รีวิว เปรียบเทียบ 2023 New Nissan Almera VS Toyota Yaris ATIV
ราคา
New Nissan Almera | Toyota Yaris ATIV |
รุ่น E 549,000 บาท | รุ่น Sport 549,000 บาท |
รุ่น EL 589,000 บาท | รุ่น Smart 594,000 บาท |
รุ่น V 659,000 บาท | รุ่น Premium 669,000 บาท |
รุ่น VL 699,000 บาท | รุ่น Premium Luxury 699,000 บาท |
จากตารางจะเห็นได้เลยว่า ทั้ง 2 ค่ายมีราคาที่ใกล้เคียงกันหรือเท่ากันเลยในบางรุ่น ในวันนี้ 9Carthai จะพาเพื่อน ๆ มาดูกันว่าถ้าจ่ายเงินในรุ่น VL และ Premium Luxury เท่ากันจะได้อะไรต่างกันบ้าง และรุ่นไหนน่าซื้อเหมาะกับคุณ
รูปลักษณ์ภายนอก
Nissan Almera ปรับกระจังหน้าเป็น V-Motion แบบใหม่ ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว เสาอากาศเป็นแบบฝังในกระจกยกเว้นในชุดแต่งจะเป็นแบบ Shark fin
ไฟรอบคันและไฟเลี้ยวที่กระจกข้างแบบ LED มีไฟ DRL เป็นลายเส้นสวยงาม แต่ไฟเลี้ยวจุดอื่นยังเป็นหลอดไส้ธรรมดาอยู่
มีไฟตัดหมอกและมีระบบเปิด-ปิดไฟหน้ารวมถึงไฟสูงอัตโนมัติให้ด้วย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมชุดแต่งแท้จากโรงงานให้เลือกมากถึง 6 แบบด้วยกัน ได้แก่
Toyota Yaris ATIV มาพร้อมกับรูปทรง Fastback และล้ออัลลอยด์ขนาดใหญ่กว่าที่ 16 นิ้ว เสาอากาศแบบ Shark fin
มีไฟ LED รอบคันและไฟ DRL ด้านหน้าสวยงาม ที่โดดเด่นคือให้ไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential (ไฟวิ่ง) ดูสวยงามกว่าค่ายอื่น ๆ และยังมีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติมาให้ด้วย แต่ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้
นอกจากนี้ยังมาพร้อมชุดแต่ง 3 แบบด้วยกัน ได้แก่
การตกแต่งภายใน
Nissan Almera ใช้วัสดุเบาะหนังสังเคราะห์แบบช่วยสะท้อนความร้อน เบาะเดินด้ายสีขาวสวยงาม มีไฟส่องสว่างภายในแบบหลอดไส้ธรรมดา
และบริเวณข้างประตูหรือคอนโซลหน้ามีการบุนุ่มมาค่อนข้างเยอะกว่าเจ้าอื่น ๆ ดูเป็น eco car ที่พรีเมียมขึ้นอีกขั้น
Toyota Yaris ATIV ใช้วัสดุเบาะหนังสังเคราะห์และหนังแท้สีแดงเข้ม สวยงามแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ อย่างมาก ให้ไฟส่องสว่างภายในเป็นแบบ LED ทันสมัยกว่าคู่แข่ง
มาพร้อมชุดเครื่องเสียง Pioneer 6 ตำแหน่งและเพิ่มความหรูหราด้วยไฟ Ambient Light 64 เฉดสี ถือเป็นรถญี่ปุ่นที่ดูอัพเกรดขึ้นมาอีกขั้น
พื้นที่โดยสารด้านหลัง
Nissan Almera มีพื้นที่กว้างขวาง แต่ยังไม่มีที่วางแขนตรงกลาง มีที่เก็บขวดน้ำขนาดใหญ่มาให้ข้างประตู เพดานมีความสูงนั่งแล้วศีรษะไม่ติด ตรงกลางมีช่องจ่ายไฟ USB type A แต่ยังไม่มีแอร์ด้านหลังมาให้
Toyota Yaris ATIV เบาะด้านหลังยังไม่มีที่วางแขนตรงกลาง แต่มีจุดเด่นคือมีแอร์ด้านหลังมาให้พร้อมกับช่องจ่ายไฟ USB type A ถึง 2 ตำแหน่ง ข้อเสียคือหลังคาเตี้ยกว่าค่ายอื่น หากผู้โดยสารสูงกว่า 175 ซม.ขึ้นไปศีรษะอาจติดเพดานได้
พื้นที่โดยสารด้านหน้า
ที่นั่งตอนหน้าทั้ง 2 รุ่น ยังไม่สามารถปรับระดับของเข็มขัดนิรภัยได้
มีหน้าจอกลางขนาด 8 นิ้วฝังในคอนโซลแบบสัมผัส รองรับ Apple Car Play และ Android Auto
ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับแอร์โซนเดียว มีช่องจ่ายไฟ 12 V และช่อง USB type A ด้านล่างสุดมี Wireless Charge มาให้สะดวกสบายสุด ๆ
ถัดมาตรงกลางจะมีเบรกมือแบบธรรมดาอยู่ฝั่งผู้โดยสาร และที่วางแก้ว 2 ใบอยู่ฝั่งคนขับ ส่วนที่บังแดดมีกระจกส่องมาให้ทั้ง 2 ข้าง แต่ไฟยังเป็นหลอดไส้แสงสีเหลืองอยู่
มีหน้าจอขนาด 9 นิ้วลอยตัวแบบสัมผัส รองรับ Apple Car Play และ Android Auto
ระบบปรับอากาศเป็นแอร์โซนเดียวมีปุ่มปรับแยกด้านหน้าและด้านหลัง ถัดลงมามีจุดจ่ายไฟ 12V 1 ช่อง ปุ่มระบบกรองฝุ่น PM 2.5 และช่อง USB type A 2 ช่อง
ด้านหน้าและหลังคันเกียร์เป็นช่องวางของแบน ๆ คันเกียร์สามารถเลื่อนปรับแบบ Manual+- ได้ ต่อมาเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้าพร้อมกับ Auto Break Hold (เฉพาะในรุ่น Top) และปุ่มปรับไฟ Ambient Light ดูล้ำสมัยกว่า eco car อื่น ๆ มาก
ที่วางแก้วจะอยู่บริเวณมุมสุดของคอนโซลหน้าทั้ง 2 ฝั่งใช้งานสะดวก ส่วนที่บังแดดมีกระจกส่องมาให้เฉพาะฝั่งคนขับเท่านั้น แต่มีข้อดีคือไฟส่องหน้าเป็น LED แสงสีขาว
หน้าปัดเรือนไมล์และพวงมาลัย
Nissan Almera มาพร้อมพวงมาลัยทรงกลมท้ายตัดช่วยให้เข้าออกสะดวกขึ้น มีปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control
หน้าปัดเรือนไมล์แบ่งเป็นแบบจอ Digital TFT 7 นิ้ว ผสมกับมาตรความเร็วแบบเข็ม
Toyota Yaris ATIV มีพวงมาลัยทรงกลมธรรมดา และมีระบบ All Speed Adaptive Cruise Control ที่มาพร้อมกับ Stop & Go ที่ทันสมัยที่สุดในคลาส
หน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบ Full Digital TFT จอสีขนาด 7 นิ้วสวยงามกว่าคู่แข่ง แบ่งเป็นจอวัดรอบทรงกลมดูคลาสสิค ข้อมูลต่าง ๆ ตรงกลาง และตัวเลขความเร็วตัวใหญ่เห็นได้ชัดทางขวา ถือเป็นจอที่ทันสมัยที่สุดเช่นกัน
ความปลอดภัย และเทคโนโลยีต่าง ๆ
ทั้ง 2 รุ่นมีกล้องมองรอบคัน 360 องศามาให้ ใช้ในเมืองแคบ ๆ ได้อย่างดี
Nissan Almera มีรีโมทสตาร์ทรถ, มีระบบ Push Start และถุงลม 6 ตำแหน่งตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น, แอปพลิเคชัน Nissan Connect, Wireless Charger, ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), เซนเซอร์ตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS), ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HBA), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (IFCW), ทำงานร่วมกับเบรกฉุกเฉิน (IEB), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (LDW), ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (RCTA)
และมีระบบ SOS สำหรับขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
Toyota Yaris ATIV มีถุงลม 6 ตำแหน่ง หน้าจอสัมผัสรองรับ Apple Car Play/Android auto และระบบ T-Connect ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น, ระบบ Push Start, ระบบความปลอดภัยก่อนการชนและเบรกอัตโนมัติ (PCS), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (LDA), ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (FDA), ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (PMC), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), รวมถึงระบบช่วยเตือนความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น RCTA และสัญญาณกะระยะรอบคัน, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC), ระบบกรองฝุ่น PM 2.5, ระบบเตือนมุมอับสายตา (BSM), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC)
