Honda Accord Hybrid คือ ผลงานชิ้นเอกรุ่นล่าสุดที่ถือเป็นความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เป็นความลงตัวสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์สำหรับครอบครัว ที่ต้องการความโอ่โถง สะดวกสบาย หรูหรา สง่างาม สวยงาม แต่ประหยัดน้ำมันใกล้เคียงกับรถยนต์ Eco Car วันนี้ฮอนด้าทำจินตนาการนั้นให้เป็นจริงแล้ว จากเดิมที่ความหรูหราจะสวนทางกับความประหยัดเสมอมา ถ้าเข้าใจการทำงานของระบบ Advanced Full Hybrid ใหม่นี้ เรียนรู้รูปแบบการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็จะพบว่า Honda Accord Hybrid รุ่นใหม่นี้ สามารถขับให้ประหยัดน้ำมันได้เทียบเท่าหรือมากกว่า Honda Brio ด้วยซ้ำไป
ในครั้งนี้ จะเป็นการรีวิว Accord Hybrid TECH ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดของ Accord Hybrid ราคาขายอยู่ที่ 1,899,000 บาท สำหรับสีดำคริสตัล (มุก) ต้องเพิ่มเงินอีก 8,000 บาท และสีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่มเงินอีก 12,000 บาท สำหรับอีกทางเลือกที่ราคาต่ำลงมาอีก ก็คือ Accord Hybrid ที่ไม่มีคำว่า TECH ต่อท้าย ราคาอยู่ที่ 1,659,000 บาท โดยมีออพชั่นอำนวยความสะดวกสบายบางอย่างที่น้อยกว่า แต่ก็ยังคงส่วนสำคัญของระบบ Hybrid ไว้เช่นเดิม
ภายนอกของ Accord Hybrid จะมีความแตกต่างจาก Accord รุ่นปกติ ในส่วนของไฟหน้า ไฟท้าย และกระจังหน้า
ไฟหน้าแบบ LED ตกแต่งด้วยกรอบไฟสีฟ้าใส โดดเด่นกว่าใครบนท้องถนนด้วยไฟ Daytime Running Lights เช่นเดิม
– กระจังหน้าตกแต่งด้วยสี Clear Blue ดูหรูหราแบบล้ำสมัย สวยงามจริงๆ ข้างล่างเป็นแถบโครเมียม เสียดายที่ไม่มีไฟตัดหมอกหน้าติดตั้งมาให้
มาดูกันว่าไฟหน้าเมื่อส่องสว่างจะสวยงามขนาดไหน
โคมไฟของแอคคอร์ด มีเสน่ห์จริง ๆ สวยงามทุกมุมมอง ไฟหน้าแบบ LED และไฟ DRL ส่องสว่างในเวลากลางวัน ให้แสงสีขาวที่สว่างโดดเด่นบนท้องถนน อายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดไฟแบบ Halogen ปกติ
ดีไซน์ด้านข้าง จะเห็นถึงความยาวของตัวรถที่โดดเด่น บวกกับเส้นสายที่ดูทันสมัยไม่แพ้รถยุโรป
สะดุดตาที่ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สวยงามแบบสีทูโทน
มาพร้อมกับยาง Michelin ขนาด 235/45 R18 ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
ดิสก์เบรค 4 ล้อ
ขอบหน้าต่างและมือจับประตูแบบโครเมียม
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ขนาดเล็ก
กระจกมองข้างฝั่งซ้ายของผู้ขับขี่ จะมีกล้องสำหรับฉายภาพมุมมองด้านซ้ายของตัวรถ เพื่อความปลอดภัยในขณะเลี้ยวซ้ายหรือเปลี่ยนเลนไปทางซ้าย ซึ่งอาจจะมีรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์วิ่งตามหลังมา แล้วมองไม่เห็นที่กระจกข้าง
มีโลโก้ไฮบริด ติดตั้งที่ด้านข้างของตัวรถทั้งสองฝั่งด้วย
เสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลาม
Sunroof พร้อมระบบ One-Touch เปิดปิดด้วยไฟฟ้า
หลังคาซันรูฟแข็งแรงแน่นหนา ไม่น่าจะมีปัญหาน้ำรั่วซึมได้ในช่วงระยะประกัน
ไฟเบรคดวงที่ 3
