สัมผัสแรก Aston Martin Vantage สปอร์ต Entry Level ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน ฉายาเทพบุตรนักล่า
ยอมรับตามตรงเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกของผู้เขียน (@Monster) ที่ได้สัมผัส และได้ทำความรู้จักกับยนตรกรรมของแบรนด์ Aston Martin อย่างใกล้ชิด
ซึ่งได้รับเกียรติจาก Aston Martin Bangkok ที่อยู่ในเครือของ Millennium Group Corporation (Asia) เชิญทีมงาน 9carthai.com ไปเบิกเนตรและได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ของรถสปอร์ตรุ่นเล็กสุดของค่ายอย่าง Aston Martin Vantage
สำหรับ Aston Martin Vantage จัดเป็นรถสปอร์ตระดับ New Entry ที่เข้าถึงง่าย และเป็นรถสปอร์ตพันธุ์แท้ของค่าย Aston Martin โดยถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Born Predator” หรือ “นักล่าแห่งท้องถนน”
ซึ่งรถสปอร์ตมาดหรูรุ่นนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับ Aston Martin เป็นอย่างมาก โดยล่าสุดในปี 2020 ที่ผ่านมา Aston Martin Vantage ได้คว้าชัยชนะในการแข่งขันรายการ 24 Hours of Le Mans
โดยได้รับรางวัล GT Manufacturers World Endurance Championship และ GT Drivers World Endurance Championship ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของความเป็นเจ้าแห่งความเร็ว ที่ฝังอยู่ใน DNA ของยนตรกรรม Aston Martin ทุกรุ่นได้เป็นอย่างดี
ด้วยชัยชนะของ Aston Martin Vantage ในปีที่ผ่านมานั้น ทำให้ Aston Martin ตัดสินใจต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการหวนกลับคืนสนามแข่ง Formula 1 อีกครั้งในรอบ 60 ปี
โดยใช้ชื่อทีมว่า Aston Martin Cognizant F1 Team ซึ่งได้นักแข่งแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง Sebastian Vettel เป็นนักขับ
และที่สำคัญรถสปอร์ตน้องเล็กของค่ายอย่าง Aston Martin Vantage ก็ถูกเลือกให้เป็น Safety Car รถตรวจสนาม และขับนำขบวนรถแข่ง F1 สำหรับฤดูกาล 2021 อีกด้วย
สำหรับ Aston Martin Vantage นั้น ถูกออกแบบตามหลัก Golden Ratio ซึ่งเป็นปรัชญาการออกแบบตามกฏของธรรมชาติ ที่จะทำให้รถสปอร์ตรุ่นนี้คงความสง่างามเหนือกาลเวลา เหมือนกับภาพวาดของ Mona Lisa
ส่วนแชสซีส์ของรถสปอร์ตรุ่นนี้ทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่พัฒนามาจาก DB11 ทำให้มีน้ำหนักตัวถังโดยรวมเพียง 1,530 กก. และ มีการกระจายน้ำหนักหน้า : หลัง อยู่ที่อัตราส่วน 50 : 50
นอกจากนั้นแล้วในส่วนของรายละเอียดภายนอกของ Aston Martin Vantage ยังถูกออกแบบในสไตล์ที่ดุดันแบบนักล่า
โดยดีไซน์ด้านหน้าจะถูกออกแบบคล้ายกับสัตว์นักล่าแห่งท้องทะเลอย่างฉลาม โดยโคมไฟหน้าจะมีความโฉบเฉี่ยว คล้ายกับลักษณะของนักล่าที่กำลังเล็งเหยื่อ และมีส่วนครีบระบายอากาศที่โป่งล้อหน้าที่ถอดแบบมาจากครีบของฉลาม
ส่วนกระจังหน้าจะมีขนาดใหญ่เพื่อรับอากาศเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ได้เต็มที่
ฝากระโปรงหน้าเป็นแบบ Clamshell ที่รวมเอาส่วนของชุดโป่งล้อรวมไว้ที่ฝากระโปรงในชิ้นเดียวเพื่อความสวยงาม และไร้จุดเชื่อมต่อที่มุมมองด้านหน้า
