DUCATI Scrambler Desert Sled 2017 “สแครมเบิ้ล สายโหดต้องคันนี้”

DUCATI Scrambler Desert Sled 2017 “สแครมเบิ้ล สายโหดต้องคันนี้”

DUCATI Scrambler Desert Sled 2017

เครื่องยนต์ :  4 จังหวะ 2 ลูกสูบ Desmodromic

ความจุเครื่องยนต์ : 803 ซีซี.

กระบอกสูบ x ระยะชัก เท่ากับ : 88 x 66 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 11.0 : 1

ระบบการจ่ายเชื้อเพลิง : ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิคส์

เรือนลิ้นเร่ง : 50 มม.

กำลังสูงสุด : 75 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด : 86 นิวตัน-เมตร ที่ 7,750 รอบ/นาที

ชุดเกียร์ : แบบธรรมดา 6 สปีด

ระบบคลัทช์ : แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ : ด้วยระบบไฟฟ้า

ระบบขับเคลื่อน : โซ่/สเตอร์

เฟรม : เป็นท่อเหล็ก สีดำ

ไฟหน้า : แบบดวงเดียวทรงกลมมีตะแกรงลวดครอบ

บังโคลนหน้า : จะยกมาติดกับแผงคอล่างคล้ายๆ ของ motocross

บังโคลนหลัง : มีการต่อชายออกไปเพื่อป้องกันการดีดกระเด็น

เบาะนั่ง : จะเสริมฟองน้ำให้คนขี่เกือบจะรู้สึกเหมือนขี่รถทางฝุ่น เพราะเบาะเสมอถัง

ขนาดของฟันสเตอร์หน้า/หลัง : 15/46 t

การ์ดกันกระแทกเครื่องยนต์ : สร้างจากอะลูมิเนียม

ท่อไอเสีย : แบบ 2-1-2

มิติตัวรถ
กว้าง x ยาว x สูง : 940 x 2,200 x 1,213 มม.
ระยะห่างฐานล้อ : 1,505 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 860 มม.
องศาการเลี้ยว : 24 องศา
น้ำหนักรถ : 191 กิโลกรัม
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 13.5 ลิตร

วงล้อ/ยาง
– ด้านหน้า เป็นซี่ลวดทั้งชุด ยาง ขนาด 120/70 R 19 (ลักษณะลายของดอกยางเป็นแบบดอกเหลี่ยมๆ ไม่ยกตัวสูงมากนัก เพราะการใช้งานส่วนมากจะเป็นทางเรียบหรือไม่ก็ลุย Off Road แบบนิดๆ หน่อยๆ)
– ด้านหลัง เป็นซี่ลวดทั้งชุด ยาง ขนาด 170/60 R 17

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เป็นช็อคอับเทเลสโคปิคหัวกลับ ขนาด 46 มม. สามารถปรับแต่งได้เต็มระบบ ระยะการทำงาน 200 มม.
– ด้านหลัง เป็นแบบช็อคอับเดี่ยวสปริงสีเหลือง ปรับแต่งได้เช่นกัน ระยะการทำงาน 200 มม.

ระบบเบรก
– เบรกหน้า เป็นจานเดี่ยวกึ่งให้ตัวได้ ขนาด 330 มม. คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ ของ BREMBO แบบเรเดียลเมาท์ พร้อมด้วยระบบ ABS
– เบรกหลัง เป็นแบบเดี่ยว ขนาด 245 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ ของ BREMBO สั่งงานด้วยไฮดรอลิค พร้อมด้วยระบบ ABS

ถ้าจะหาว่าค่ายไหนสร้างรถแนว Scrambler ที่ทำความเร็วได้ดีที่สุด หนีไม่พ้น DUCATI เพราะค่ายนี้ยกเอาเครื่องแบบสปอร์ตมาใส่ โดยไม่สนว่าโจทย์จะเป็นรถลุยที่ออกจะเป็นแนว Dirt นิดๆ ด้วยซ้ำ การขับขี่บนทางเรียบไม่ต่างจากรถสปอร์ต ติดอยู่อย่างเดียวคือเบาะเพราะมันได้ขยับสูงขึ้นมาก ส่วนการลุย Off Road แม้จะไม่ใช่แบบ 100 % แต่มันก็ช่วยให้อุ่นใจได้ว่ารถเรามีแรงบิดไว้ช่วยเสมอส่วนที่เหลือก็คือทักษะของผู้ขับขี่

ขอขอบคุณภาพจาก www.scramblerducati.com