน์ของ Suzuki Celerio ถือว่าสวยงาม ต่างจากคู่แข่งที่ตั้งใจออกแบบรถยนต์ให้ดูไม่สวย เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อรุ่นที่แพงกว่า เพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากกว่า แล้วลูกค้าได้อะไร?
“ราคา 4 แสนกว่า ก็เอาไปแค่นี้ ไม่ต้องสวย เอาแค่พอวิ่งได้” คำพูดแบบนี้ที่เคยได้ยิน ใช้ไม่ได้กับ Suzuki Celerio เพราะรุ่นนี้จัดเต็ม คุ้มค่ากว่าที่คาดคิด สามารถพับเบาะที่นั่งเพื่อใส่สัมภาระขนาดใหญ่ได้สบาย รับรองว่าบทความรีวิวฉบับนี้ จะทำให้คุณรู้จักและรัก Celerio มากขึ้นเรื่อยๆ อย่าเพิ่งดูถูกรถยนต์รุ่นนี้เพียงเพราะระดับราคาที่ต่ำสุดในตลาด ต่ำกว่า Eco Car ทั่วไปที่วิ่งเกลื่อนเมือง ซึ่งราคาขายไม่ได้ Eco สักเท่าไรนัก
ก่อนถึงวันงานเปิดตัว Suzuki Celerio หนึ่งสัปดาห์ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนกว่า 80 คนร่วมทดสอบสมรรถนะและคุณภาพของ Celerio ที่เชียงใหม่ จัดรถให้ทดสอบ 11 คันแบบคละรุ่น
ดูเหมือนว่า Suzuki จะเน้น Celerio สีเหลืองให้โดดเด่นมากกว่าสีอื่น สังเกตได้ตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมาแล้ว ต้องรอดูว่าจะใช้เป็นธีมสีเหลืองในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ออกไปหรือไม่ จากในภาพเป็น Celerio GLX รุ่นท็อปสุด ที่กระจังหน้ามีแถบโครเมียม 2 เส้น พาดในแนวเดียวกับโลโก้ Suzuki และให้สังเกตว่าได้ติดตั้งสเกิร์ตรอบคันมาให้จากโรงงาน เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ทำให้รถดูสปอร์ตสวยงาม ไม่ได้เสริมแต่งอะไรอีกแล้ว
ด้านท้ายก็ดูสวยงามสไตล์รถ Sport Hatchback 5 ประตูขนาดเล็ก มีสปอยเลอร์ สเกิร์ต ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง และมือจับฝาท้ายสีเดียวกับตัวรถ เห็นแค่นี้หลายคนก็เริ่มหลงรัก Celerio กันแล้ว
Celerio มีให้เลือกมากกว่าใคร ถึง 8 สีด้วยกัน และ 3 เกรดคือ GLX เป็นรุ่นท็อปสุด ถัดลงมาเป็น GL ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT เหมือน GLX แต่อุปกรณ์บางอย่างถูกตัดออกไป ส่วนรุ่นระดับล่างสุด คือ GL เป็นเกียร์ธรรมดา
สีฟ้า เป็นอีกสีที่ดูสวยงาม
Celerio GLX มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้วสไตล์สปอร์ต และยาง Bridgestone Ecopia 165/65 R14 เป็นยางที่ประหยัดน้ำมันและมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้ดี แม้ว่าหน้ายางจะแคบไปหน่อย แต่ก็อาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน สามารถใช้งานจนเสื่อมสภาพของดอกยาง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นยางที่มีขนาดหน้ายางกว้างขึ้นก็ได้ เพื่อการเกาะถนนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ไฟท้ายขนาดกำลังดี ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เป็นหลอดไฟธรรมดาทุกดวง
รุ่น GLX มือจับประตู สีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่น GL และ GA ที่ต่ำกว่า เป็นมือจับประตูสีดำ
ฝาท้ายโค้งสวยงาม ปลอดภัยกว่าคู่แข่งบางรายที่ใช้ฝาท้ายเป็นกระจกชิ้นเดียวกับกระจกหลัง