พร้อมด้วย Badge (ตรา Aston Martin) ที่เป็นชิ้นงาน Handmade ทุกขั้นตอน โดยผลิตจากโรงงาน Jewelry ที่ประเทศอังกฤษ
ตัวรถจะมาในรูปแบบ Sport Coupe 2 ประตู หลังคาท้ายลาด และช่วงท้ายที่สั้น ซึ่งได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) เป็นสำคัญ
ไฟท้ายเป็นเส้นสายของ LED ทอดยาวตลอดแนวกันชนท้าย พร้อมติดตั้งชุด Diffuser สำหรับรีดอากาศออกจากใต้ท้องรถแบบพิเศษ ที่มาพร้อมกับปลายท่อไอเสียคู่ออก 2 ฝั่ง
ปิดท้ายด้วยล้อแม็กแบบ Forged น้ำหนักเบาขนาด 20″ รัดด้วยยาง Pirelli P Zero ขนาด 255/40/20 ในด้านหน้า และ 295/35/20 ในด้านหลัง ส่วนระบบเบรกหน้าเป็นปั้มเบรกแบบ 6 POT และด้านหลังแบบ 4 POT
ส่วนภายในห้องโดยสาร จะถูกตกแต่งด้วยวัสดุหนังเกรดพิเศษ และ Alcantara รวมไปถึงคาร์บอนไฟเบอร์ในบางจุด โดยเบาะนั่งจะเป็นแบบ Bucket Seat หนังแท้เกรดเดียวกับกระเป๋า Hermes
พวงมาลัยเป็นแบบท้ายตัด D-Shape มัลติฟังก์ชั่น และมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ส่วนระบบเกียร์เป็นแบบปุ่มกดที่ใช้วัสดุ Crystal
ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวก จะมีหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 8″ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบนำทาง และชุดเครื่องเสียงระดับ Hi-End
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ keyless start/ stop, ระบบตรวจเช็คลมยาง, ระบบช่วยจอดพร้อมเซนเซอร์หน้าหลัง, กล้องมองหลังที่จะแสดงผลที่หน้าจอ และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 350 ลิตร
สำหรับขุมพลังของ Aston Martin Vantage จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร Twin-Turbo สมรรถนะสูงสุด 503 แรงม้า (510 PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 685 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 5,000 รอบ/นาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF มอบอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ได้ใน 3.6 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 314 กม./ชม.
พร้อมมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Sport, Sport Plus และ Track ซึ่งจะให้ซุ้มเสียงที่เร้าใจแตกต่างกัน
โดยที่ฝาครอบเครื่องยนต์จะมีลายเซ็นต์ของผู้ที่ดูแลการประกอบของรถคันนี้ประทับไว้ด้วย เปรียบเหมือนลายเซ็นต์ที่ต้องระบุฝีมือคนทำดั่งงานศิลปะชั้นเลิศ
ด้านระบบช่วงล่าง มาพร้อมกับระบบ Adaptive Damping System สามารถปรับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Sport, Sport Plus และ Track
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับ Electronic Rear Differential ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของค่ายที่ได้รับการติดตั้งระบบนี้ อีกทั้งระบบบังคับเลี้ยวยังเป็นแบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าที่จะแปรผันอัตโนมัติตามความเร็ว