ไฟท้ายขนาดใหญ่
ไฟท้ายตกแต่งด้วยกรอบสี Clear Blue
มีโลโก้ไฮบริดที่ใต้ไฟท้ายฝั่งขวา
โลโก้แอคคอร์ดอยู่ที่ฝั่งซ้าย
ทับทิมสะท้อนแสงและแถบเส้นโครเมียม
แถบโครเมียมฝาท้าย พาดเป็นแนวยาว ดูหรูหรา
ใต้แถบโครเมียมฝาท้าย มีกล้องมองหลังช่วยกะระยะถอยจอด มีปุ่มกดเปิดฝาท้ายใกล้กับไฟส่องสว่างป้ายทะเบียนรถ
ทดสอบไฟท้าย ไฟเบรค LED และไฟเลี้ยว
คันโยกสำหรับเปิดฝาถังน้ำมัน อยู่บนพื้นข้างเบาะที่นั่งคนขับ กดลงไปเป็นการเปิดฝาถังน้ำมัน หรือโยกแบบงัดขึ้น เป็นการเปิดฝาท้ายห้องเก็บสัมภาระ
รองรับน้ำมัน Gasohol E20 หรือน้ำมันเบนซินที่มีค่าออคเทน 91 ขึ้นไป
มาดูเครื่องยนต์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ แอคคอร์ด ไฮบริด ฝากระโปรงหน้า มีโช้คอัพ ช่วยผ่อนแรงและเปิดปิดได้ง่ายมากขึ้น ปลอดภัยกว่า
เครื่องยนต์ Atkinson Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 165 นิวตัน-เมตร ออกแบบมาให้มีการทำงานที่เหมาะสมกับระบบ Advanced Full Hybrid ของฮอนด้า
ใกล้กัน จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว แรงบิดสูงสุด 307 นิวตัน-เมตร ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ขณะที่รถชะลอความเร็วก็จะชาร์จไฟกลับเข้ามาที่แบตเตอรี่ โดยมี Generator ทำหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยกันขับเคลื่อนอย่างทรงพลัง ในส่วนของแบตเตอรี่จะอยู่ส่วนท้ายรถ เป็นแบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion ความจุสูง 1.3 kWh ระบบเทคโนโลยีขั้นสุดของการขับเคลื่อนนี้ เรียกว่า ระบบ Sport Hybrid i-MMD (Intelligent Multi-Mode Drive)
ถัดมา มาดูในส่วนของห้องโดยสารและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายภายในรถ
ทัศนวิสัยดี มุมมองที่เห็นได้กว้างไกล สร้างความมั่นใจในการชับขี่
ประตูในฝั่งคนขับ สีดำ ตกแต่งด้วยลายไม้สีน้ำตาลเข้ม วัสดุบางส่วนหุ้มหนัง รู้สึกดีเมื่อได้สัมผัส
ติดตั้งลำโพง Tweeter ไว้ที่มุมของประตู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดี เพราะอยู่ใกล้หูผู้ขับขี่มากขึ้น ไม่ถูกกลบด้วยเสียงย่านความถี่อื่นจากลำโพงตัวอื่นภายในรถ
บันทึกการปรับเบาะที่นั่งได้ 2 ตำแหน่งสำหรับ 2 ผู้ขับ
ปุ่มปรับกระจกมองข้างไฟฟ้าและกระจกหน้าต่าง
มีลำโพง Woofer และไฟส่องสว่างที่แผงประตูให้ด้วย
รถสี Silver เบาะที่นั่งเป็นสีดำทำด้วยหนัง สำหรับรถสีอื่น ก็อาจจะเป็นเบาะสีครีมหรือสีดำก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเลือกสีรถภายนอก
เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้า บันทึกการปรับให้จดจำไว้สำหรับสองผู้ขับขี่
สวิตช์ Parking, ที่พักเท้าซ้าย, เบรค, คันเร่ง และคันโยกเปิดฝากระโปรงหน้า
พรมปูพื้นคุณภาพดีพอสมควร แถมมากับรถ
เบาะหนังสีดำคุณภาพดี นั่งสบาย แต่ไม่ใช่เบาะสไตล์นุ่มอย่างคู่แข่ง
มีถุงลมนิรภัยด้านข้างเบาะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ระดับนี้อยู่แล้ว
ยิ่งประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีก เมื่อขับในตัวเมืองที่รถติด แล้วกดปุ่ม ECON
