New TOYOTA VIOS Super Spec งานดี..หล่อจบ ฟีเจอร์ครบ…ออพชั่นคุ้ม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การเลือกซื้อรถของคนในยุคปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไป จากที่เพียงต้องการซื้อแค่เพราะความชอบอย่างเดียว ก็เปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่าถ้าซื้อแล้วควรเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ได้ครอบคลุม และสามารถรองรับไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายมากขึ้น
ใช้ขับไปทำงานทุกๆ วัน ก็ขับขี่ได้สะดวกคล่องตัว จะขับท่องเที่ยวหรือเดินทางไกลในวันหยุดพักผ่อนก็มอบความสบาย
ที่สำคัญต้องมีดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา พร้อมมอบความมั่นใจด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดี และมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานของรถยนต์รุ่นใหม่ควรมีแบบครบๆ
TOYOTA VIOS 2019 รุ่นปรับโฉมล่าสุด ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘NEW VIOS SUPER SPEC’ โดยเพิ่มสเปกใหม่ เพื่อเน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED กล้องบันทึกภาพหน้ารถ วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต
และเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสพร้อม Bluetooth มาพร้อมฟังก์ชัน T-Link ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการขับขี่ระยะใกล้และไกล และยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอกและภายในที่สวยสะดุดตา
สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานแบบครบครัน โดยมีทางเลือกทั้งหมด 3 รุ่น High, Mid และ Entry
โดยทีมงาน 9Carthai มีโอกาสนำมารีวิวกันแบบยาวๆ ส่วนรายละเอียดจะน่าสนใจแค่ไหนไปดูกันเลยครับ
ชัดๆ กับด้านหน้ามาพร้อมดีไซน์สะดุดตายิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอก ทันสมัยดีไซน์ไม่ตกเทรนด์ ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้เห็น TOYOTA VIOS ใหม่ ในเวอร์ชั่น Super Spec แบบผ่านๆ ตา จากสื่อออนไลน์ และโบรชัวร์ของ Toyota Official
พอได้ที่เจอกับคันจริงในเกรด High ต้องบอกเลยว่าเฮ้ย ! สะดุดตาโดนใจกว่าที่คาดคิดไว้เยอะ แม้ว่าภาพรวมหลายคนอาจมองว่ารายละเอียดไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบทั้งคัน แต่ก็เพียงพอที่ทำให้รู้สึกว่ามันมีแรงดึงดูดกว่าที่เคย หลายๆ องค์ประกอบใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามา เหมือนว่าช่วยเสริมให้ตัวรถมีความสดใหม่มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบรมดำ LED Light Guiding แถมยังเติมเต็มความเท่ด้วย Daytime Running Lights ที่ดีไซน์เป็นทรงแนวตั้ง ซึ่งไม่เพียงเพิ่มทัศนะวิสัยการขับขี่แล้ว ยังเสริมลุคซ์ด้านหน้าให้ดูทันสมัยขึ้นอีกด้วย รวมทั้งมีการเสริมความปลอดภัยด้วย ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED แน่นอนว่าข้อดีคือช่วยให้รถที่สวนไปมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
อีกหนึ่งจุดที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือ แผงกระจังหน้าสีเทาดำเมทัลลิก ดีไซน์นั้นดูแล้วค่อนข้างผสานกันชนแนวซี่ได้อย่างลงตัวทีเดียว