สเกิร์ตหลัง ช่วยให้ท้ายรถดูสวยงามขึ้นอย่างมาก เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สำหรับในรุ่นที่ต่ำกว่า GLX ก็สามารถเพิ่มเงิน เพื่อติดตั้งชุดแต่งรอบคันได้ ถ้าไม่ติดตั้ง ก็จะดูไม่ค่อยสวยงามนัก
สปอยเลอร์หลังเหนือไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED ในรุ่น GLX
สีแดงเมทัลลิคของ Celerio เป็นสีที่สวยงามลงตัว เพราะไม่ใช่สีแดงสด หรือแดงเลือดนกที่ดูมืดเกินไป แต่จะสวยเงางามอย่างมากเมื่อขับหรือจอดกลางแดดจัด
เสาอากาศวิทยุบนหลังคา
Celerio เป็นรถขนาดเล็ก ที่มองดูแล้ว ใต้ท้องรถไม่ลอยสูงจากพื้นถนนมากเกินไปอย่างรถยนต์ราคาถูกคันอื่น
โคมไฟหน้าใช้หลอดไฟฮาโลเจน
กันชนหน้ามีช่องสำหรับติดตั้งไฟตัดหมอกเพิ่มเติมเป็นออพชั่นได้ภายหลัง ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐาน
โครเมียม 2 เส้นบนกระจังหน้ารถ ดูหรูหราถูกใจคนไทย
ดีไซน์ด้านหน้า สวยทั้ง 3 สีในทุกมุมมอง แต่น่าแปลกว่าทำไมไม่มีสีเขียวอย่าง Swift ให้เลือกบ้าง
ถัดมาคันที่ 4 เป็นสีชมพูราสเบอร์รี่ ที่ดูคล้ายเป็นชมพูอมม่วงอ่อนๆ ดูสวยงามดี สำหรับคนที่ไม่ชอบสีสดใส
มาถึงคันที่ 5 กับสีขาวยอดนิยมที่ชาวไทยชื่นชอบกันทั่วประเทศ
เก็บมาให้ดูกันทั่วทุกมุมขนาดนี้สำหรับ Celerio 5 สีแรกที่เป็นรุ่น GLX ตัวท็อป ต่อมามาดูภายนอกของรุ่นที่ต่ำกว่ากันบ้าง
รถคันที่ 6 นี้ เป็น Celerio GL รุ่นระดับกลาง ใช้เกียร์ CVT โดยในส่วนของภายนอกนั้น มีจุดที่แตกต่างจากรุ่น GLX ก็คือ มือจับประตู-ฝาท้ายเป็นสีดำ ไม่มีชุดแต่งรอบคันทั้งสเกิร์ตและสปอยเลอร์ ล้อเหล็กสีดำพร้อมฝาครอบพลาสติก แต่ก็ยังมีที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังให้มาด้วย
ถัดมาเป็น Celerio GA รุ่นล่างสุด ราคาต่ำสุด แต่ก็ยังใช้ได้ดี
ล้อเหล็ก ไม่มีฝาครอบพลาสติก
ไม่มีที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง มือจับฝาท้ายสีดำ
ไม่มีสปอยเลอร์บนหลังคา
มือจับประตูสีดำเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากซื้อ Celerio GA ก็ควรจะซื้อสีดำ เพื่อความกลมกลืน
กระจกมองข้างไม่มีไฟเลี้ยว
มีไฟเลี้ยวที่ด้านข้างตัวรถ ใกล้ซุ้มล้อ เพื่อความปลอดภัย
Celerio มีความยาว 3,600 mm. ฐานล้อกว้าง 2,425 mm. ความกว้างฐานล้อหน้ามากกว่าล้อหลังเล็กน้อย เพื่อการทรงตัวที่ดี
เปรียบเทียบขนาด-น้ำหนัก ระหว่าง Swift กับ Celerio จะเห็นว่า Celerio มีความสูงมากกว่า ทำให้ห้องโดยสารโปร่งโล่ง ทัศนวิสัยดีกว่ารถยนต์ที่หลังคาต่ำ
เปรียบเทียบสเปคของ Celerio กับคู่แข่งทั้ง 4 รุ่น คือ Mirage, Brio, March และ Yaris จะเห็นว่า Celerio ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งเลย แม้ว่าคู่แข่งทั้ง 4 รายนั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร
ความจุของห้องเก็บสัมภาระท้ายรถของ Celerio GLX มากถึง 254 ลิตร ใกล้เคียงกับ Nissan March และมากกว่า Mitsubishi Mirage กับ Suzuki Swift ด้วยซ้ำไป ให้สังเกตว่า Celerio GL/GA จะพับเบาะหลังไม่ได้
ความแตกต่างของด้านหน้าและด้านหลัง Celerio GLX กับ GL / GA
สีที่มีให้เลือก 8 สี แต่สีเทายังไม่มีให้เห็นในวันที่สื่อมวลชนทดสอบขับ