มาตรวัดเรืองแสงสวยงาม ใช้สีบ่งบอกสถานะของเครื่องยนต์
มีหน้าจอ LCD แสดงกราฟฟิคบอกข้อมูลที่สำคัญตลอดเวลา
พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ฟังก์ชั่นการโทร และสั่งงานด้วยเสียง
ปุ่มควบคุมการขับขี่ และ Cruise Control
สวิตช์ควบคุมการปัดน้ำฝน ไฟหน้า และกล้องช่วยมองด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวรถ
หน้าจอด้านบน เป็นจอภาพแสดงข้อมูลที่สำคัญที่ผู้ขับขี่ควรทราบตลอดเวลา รวมทั้งภาพจากกล้องด้านข้าง-ด้านหลัง และระบบนำทาง ส่วนจอภาพด้านล่าง จะมีเฉพาะฟังก์ชั่นเครื่องเสียงและฟังก์ชั่นการโทร
จอภาพมีความสว่าง สู้แสงกลางแจ้งได้ อ่านได้ง่าย ตัวอักษรขนาดใหญ่ คมชัดมากพอสมควร รองรับภาษาไทย สำหรับการใช้งานระบบนำทาง ก็มีเสียงบรรยายการใช้งานเป็นภาษาไทย พูดอย่างนุ่มนวล ไม่ห้วนจนเหมือนหุ่นยนต์
ถัดลงมาจากเครื่องเสียง เป็นเครื่องปรับอากาศระบบดิจิตอล แยกปรับอุณหภูมิอิสระหน้า-หลัง เย็นเร็วกว่าแอคคอร์ดเจเนอเรชั่นเก่าขึ้นมาก ส่วนชุดปุ่มควบคุมขนาดใหญ่ข้างล่าง เป็นปุ่มสำหรับควบคุมและสั่งงานระบบอัจฉริยะของรถยนต์ ใช้งานคู่กับจอภาพขนาดใหญ่ด้านบนนั่นเอง
เกียร์ E-CVT ให้ความนุ่มนวลค่อนข้างดี มีโหมดขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยการเลื่อนเกียร์มาที่ตำแหน่ง B ได้ทันทีแม้ว่ารถกำลังเคลื่อนที่อยู่ ด้านขวาของชุดเกียร์ มีปุ่มเล็ก ๆ นั่นคือปุ่มเปิดปิดม่านไฟฟ้าด้านหลัง
ช่องใส่ของพร้อมฝาปิด
ใต้ที่วางแขนคนขับ มีช่องต่อสัญญาณ Aux / USB / Car Charger
ที่บังแดด มีกระจกส่องหน้าพร้อมไฟส่องสว่างทั้ง 2 ที่นั่ง
ที่เก็บแว่นตา ไฟส่องสว่างห้องโดยสารตอนหน้า และสวิตช์เปิดปิดซันรูฟ
กระจกมองหลัง ตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
เปิดรับแสงตอนเย็น เห็นดาวตอนกลางคืน หรือจะเปิดรับลมหนาวยามเช้า ก็ได้ตามต้องการ
ประตูฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า มีแผงลายไม้สีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกัน แต่มีแค่ปุ่มเดียว ไม่ดูรกเกะกะ
ที่นั่งปรับไฟฟ้า ปรับเอนหลังกับเดินหน้าถอยหลัง ไม่สามารถปรับความสูงได้
ห้องโดยสารโอ่โถง กว้างสบาย เบาะที่นั่งขนาดใหญ่ แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าเบาะคู่หน้าห่างเกินไปจนรู้สึกห่างเหิน
ช่องเก็บของด้านหน้า มีความจุและลึกมาก ใส่ของได้เยอะ
Leg room กว้างเหลือเฟือ ไม่อึดอัด ไม่ติดหัวเข่า
สำหรับเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ผู้ขับสามารถช่วยปรับเอนหรือเดินหน้า-ถอยหลังได้ จากปุ่มด้านข้างนี้
ห้องโดยสารตอนหลัง สามารถเข้าออกได้สะดวก กว้างขวางดี
ตกแต่งด้วยลายไม้เล็กน้อย
มีม่านตาข่ายบังแสงแดดให้ด้วย ตะขอเกี่ยวใช้งานง่ายกว่าคู่แข่งบางรุ่น
เบาะที่นั่งขนาดใหญ่ ทำมุมลาดเอนได้ค่อนข้างดี
ช่องลมจากเครื่องปรับอากาศ
Leg room กว้าง วางขาและเท้าได้สะดวก นั่งไขว่ห้างก็ยังได้
เบาะหนัง เนื้อแน่น ค่อนข้างแข็ง ไม่นุ่มยวบ
ที่พิงศีรษะ 3 ที่นั่ง