หลังจากที่ได้ลองสัมผัสในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องบอกว่า Aston Martin Vantage นั้น จัดเป็นรถสปอร์ตที่ขับง่าย สามารถใช้งานได้ในทุกวัน ซึ่งหากคุณขับในโหมดปกติจะให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างไปจากรถบ้านระดับหรู ตัวรถมีระยะ Overhang ที่สั้น ทำให้การควบคุมทำได้ง่ายและคล่องตัว
แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการพุ่งทะยาน เพียงกดคันเร่งลึกลงไป เจ้าสปอร์ตหรูคันนี้จะเปลี่ยนมาเป็นนักล่าที่เกรี้ยวกราดพร้อมโจนทะยานใส่เหยื่อทันที แรงบิดที่ได้รับคือหลังติดเบาะอย่างแน่นอน
และยิ่งถ้าขับด้วยโหมด Track ด้วยแล้ว เมื่อคุณถอนคันเร่งจะมี Backfire ที่ท่อไอเสียที่ช่วยมอบความเร้าใจ และความสนุกในการขับขี่อีกด้วย
แม้ตัวรถจะเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง แต่การออกแบบของ Aston Martin Vantage ที่มีเครื่องยนต์แบบ Mid Front Engine (เครื่องยนต์วางอยู่หลังเพลาหน้า) และชุดเกียร์ที่อยู่เยื้องไปด้านหลัง ทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และมีการกระจายน้ำหนักหน้า – หลัง แบบ 50 : 50
ทำให้เมื่อกดคันเร่งแรงๆ จะมีอาการ Over Steer น้อยมาก ทำให้คุณสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และไม่เหนื่อยกับการที่ต้องคอยปราบนักล่าคันนี้ให้เชื่องมือ
แต่ถ้าคุณอยากได้ความดิบตามสไตล์รถสปอร์ต แนะนำให้เปิดโหมด Track เพราะตัวรถจะปิดระบบช่วยเหลือทุกอย่างออก เหลือแต่ตัวคุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำราบนักล่าแห่งท้องถนนคันนี้ได้อยู่มือหรือเปล่า
สำหรับ Aston Martin Vantage มีวางจำหน่ายพร้อมให้คนไทยเป็นเจ้าของด้วยราคา 14,900,000. ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้น โดยราคาจะเพิ่มขึ้นอีก หากคุณสั่งอ็อพชั่นเสริม หรืออุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่เหนือกว่า
โดยสามารถสัมผัสความเร้าใจ และเป็นเจ้าของ Aston Martin Vantage ได้ที่ Aston Martin Bangkok
หมายเหตุ : ภาพที่ใช้เป็นภาพ Official จาก Aston Martin ที่ถ่ายทำในต่างประเทศ
บทความน่าอ่าน!!
รีวิว Toyota Yaris PLAY Limited Edition อีโคคาร์แต่งพิเศษ ออปชันจัดเต็ม มีขายเพียง 1,500 คัน!
รีวิว Mazda CX-3 2021 Collection รุ่น Base Plus บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
รีวิว Ford Ranger FX4 Max ที่สุดของกระบะแต่งพิเศษสไตล์ออฟโรด ในราคาจับต้องได้
รีวิวสมรรถนะการขับขี่ของ BMW 3 รุ่นใหม่ ทั้ง New Series 5 2021 และ Series 3 Gran Sedan ใหม่
รีวิว All-New Mazda BT-50 กระบะหน้าหล่อ อ็อพชั่นพรีเมียม ออกงานก็ดี ออกลุยก็ได้
รีวิว Nissan Navara PRO2X ขับ 2 แต่หล่อไม่แพ้กัน แถมราคาถูกกว่าตั้ง 1.5 แสนบาท
รีวิว Honda City e:HEV & Hatchback 1.0 RS ดีกันคนละแบบ แตกต่างชัดเจนในคาแร็คเตอร์
สัมผัสแรกก่อนเปิดตัว All-New Mazda BT-50 บอกเลยว่ารถกระบะคันนี้คุ้มค่าแก่การรอคอย
รีวิว New Ford Ranger 2020 สัมผัสนิยามใหม่และตัวตนของ Ranger กระบะพันธุ์แกร่งที่ไปได้มากกว่า
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " สัมผัสแรก Aston Martin Vantage สปอร์ต Entry Level ที่ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถัน ฉายาเทพบุตรนักล่า "