กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ผู้ขับขี่หลายคนอาจเคยสับสนกับคำศัพท์ FWD RWD AWD 4WD ซึ่งหมายถึงระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา และขับเคลื่อนสี่ล้อ ตามลำดับ นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังแบ่งออกเป็นขับสี่ล้อฟูลไทม์และขับสี่ล้อ พาร์ทไทม์อีกด้วย
รถแต่ละประเภทมีสมรรถนะการขับขี่บนพื้นถนนเปียกลื่นหรือดินทรายที่แตก ต่างกันขึ้นอยู่กับ การใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ผู้ขับขี่อาจทราบว่ารถที่ขับอยู่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบใดแต่อาจยังไม่ทราบถึง วิธี ในการทำงาน
เชฟโรเลตขอนำเสนอการทำงานของ “ระบบขับเคลื่อน” แต่ละประเภทดังต่อไปนี้
ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD): กำลังเครื่องยนต์จะถูกส่งไปที่ล้อคู่หน้าเพื่อขับเคลื่อนตัวรถ รถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนประเภทนี้ ได้แก่ เชฟโรเลต ครูซ โซนิค และสปิน ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าได้รับ ความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากมีขนาดเล็กซึ่งจะช่วยยกระดับ ความประหยัดเชื้อเพลิงและเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้น้ำหนักเครื่องยนต์ส่วนใหญ่จะตกบนล้อขับเคลื่อนคู่หน้าซึ่งจะช่วย เพิ่มการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น
โดยทั่วไปรถขับเคลื่อนล้อหน้ามีแนวโน้มที่จะเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์ (understeer หรือตัวรถไม่เลี้ยวตามการสั่งงาน) ซึ่งจะเกิดขึ้นหากมีการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป ในสถานการณ์รุนแรง ตัวรถอาจไถลไปข้างหน้าโดยไม่สามารถควบคุมได้ถึงแม้ผู้ขับขี่จะหักเลี้ยวพวง มาลัยก็ตาม
ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD): กำลังเครื่องยนต์จะถูกส่งไปที่ล้อคู่หลังเพื่อขับเคลื่อนตัวรถ ระบบขับเคลื่อนประเภทนี้ได้รับความนิยมในรถยนต์นั่งมานานจนกระทั่งระบบขับ เคลื่อนล้อหน้ามาแทนที่ในช่วงทศวรรษ (ค.ศ.) 1980 แต่ระบบขับเคลื่อนล้อหลังสามารถรองรับเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงกว่า และตัวรถที่มีน้ำหนักมากกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบขับเคลื่อนล้อ หน้าทำให้นิยมใช้ในรถกระบะขนาดใหญ่ รถสมรรถนะสูงที่ทรงพลังและมีขนาดใหญ่ รถแข่ง และรถตำรวจ เชฟโรเลต โคโลราโด และเทรลเบลเซอร์รุ่นขับเคลื่อนสองล้อใช้ระบบขับเคลื่อนประเภทนี้ นอกจากนี้แล้วรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกันเมื่อระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อยังไม่ทำงาน
ในสถานการณ์การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อนล้อหลังมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการ โอเวอร์สเตียร์ (oversteer) ตัวรถจะหมุนไปมากกว่าการควบคุม ในสถานการณ์รุนแรงตัวรถจะสไลด์ หรือหมุนคว้าง โอเวอร์สเตียร์เป็นอาการสูญเสียการทรงตัวที่ควบคุมได้ยากกว่าอันเดอร์ส เตียร์จึงมีอันตรายมากกว่า
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา (AWD): ทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลากับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีการขับเคลื่อน ล้อทั้งสี่เหมือนกันโดยมีความแตกต่างกันที่การออกแบบและการทำงาน
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาทำงานเหมือนระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือขับ เคลื่อนล้อหลังแต่ส่วนใหญ่จะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นในรถเชฟโรเลต แคปติวา ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาจะส่งกำลังไปที่เพลาหน้าและหลังระหว่างการออก ตัวเพื่อป้องกันการลื่นไถลและจะเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้าถ้าไม่มี การลื่นไถล กำลังจะถูกส่งต่อโดยอัตโนมัติผ่านชุดทรานส์เฟอร์ถ่ายทอดกำลังขับแบบซิ งเกิลสปีด (ชุดทรานเฟอร์เชื่อมต่อกับระบบเกียร์เพื่อแยกกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อ หลัง) ความโดดเด่นของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา คือ ผู้ขับขี่ไม่ต้องปรับระบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาเหมาะสำหรับคนที่มองหารถที่มีสมรรถนะยอด เยี่ยมบนถนนทั่วไปและมีประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นหญ้า โคลน ทราย หรือกรวด ตลอดจนเส้นทางออฟโรดแบบ ไม่สมบุกสมบันมากนักซึ่งรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือล้อหลังอาจไม่ สามารถขับผ่านได้ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลามีแนวโน้มจะเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์เหมือน ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าถ้าขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD หรือ 4×4): ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใช้ชุดทรานส์เฟอร์ถ่ายทอดกำลังขับแบบสองสปีดโดยมีการ ใช้อัตราทดความเร็วสูงและอัตราทดความเร็วต่ำเพื่อการยึดเกาะถนนสูงสุด ระบบนี้พบในรถกระบะขับเคลื่อนล้อหลังขนาดใหญ่และรถเอสยูวีขนาดใหญ่ที่มีระยะ ห่างจากพื้นถนนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับรถยนต์นั่งและรถครอสโอเวอร์ โดยรถขับเคลื่อนสี่ล้อจะมอบศักยภาพ และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุดบนทางออฟโรด
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะทำงานด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลังจนกว่าจะมีความจำ เป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (เรียกว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือปรับได้ตามต้องการ) โคโลราโด และเทรลเบลเซอร์รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อถือว่ามีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ พาร์ทไทม์เช่นกัน ในขณะที่ รถขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูลไทม์นั้นจะใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดการขับขี่ ชุดทรานส์เฟอร์ถ่ายทอดกำลังที่ติดตั้งตรงกลางระบบเกียร์จะควบคุมว่าแรงบิด ควรถูกกระจายระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเท่าใด โดยทั่วไปแรงบิดจะถูกส่งไปที่ล้อหลังและจะเปลี่ยนเป็นหน้า/หลังแบบ 50/50 บนทางออฟโรดและบนสภาพถนนที่เปียกลื่นซึ่งต้องการเสถียรภาพสูงสุด ผู้ขับขี่ที่ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อฟูลไทม์จะต้องเปลี่ยน มาใช้อัตราทดความเร็วต่ำด้วยตนเอง
ด้วยเป้าหมายในการพัฒนารถให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น และส่งเสริมให้ผู้ขับมุ่งเน้นที่การขับขี่เป็นหลัก บริษัทผู้ผลิตรถอย่างเชฟโรเลตได้พัฒนาระบบอิเลคทรอนิคส์ที่ยกระดับการยึด เกาะถนนในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ระบบเหล่านี้มีทั้งการป้องกันล้อหมุนฟรี การควบคุมการลื่นไถล และการควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมกันนี้รถเอสยูวีและรถกระบะอย่างแคปติวา โคโลราโด และเทรลเบลเซอร์ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill-Descent Control) และระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน (Hill-Start Assist) เพื่อรองรับการขับขี่บนทางออฟโรดและถนนที่เปียกลื่นได้ดียิ่งขึ้น
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " CHEVROLET ชวนมารู้จักระบบขับเคลื่อนรถของคุณ "