ที่สำคัญเส้นสายของตัวรถยังให้ความรู้สึกลื่นไหลตั้งแต่หัวจรดท้าย ภายใต้การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) ด้วยการดีไซน์หลังคาแบบ Catamaran ช่วยลดแรงปะทะของลม อันนี้จัดว่าเด็ดเพราะมีส่วนช่วยให้รถทรงตัวดีไม่ต้านลม แถมยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันอีกด้วย
สะท้อนความเท่อย่างมีสไตล์ ด้วยล้อแม็กดีไซน์คล้ายกับกังหันแบบทูโทน ขนาด 16 นิ้ว สำหรับคนที่ชอบแต่งรถลวดลายแบบนี้เรียกว่าหล่อแบบจบๆ จากโรงงาน ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนใหม่แน่นอน เข้าคู่อย่างลงตัวกับยางขนาด 195/50 R16
กระจกมองข้างแบบมีไฟเลี้ยวในตัว ปรับพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมออกแบบให้มีฟินเพื่อรีดลม
พรีเมียมขึ้นด้วยคิ้วฝากระโปรงท้ายที่ตกแต่งด้วยแถบโครเมียม พร้อมเพิ่มความน่าสนใจไปกับไฟท้ายแบบ LED
ภายในห้องโดยสาร ภาพรวมดูเท่ขึ้น พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ยุคสมาร์ทโฟน
ทันทีเมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสาร สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ จุด ที่เด่นชัด และสะดุดตาขึ้นมา เป็นชุดเบาะที่มีการปรับรายละเอียดใหม่ เสมือนว่าต้องการให้ผู้ขับซึมซับกับอารมณ์ความสปอร์ตมากขึ้น โดยเลือกใช้วัสดุหุ้มเบาะแบบหนังสังเคราะห์สีดำ พร้อมเดินตะเข็บเก็บมุมด้วยด้ายสีแดง ดูแล้วก็ให้ความร้อนแรงไปอีกแบบ
ขณะเดียวกันดีไซน์ของเบาะคู่หน้ายังมีรูปทรงที่ค่อนข้างโอบกระชับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่านั่งแล้วแน่นคับจนอึดอัด ยังสามารถรองรับกับสรีระของผู้ขับขี่ได้อย่างหลากหลาย
ส่วนเบาะหลัง รวมๆ มีความกว้างนั่งได้ค่อนข้างสบาย แถมพนักพิงมีมุมเอียงกำลังดี ส่วนหมอนรองศีรษะสามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้
ด้านตัวฐานนั่งออกแบบให้มีความต่างระดับ ซึ่งข้อดีคือช่วยประคองการนั่งเพื่อไม่ตัวผู้โดยสารเอนลื่นไหลไปมาเวลาที่ขับเข้าโค้งแรงๆ
สังเกตดีๆ เหมือนว่าทีมออกแบบไม่เพียงต้องการให้ Vios ใหม่นี้ มีจุดเด่นด้านความสปอร์ตเท่านั้น เพราะเห็นได้จากมีการเสริมเพิ่ม Gimmick เล็กๆ แต่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ด้วยการตกแต่งหัวเกียร์และฐานเกียร์ด้วยวัสดุสีเปียโนแบล็ค
บันเทิงเต็มที่กับเครื่องเล่นวิทยุกับหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Bluetooth/ช่องต่อ USB
อีกหนึ่งจุดที่ต้องบอกว่าชอบมากเป็นพิเศษ และไม่คิดว่ารถสไตล์ซิตี้คาร์จะติดตั้งมาให้ก็คือ ระบบความบันเทิง ที่ไม่เพียงเป็นเครื่องเล่นวิทยุกับหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Bluetooth/ช่องต่อ USB
ยังมีฟังก์ชันที่ชื่อว่า ‘T-Link’ มาให้ด้วย ซึ่งข้อดีของมันคือสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้วดึงภาพจาก Application นำทางมาแสดงบนจอในรถได้ อันนี้บอกเลยว่าว้าวมากครับ
สำหรับการใช้งานเริ่มต้น เราต้องโหลด App T-Link ลงสมาร์ทโฟนก่อน เสร็จแล้วก็เชื่อมต่อผ่านสาย USB และใน App ก็มีขั้นตอนการเริ่มต้นการใช้งานไว้อย่างละเอียดทีเดียว
การใช้งานระบบ T-Link หลังจากโหลด App T-Link ก็ทำตามขั้นตอนที่แจ้งใน App ได้เลย
ยกทุกอย่างบนจอสมาร์ทโฟนของเรามาแสดงบนจอของรถอย่างละเอียด อันนี้ว้าวเลย!