Celerio GA ไม่มีกระจกไฟฟ้า ต้องใช้มือหมุน รวมทั้งกระจกมองข้าง ก็ต้องปรับหมุนด้วยคันโยก
หน้าปัดเรือนไมล์หรือมาตรวัดในรุ่น GL / GA จะไม่มีบอกความเร็วรอบเครื่องยนต์ ไม่มีจอภาพ LCD แสดงข้อมูล ส่วนวิทยุ CD / MP3 มีให้ในรุ่น GLX / GL
มาตรวัดความร้อน ก็ไม่มีในรุ่น GL / GA แต่มีไฟเตือนสีแดงเมื่อมีความร้อนสูงเกินไป
จอแสดงผลระดับน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ขีด = 10% เมื่อเหลือขีดสุดท้าย จะมีเสียงเตือนและไฟเตือน
กุญแจ Immobilizer มีให้เหมือนกันในทุกรุ่นย่อย ทั้ง GLX, GL และ GA
จอภาพแสดงข้อมูลได้หลายหน้า เลือกได้ตามความต้องการ เฉพาะในรุ่น GLX
กุญแจรีโมต สามารถตั้งค่าการกดให้มีความแตกต่างกันระหว่างการกด 1 ครั้งกับกด 2 ครั้ง ไฟเลี้ยวก็เช่นกัน กด 1 ครั้งเบาๆ ให้กะพริบ 3 ครั้งก็ได้ ไม่ต้องเปิดแล้วปิดด้วยตัวเอง
เครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว 998 cc มีขนาดกระบอกสูบโตเท่า Swift แต่ระยะชักยาวกว่า
เครื่องยนต์ของ Celerio ให้กำลัง 68 แรงม้าเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ของ Swift แต่บอกเลยว่า Celerio แรงเหลือเชื่อ ขับสนุกกว่ารถยนต์ยอดนิยมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรบางรุ่นด้วยซ้ำไป
เปิดเผยเสื้อสูบกันให้ดูเลย
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงทำด้วยพลาสติก ความจุ 35 ลิตร น้อยกว่า Swift ที่จุได้ 43 ลิตร
เกียร์อัตโนมัติ ที่คำนึงเรื่องความปลอดภัยดี ไม่สามารถเลื่อนไปบางตำแหน่งได้ถ้าไม่ได้กดปุ่ม
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ส่วนด้านหลังแบบ Torsion Beam พร้อมคอยล์สปริง
ความแตกต่างของล้อ ทั้ง 3 รุ่นย่อย
ยางอะไหล่ขนาดเล็กมาก พอใช้งานชั่วคราวได้
แม้จะเป็นรถยนต์ราคาถูก แต่ก็มีระบบเบรค ABS กระจายแรงเบรค EBD หน้าดิสก์เบรค / หลังดรัมเบรค
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Celerio อยู่ที่ประมาณ 24 กม./ลิตร เมื่อใช้งานนอกเมือง และ 17.2 กม./ลิตร เมื่อใช้งานในเมือง เป็นผลการทดสอบโดยเฉลี่ยของทีมวิศวกรซูซูกิ
เครื่องยนต์และห้องเครื่องที่ดูมีความเรียบร้อยดี
มาดูภายในรถกันบ้าง
เริ่มจากท้ายรถของ Suzuki Celerio GLX ที่สามารถพับเบาะหลังได้
มือจับปิดฝาท้าย
เปิดฝาท้ายได้กว้างและสูง เปิดง่าย น้ำหนักเบา
เสาอากาศบนหลังคา ดึงได้ หดเก็บได้
ประตูห้องโดยสารด้านหลัง มีที่ใส่ขวดน้ำ ผนังประตูเป็นพลาสติกธรรมดา
เข้าออกได้สะดวก เปิดประตูได้กว้างเป็นพิเศษ ลองให้ลองสังเกตมุมเมื่อเปิดประตูกว้างสุด เปิดได้มากกว่าคอมแพคคาร์ทั่วไป
เบาะสูงกำลังดี นั่งได้นาน ไม่ค่อยเมื่อยล้า
พื้นที่วางเท้า กว้างเพียงพอ ไม่ค่อยรู้สึกอึดอัด
เบาะไม่ได้สั้นเกินไป ยังนั่งได้พอดีกับสรีระคนไทยส่วนใหญ่
มีที่วางร่มหรือของใช้ ด้านหลังที่พิงศีรษะเบาะหลัง
ผนังประตูห้องโดยสารด้านหน้า มีตกแต่งด้วยผ้า ลวดลายเหมือนกับเบาะที่นั่ง
เข้าออกห้องโดยสารได้สะดวกเหมือนกัน ประตูเปิดได้กว้าง
คอนโซลหน้าของ Celerio GLX สวยงาม ทันสมัย
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ก็มีให้ในรุ่น GLX