ที่วางแขน ตกแต่งด้วยลายไม้ พร้อมช่องวางเครื่องดื่ม
ที่เขี่ยบุหรี่ ถอดเททิ้งได้สะดวก ขอบประตูส่วนล่าง มีไฟส่องสว่างทุกบาน
ระยะห่างเหนือศีรษะไปถึงเพดาน ยังพอมีเหลืออีกประมาณ 10 กว่าเซนติเมตร
ไฟส่องสว่างบนเพดานห้องโดยสารตอนหลัง
มือจับที่หลังคา มีครบทั้ง 4 ตำแหน่ง แต่สามารถแขวนเสื้อสูทได้ในตำแหน่งหลังคนขับเท่านั้น
ฝาท้าย สามารถเปิดได้จากภายนอกและภายในรถ
ห้องเก็บสัมภาระท้าย ยังมีพื้นที่เหลือกว้างเพียงพอ หลังจากที่ถูกแบ่งออกไปส่วนหนึ่งสำหรับใช้ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ไฮบริด ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่
มีตะขอเกี่ยวถุง
ติดตั้งลำโพง Subwoofer และ Woofer เอาไว้ท้ายรถ พร้อมไฟส่องสว่าง 1 ดวงในห้องเก็บสัมภาระ
ไม่มียางอะไหล่มาให้ แต่มีเครื่องมือสำหรับซ่อมแซมยางที่รั่วหรือแบน ให้วิ่งต่อไปถึงร้านยางรถยนต์ได้ชั่วคราว
กุญแจรีโมท สี Clear blue มีดอกกุญแจซ่อนอยู่ภายใน ล็อคแน่นหนา ไม่สามารถหลุดหล่นหายได้
อีกด้านหนึ่ง เป็นปุ่มล็อค ปลดล็อค
เมื่อสตาร์ตรถ หน้าจอและมาตรวัดก็เริ่มทำงาน แสดงระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไฮบริด ระดับน้ำมัน และอุณหภูมิ
ระบบนำทาง แสดงตำแหน่งพิกัดในทันที สามารถ Zoom in / Zoom out ได้
แสดงข้อมูลการจราจรได้ด้วย
เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง กล้องและระบบคำนวณระยะจอด ก็เริ่มทำงานทันที
โดยมีมุมมองให้เลือก 3 แบบ เลือกได้ตามความถนัด
ในส่วนของเครื่องเสียง ก็สามารถเลือกแหล่งสัญญาณได้หลาย Input
บันทึกได้ 12 สถานีวิทยุคลื่นโปรด จอสัมผัสใช้งานง่าย สัมผัสเบา ๆ ก็ทำงานแล้ว
ปรับแต่งเสียงทุ้มแหลมได้ค่อนข้างมาก
ปรับระดับเสียงจาก Subwoofer ได้อิสระจากลำโพงหลัก
ปรับหน้าจอให้อ่านได้ง่ายตามสภาวะแสงกลางแจ้ง มีโหมดกลางวัน / กลางคืน
ในขณะเล่นเพลง สามารถสั่งงานได้จากปุ่มบนพวงมาลัย เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
เมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้าย จอภาพจะตัดภาพเพื่อคำนวณระยะ และช่วยมองรถในเลนซ้ายก่อนที่เราจะหักเลี้ยว
ในขณะที่ออกตัว ช่วงความเร็วต่ำ รถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ภาพบนจอมาตรวัด จะแสดงให้เห็นว่า มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ขับเคลื่อนไปยังล้อรถ
ในช่วงที่รถชะลอความเร็ว ปล่อยคันเร่ง ให้รถไหลไปตามแรงเฉื่อย ในจังหวะนี้ จะเป็นชาร์จไฟกลับเข้ามาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ การหมุนของล้อ ถือเป็นการปั่นไฟในตัว
ทดสอบประสิทธิภาพและการขับขี่ของ Honda Accord Hybrid TECH
เราเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนรอดูและสนใจกันมากที่สุด ก็คือ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของ Accord Hybrid ว่าจะประหยัดได้แค่ไหน จากสเปคที่วิศวกรฮอนด้าได้ทดสอบ ระบุว่ารุ่นนี้สามารถประหยัดน้ำมันสูงสุด 23 km/l ทีมงาน 9CarThai จึงทดสอบการขับขี่ด้วยสภาพการจราจรจริงบนถนนนครอินทร์และราชพฤกษ์ ในช่วงเวลาบ่าย 3 โมง ที่มีรถบนถนนอยู่ในระดับปานกลาง แต่ยังพอทำความเร็วได้ เร่งแซงเป็นระยะ ใช้ความเร็ว 60-140 km/h แบบไม่คงที่ เพราะมีรถหนาแน่น ไม่สามารถทำความเร็วคงที่แล้วใช้ Cruise control บนถนนโล่งได้ ผลการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน อยู่ที่ 20.3 km/l ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และเป็นไปได้ว่าหากขับด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 70 km/l บนถนนโล่ง ก็น่าจะทำตัวเลขได้ใกล้เคียงกับที่ฮอนด้าได้โฆษณาไว้
สำหรับการทดสอบขับในย่านตัวเมืองกรุงเทพมหานคร อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 11-14 km/l ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรและสไตล์การขับขี่ ในสภาพการจราจรที่รถติด เคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง ขยับได้ตามสัญญาณไฟจราจร ส่วนใหญ่แล้วจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่เนื่องจากการใช้งานจริง จะต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ทำให้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ถูกดึงไปใช้งานจนลดระดับลงค่อนข้างเร็ว เครื่องยนต์จึงติดและดับอัตโนมัติบ่อยครั้ง เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้าและชาร์จเข้าไปในแบตเตอรี่ ให้มีไฟฟ้าเพียงพอต่อการขับเคลื่อน
จุดที่น่าประทับใจ
ข้อสังเกตุ
คู่แข่ง
Toyota Camry Hybrid เป็นคู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวในตลาดรถระดับเดียวกันกับ Honda Accord Hybrid ซึ่งคาดการณ์ว่าโตโยต้าจะปรับโฉมแบบ Minorchange ภายในปี 2558 นี้ และเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือออพชั่นอื่น เพื่อลดการเสียเปรียบคู่แข่ง ให้สามารถแข่งขันกับ Accord ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เพราะปัจจุบันหลายคนมีความรู้สึกว่า Camry ยังกั๊กบางจุด แต่ Accord นั้นให้ออพชั่นแบบจัดเต็มคุ้มราคามากกว่า ความสบายในห้องโดยสาร ดูเหมือนว่า Camry จะทำได้ดีกว่า Accord อยู่เล็กน้อย แต่ยังไม่ดีเท่า Nissan Teana ที่ให้ความสบายคล้ายกับการนั่งโซฟานุ่ม ๆ ราคาแพงในห้องรับแขก
เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดของ Accord ที่ขยายเป็น 10 ปี ก็ทำให้ลูกค้าอุ่นใจมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฮบริดที่สูงมาก ทำให้ทั้งสองยี่ห้อ ต่างก็เพิ่มระยะเวลาการรับประกันมากขึ้นอีก ในส่วนของสิทธิประโยชน์หรือ Privilege สำหรับลูกค้า Camry นั้น มีให้มากมาย จุดนี้ได้เปรียบมากกว่า Accord อย่างชัดเจน โดยรวมเมื่อนึกถึงรถยนต์ไฮบริด ต้องยอมรับในความเชี่ยวชาญของโตโยต้า ที่เหนือกว่าใคร แต่ฮอนด้าก็เริ่มพัฒนาจนเข้าใกล้ตามทันโตโยต้าแล้ว
ดูรายละเอียด Honda Accord Hybrid เพิ่มเติมแต่ละรุ่นและราคาได้ที่
ใหม่ Honda Accord Hybrid 2014-2015 ราคา ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Test Drive : รีวิว Honda Accord Hybrid TECH พัฒนาการแห่งความสมบูรณ์แบบครั้งใหม่ "