ไปไหนไม่มีหลง Google Map ช่วยได้ แถมจอใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนอีกด้วย
นอกจากนี้หากรู้สึกจำเจกับการฟังเพลงผ่านวิทยุ เราก็ยังสามารถเลือกฟังเพลงที่เราชอบผ่านระบบออนไลน์ชั้นนำได้มากมายทั้ง JOOX, Sportify และ YouTube Music โดยทั้ง 2 ฟีเจอร์นี้รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ซึ่งการใช้งานก็เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth และช่องต่อ USB ไม่ว่าคุณจะใช้แบบไหนก็พร้อมใช้ได้อย่างสะดวกครับ
อีกหนึ่งความสะดวกที่มีเพิ่มเติมเข้ามาก็ระบบสตาร์ทแบบกด หรือ Push Start ใช้งานง่ายไม่ต้องเสียบเพื่อบิดกุญแจให้เสียเวลา พร้อมระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) ควบคุมการล็อก-ปลดล็อกประตูและที่เก็บสัมภาระท้ายรถอย่างง่ายดาย
นอกจากดีไซน์ที่โดนใจและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีอยู่ใน VIOS Super Spec แล้ว ทีมวิศวกรก็ยังให้ความสำคัญกับด้านความปลอดภัยอีกด้วย เห็นได้จากมีการติดตั้ง ‘กล้องบันทึกภาพหน้ารถ’ มาให้จากโรงงานสำหรับรุ่น High ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของรถต้องควักกระเป๋าซื้อเอง
และปัจจุบันบอกเลยว่าเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างมีความจำเป็นมาก เพราะเราก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่า เมื่อไหร่ตอนไหนจะเกิดเหตุไม่คาดคิด อย่างน้อยมีกล้องก็ช่วยบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ตลอดการเดินทาง และยังใช้เป็นหลักฐานสำคัญได้ด้วย
อีกทั้งคุณภาพกล้องก็จัดว่าดี เก็บรายละเอียดภาพได้เป็นมุมกว้าง และมีความคมชัดแม้ขับในช่วงเวลาค่ำคืน ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ ยังมีกล้องมองหลังพร้อมสัญญาณกะระยะเวลาถอยมาให้ ผู้ขับมือใหม่ก็ถอยจอดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ขุมพลัง 1.5 ลิตร รวมๆ นับว่าเพียงพอต่อการใช้งาน เดินทางไกลก็มั่นใจ ขับใกล้ๆ ในเมืองก็สนุกและคล่องตัว ภายใต้เครื่องยนต์ รหัส 2NR-FBE DUAL VVT-i DOHC 1,500 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ทำงานผสานกับระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 จังหวะ พร้อม Sequential shift
ลองแล้วเร้าใจใช่เลย ! หลังจากมีโอกาสได้ทำความคุ้นเคยอยู่กับ VIOS Super Spec เป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ ต้องบอกเลยว่าซึมซับและสัมผัสกับสมรรถนะได้อย่างเต็มที่ โดยขับขี่ไปทั้งบนถนนในเมืองที่มีความแออัดจอแจ และขับทางไกลออกต่างจังหวัด
ซึ่งก่อนได้รถมาก็แอบคิดในใจว่าเครื่องแค่ 1,500 ซีซี จะเพียงพอไหม แต่พอใช้งานจริงๆ ก็ตอบได้เลยว่าเหลือๆ แถมการตอบสนองของเครื่องยนต์เรียกว่าจัดจ้านเร้าใจ ด้วยเรี่ยวแรงที่ค่อนข้างมีให้เรียกใช้อย่างพอเพียง
อีกทั้งจังหวะเร่งแซงก็ไม่ต้องกังวลหรือลุ้นเหนื่อย เพราะรถสามารถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ดั่งใจตามที่น้ำหนักเท้าได้กดคันเร่งลงไป สามารถไต่ระดับความเร็วขึ้นไปได้อย่างลื่นไหลและต่อเนื่อง