เครื่องเสียง และเครื่องปรับอากาศ อยู่ในแผงควบคุมที่ดูดีสวยงาม
เบาะผ้า นั่งสบายพอสมควร นุ่มกำลังดี ปรับเอนได้เยอะ ความสูงและมุมลาดเท เหมาะสม
ที่พิงศีรษะ รวมเป็นชิ้นเดียวกับเบาะพิงหลัง เพื่อลดต้นทุน แต่ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งาน ไม่เมื่อยคอ
ผู้โดยสารนั่งได้สบาย ไม่อึดอัด พื้นที่วางเท้ามีมากพอ ระยะห่างจากหัวเข่ามีเหลือค่อนข้างมาก
ประตูในฝั่งคนขับ
เบาะคนขับ ปรับสูงต่ำไม่ได้ แต่ปรับระดับพวงมาลัยได้
กุญแจรีโมต
ไม่ว่าตัวรถจะเป็นสีอะไร เบาะผ้าก็จะเป็นลายจุดสีเหลือง-เทา
ที่พิงศีรษะ พิงได้จริง ไม่แข็ง
พวงมาลัยพาวเวอร์ ไม่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
ที่เปิดประตูฝั่งคนขับ
ปุ่มปรับกระจกมองข้างไฟฟ้า ใช้งานง่ายมาก
หน้าปัดเรือนไมล์ของ Celerio GLX มีบอกความเร็วรอบ และข้อมูลที่จำเป็น บนจอ LCD สีส้ม
สวิตช์ที่ปัดน้ำฝนและไฟเลี้ยว
เครื่องเสียง ไฟเรืองแสงสีส้ม สามารถเล่นแผ่น CD / USB / Aux ได้ ค้นหาสถานีวิทยุได้รวดเร็วมาก ปุ่มขนาดใหญ่กดได้สะดวก ตัวอักษรบนหน้าจอมีขนาดใหญ่ คุณภาพเสียงสมราคา
เกียร์วางตำแหน่งได้ดี ไม่ต้องเอื้อมไกล
ยางอะไหล่และอุปกรณ์เปลี่ยนยาง
ดิสก์เบรคสำหรับล้อหน้า
มาดูกันที่ Suzuki Celerio GA รุ่นต่ำสุดกันบ้าง
สีดำและสีเงิน
ยาง Bridgestone และล้อเหล็กแบบไม่มีฝาครอบ
ไม่มีกระจกไฟฟ้า ไม่มีการตกแต่งด้วยลวดลายของผ้า กระจกมองข้างใช้คันโยกมือ
คอนโซลหน้า ดูสวยงามน้อยลง
ช่องเก็บของด้านหน้า และเกียร์ธรรมดา
ไม่มีเครื่องเสียงมาให้
กระจกมือหมุน
มาตรวัดความเร็ว และไฟเตือน มีให้เท่าที่จำเป็น
ใต้ปุ่มปรับเครื่องปรับอากาศ มีช่องจ่ายไฟสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ
กระจกส่องหน้า ไม่มีให้ในรุ่น GA แต่มีให้ในรุ่น GLX
คันโยกปรับมุมกระจกมองข้าง ไม่ค่อยได้ปรับกันบ่อยอยู่แล้ว
ที่วางแขนและช่องใส่ของที่ประตูห้องโดยสารตอนหลัง ก็ยังมีเหมือนเดิม
เบาะผ้าสีเทา ไม่มีลวดลาย ความกว้างของห้องโดยสารไม่แตกต่างกัน
ไม่มีที่วางของด้านหลังที่พิงศีรษะ
ไม่มีเสาอากาศ เป็นแค่ช่องสำหรับติดตั้งเพิ่มในภายหลัง
เราได้ทดสอบขับ Celerio GLX ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด เป็นระยะทาง 171 กิโลเมตร ในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งสภาพการจราจรในตัวเมืองเชียงใหม่ที่เคลื่อนตัวได้ช้า และออกนอกเมืองเพื่อทดสอบสมรรถนะของรถยนต์กันแบบเต็มที่
รถทุกคัน บังคับเปิดเครื่องปรับอากาศลมแรงเบอร์ 3 เร่งความเย็นเกือบสุด เพื่อสู้กับอากาศที่ร้อนจัดภายนอก อุณหภูมิ 43 องศาเซลเซียสในช่วงเที่ยงของจังหวัดเชียงใหม่
ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดีเกินคาด ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเบา เสียงภายนอกเข้ามาไม่มากนัก เสียงลมประทะตัวรถ เริ่มได้ยินที่ความเร็วประมาณ 140 km/h เป็นต้นไป แต่ก็เป็นเสียงที่เบามากๆ ต้องปิดเครื่องปรับอากาศจึงจะได้ยิน