สมรรถนะการขับขี่
Nissan Almera มากับเครื่องยนต์ Turbo 1 ลิตร 3 สูบ ให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 152 นิวตันเมตร เคลมอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 23.3 กม./ลิตร
ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ให้การตอบสนองค่อนข้างดีกว่าทางโตโยต้า รวดเร็วประมาณนึงสำหรับรถกลุ่ม eco car ไม่อืดมาก แต่เครื่องยนต์ Turbo จะมีรอบการบำรุงรักษาที่ถี่กว่า
แม้ด้านหลังจะเป็นดรัมเบรกแต่ก็เบรกได้ดีไม่แพ้กัน ส่วนช่วงล่างออกไปทางแข็งเฟิร์มกระชับกว่า เหมาะกับผู้ที่เน้นความมั่นใจในการขับขี่มากกว่าความสบาย
Toyota Yaris ATIV มากับเครื่องยนต์ 16 Valve Dual VVT-i E 4 สูบ 1.2 ลิตรให้กำลัง 94 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร
ถึงแม้จะมีเครื่องยนต์ใหญ่กว่าแต่กลับมีพละกำลังที่น้อยกว่า เมื่อขับขี่จริงจะให้ความรู้สึกของอัตราเร่งที่อาจสู้คู่แข่งไม่ได้ แต่มีข้อดีคือเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศจะมีรอบการบำรุงรักษาที่ยาวกว่ารถแบบ TURBO นั้นเอง (ช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษา)
เบรกที่ให้มาเป็นดิสก์เบรกทั้งล้อหน้าและหลังหยุดได้มั่นใจ ส่วนช่วงล่างออกไปทางนุ่มนวลมากกว่านิสสัน มีอาการโยนตัวมากกว่า ไม่ค่อยเหมาะกับการหักเลี้ยวกะทันหันในความเร็วสูง แต่ก็รู้สึกสะเทือนน้อยกว่าเช่นกัน
สรุป
ทั้ง 2 รุ่น มีหน้าตาทั้งภายนอกภายในรวมถึงลักษณะการขับขี่ที่ต่างกันชัดเจน เชื่อว่าหากเพื่อน ๆ ได้ลองสัมผัสก็จะสามารถตัดสินใจได้ไม่ยาก โดย 9Carthai ได้สรุปให้เพื่อน ๆ ดังนี้
Nissan Almera ปรับปรุงให้มีความหรูหราสวยงาม และเพิ่มเติมเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากมาย แต่ก็ต้องยอมให้กับโตโยต้าที่จัดเต็มมากกว่า (ที่นิสสันให้มาก็ถือว่าเยอะแล้ว) มี Cruise Control ธรรมดาใช้ได้ดีในการขับทางไกล และความปลอดภัยที่มากพอตัว
ในด้านสมรรถนะต้องถือว่าเป็นจุดเด่น ด้วยช่วงล่างที่เฟิร์มและเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีกว่า ทำให้การขับขี่สนุกสนานยิ่งขึ้น แต่ยังคงประหยัดน้ำมันพอ ๆ กัน
Toyota Yaris ATIV ข้อดีคือมากับเทคโนโลยีเต็มที่จัดเต็มมากกว่าคู่แข่ง ช่วยเหลือด้านการขับขี่ทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น มี Adaptive Cruise Control พร้อมกับ Stop & Go ใช้งานจริงสบายกว่าแบบธรรมดา เรียกได้ว่าครบแล้วจริง ๆ
ข้อสังเกตคือเครื่องยนต์ตัวเดิมที่มีการปรับปรุงเล็กน้อยอาจให้ความสนุกในการขับขี่ได้ไม่เท่าที่ควร เหมาะกับสายขับไปเรื่อย ๆ ให้ถึงจุดหมายก็พอใจแล้ว ใครใจร้อนรุ่นนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือก
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว เปรียบเทียบ 2023 Nissan Almera VS Toyota Yaris ATIV "