ที่สำคัญยังรองรับใช้งานได้คล่องตัว โดยเฉพาะช่วงจราจรคับคั่งในเมืองใช้ความเร็วไม่มาก เพราะด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัด การปรับเปลี่ยนเลนไปใช้ช่องทางที่ลื่นไหลกว่าก็ทำได้สะดวก แถมยังควบคุมรถได้แม่นยำและเบามือ เพราะพวงมาลัยเป็นพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ในขณะเดียวยังส่งผลดีเมื่อใช้ความเร็ว ระบบยังปรับเปลี่ยนน้ำหนักของพวงมาลัยให้หน่วงมือขึ้นเองแบบอัตโนมัติ ซึ่งข้อดีคือช่วยผู้ขับสามารถคุมพวงมาลัยได้นิ่งมั่นคงและไม่หวิวมือ
ไม่เพียงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้สนุกเท่านั้น ประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนนับว่ามอบความประทับใจอยู่ไม่น้อยครับ โดยด้านหน้าเป็นอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัท-เหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม-คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงแข็งแกร่ง ซึ่งในช่วงที่ขับด้วยความเร็วระดับ 80-90 กม./ชม และมีการเปลี่ยนช่องทางกะทันหันหรือต้องเข้าโค้งแบบต่อเนื่อง สัมผัสได้ว่าตัวรถค่อนข้างนิ่ง อาการโคลงเคลงมีน้อย ทำให้การควบคุมรถสามารถได้อย่างมั่นใจ
ในขณะเดียวกันเมื่อต้องผ่านถนนที่มีรอยต่อหรือผิวถนนต่างระดับยังสัมผัสได้ถึงนุ่มนวล ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบกันสะเทือนสามารถซับแรงสะท้อนจึงพื้นถนนได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพนั่นเอง อย่างมั่นใจมากขึ้นด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อนคู่หน้า ช่วยป้องกันความร้อนสะสมขณะเบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
เทคโนโลยีความปลอดภัย จัดมาให้แบบครบๆ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลายคนไม่อยากพิสูจน์แต่ก็อยากให้มีมากที่สุดกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เพราะมีไว้ให้ความอุ่นใจแก่คุณแน่นอน ซึ่งจากข้อมูล VIOS Super Spec ติดตั้งระบบความปลอดภัยมากับรถแบบไม่กั๊กทีเดียว ทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 2 ตำแหน่ง ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer ป้องกันการปลอมแปลงกุญแจ ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เมื่อรหัสกุญแจ และเครื่องยนต์ไม่ตรงกัน
สรุป : New TOYOTA VIOS Super Spec นับเป็นอีกยานยนต์ในรูปแบบซิตี้คาร์ที่ทาง TOYOTA ได้ทำการบ้านมาอย่างดีว่า สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่ทันสมัยไม่ตกเทรนด์ อุปกรณ์-ระบบความปลอดภัยแบบครบครัน รวมไปถึงฟีเจอร์ล้ำๆ ที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญยังให้สมรรถนะที่พอเพียงและเพียงพอ เดินทางไกลก็มั่นใจ ขับใกล้ๆ ในเมืองก็สนุกและคล่องตัว ออพชั่นแน่นๆ กับราคาโดนๆ บอกเลยเกินคุ้ม!
เลือกเป็นเจ้าของ New TOYOTA VIOS Super Spec ได้อย่างคุ้มค่ากับ 3 รุ่นย่อย และ 6 สี (Red Mica Metallic/ Super White/ Silver Metallic/ Gray Metallic/ Attitude Black Mica/ Quartz Brown Metallic)
– High เกียร์อัตโนมัติ 789,000 บาท
– Entry เกียร์อัตโนมัติ ราคา 609,000 บาท*
– Mid เกียร์อัตโนมัติ ราคา 699,000 บาท*
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " New TOYOTA VIOS Super Spec งานดี..หล่อจบ ฟีเจอร์ครบ…ออพชั่นคุ้ม "