เบาะสูง เพดานห้องโดยสารสูง รู้สึกถึงความโปร่งโล่งสบาย ทัศนวิสัยดี มุมมองกว้าง ทำให้การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจ กระจกมองข้างก็ไม่ได้เล็กเกินไป มีขนาดปกติที่ให้มุมมองกว้างดี พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดีในทุกระดับความเร็ว ไม่หนักหรือเบาเกินไป เด็กหรือผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ขับได้ง่าย ไม่เหนื่อย ในส่วนของเครื่องปรับอากาศก็เย็นเร็วดี ในรถทดสอบ เราได้ขับตอนเที่ยงท่ามกลางแดดร้อนจัด ไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงเลย แต่เครื่องปรับอากาศก็ยังทำงานได้ดี เสียงลมไม่ดังจนน่ารำคาญ
ขับทางไกล ทำความเร็วได้ถึง 150 km/h แบบสบายๆ ไม่ต้องลุ้นเหนื่อย เครื่องยนต์รุ่นนี้มีสมรรถนะสูงมาก หากเหยียบคันเร่งสุด ก็น่าจะทำความเร็วได้ถึง 160-170 km/h แต่ในการทดสอบขับ ไม่สามารถทำได้ เพราะขับบนทางหลวงที่ไม่ได้ปิดถนน มีรถร่วมใช้ทางด้วย การเร่งแซงเป็นเรื่องสนุก เพราะรถมีน้ำหนักเบา บวกกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ขับขึ้นเขาก็ทำได้ เอาเป็นว่าให้คะแนนไป 9/10 เลยสำหรับเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรใน Celerio ในด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Celerio GLX คุณ DigitalNext ทีมงาน 9CarThai ทำได้ 23.6 km/l ขณะขับทางไกล ส่วนคันอื่นๆ ทำได้ประมาณ 22-26 km/l ตามลักษณะการขับขี่ที่แตกต่างกัน ส่วนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น ทำได้ 16 km/l ถิอเป็นตัวแรกที่น่าพอใจอย่างมาก ในด้านการเกาะถนนขณะเข้าโค้ง โดยใช้ยางหน้าแคบที่ให้มาจากโรงงาน ก็ยังทำได้ดีน่าพอใจ ไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนยาง ขอให้ใช้มันจนเสื่อมสภาพได้เลย
บทสรุป
Suzuki Celerio GLX รุ่นท็อปสุด เป็นรถยนต์ที่น่าประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา 4 แสนกว่าบาท ทั้งดีไซน์ที่สวยงามทุกมุมมอง ไม่ต้องเสียเงินแต่งรถอีกแล้ว เครื่องเสียงก็ดีพอตัว เครื่องปรับอากาศเย็นเร็ว เบาะที่นั่งลงตัว ทัศนวิสัยการขับขี่ก็ดี เครื่องยนต์และการเกาะถนนที่สอบผ่านฉลุย ขับสนุกกว่ารถยนต์ราคา 5-6 แสนบาทบางรุ่นด้วยซ้ำ หมดห่วงว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้จะอืด ขับด้วยความเร็วสูงก็ยังประหยัดน้ำมัน สื่อมวลชนทั้งหมดกล้าการันตี ทุกคนล้วนแต่ประทับใจ Celerio กันมาก จนแทบจะหาข้อบกพร่องหรือข้อเสียไม่ได้เลยจริงๆ
เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบ ก็มาประชุมเพื่อวิจารณ์รถยนต์รุ่นนี้กันแบบตรงไปตรงมา กลายเป็นว่าเรื่องที่มีให้ติ ส่วนใหญ่ไปอยู่ที่รุ่น GA ซึ่งเป็นรุ่นต่ำสุดนั่นเอง เนื่องจากมีการตัดอุปกรณ์บางอย่างออกไป ได้แก่
ทั้งหมดนี้เป็นบทสรุปและผลการทดสอบขับ Celerio รถยนต์คอมแพคคาร์น้องใหม่ในวงการ Eco Car ที่คุ้มค่าที่สุด ออกแบบมาให้มีข้อเสียน้อยที่สุด ไม่ตัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยออกไปจนน่าเกลียด เงินทุกบาทที่ลูกค้าจ่ายออกไปเป็นค่าตัวของ Celerio ได้กลับมาคุ้มจริงๆ
คู่แข่งของ Suzuki Celerio
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว Suzuki Celerio อีโคคาร์น้องใหม่ของวงการ กว้างสบาย แรงเกินคาด "