Group Test : รีวิว HONDA CIVIC 2019 ขับสนุก เพิ่มความมั่นใจอีกขั้น ด้วยระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ SENSING พร้อมปรับราคาขึ้นหลักหมื่น
หลังจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่มีการปรับลุคซ์ให้ดูสปอร์ตและพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ (Honda SENSING) เพิ่มเติมในรุ่น Turbo RS เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ล่าสุดต้นเดือนกุมภาพันธ์ก็มีการจัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบ บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไป-กลับ รวมระยะทางกว่า 370 กิโลเมตร
สำหรับกิจกรรมในช่วงเช้าเริ่มต้นที่ ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (นิคมอุตสาหกรรมบางชัน) เพื่อรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดยรายละเอียดรูปลักษณ์ภายนอก ภาพรวมยังคงความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สปอร์ตผสานเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน
1.5 Turbo RS เติมเต็มความเท่ด้วยเพลท RS บริเวณกระจังหน้า
กันชนดีไซน์ใหม่ มาพร้อมกับไฟตัดหมอกที่มีการการเปลี่ยนมาใช้กรอบวัสดุสี Piano Black
สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วย เสาอากาศทรงครีบฉลาม (Shark Fin)
รูปลักษณ์ภายนอก สำหรับความเปลี่ยนแปลงหากมองผ่านๆ อาจจะรู้สึกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่หากเจาะเป็นจุดๆ ก็จะเห็นว่ามีหลายจุดที่ได้รับการ โดยในรุ่น 1.5 Turbo RS เริ่มตั้งแต่บริเวณกระจังหน้าซึ่งเป็นสีดำเช่นเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยเพลท RS ถัดลงมาด้านล่างเป็นกันชนดีไซน์ใหม่ มาพร้อมกับไฟตัดหมอกที่มีการการเปลี่ยนมาใช้กรอบวัสดุสี Piano Black ส่วนรุ่นพื้นฐานเป็นกรอบโครเมี่ยม รวมไปถึงล้อแม็กลายใหม่ ในขณะที่บนหลังคาด้านท้ายเพิ่มเสาอากาศทรงครีบฉลาม (Shark Fin) กันชนท้ายเพิ่มแถบโครเมียม และ2 สีใหม่น้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ และขาวแพลทินัม (มุก)
ในรุ่น 1.5 Turbo RS ที่พวงมาลัย หุ้มฐานเกียร์ และเบาะนั่งมีการเพิ่มความสปอร์ตด้วยด้ายสีแดง
ภายในห้องโดยสาร ในรุ่น 1.5 Turbo RS ที่พวงมาลัย หุ้มฐานเกียร์ และเบาะนั่งมีการเพิ่มความน่าสนใจ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ผสานความสปอร์ตในทุกรายละเอียด มาพร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นล้ำๆ เช่น ระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบเครื่องเสียงมีการเปลี่ยนหน้าจอสัมผัสใหม่ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น และครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า (เฉพาะรุ่น RS)
มั่นใจในทุกเส้นทางด้วย Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า ที่ผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ได้แก่
– ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow-ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System-LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติรวมทั้งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่จากการขับขี่
– ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning-RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางอย่างไร้การควบคุมจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
– ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam-AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า
การทดสอบขับฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ใช้เส้นทางมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ภายใต้ถนนหลากหลายรูปแบบทั้งทางโค้ง และทางตรงสลับกันตลอดเส้นทาง ซึ่งสื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ กันอย่างเต็มที่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที และรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85
ในส่วนของสมรรถนะ การทดสอบมาเน้นการขับบนถนนโล่ง ใช้ความเร็วได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจากขุมพลังในพิกัดแค่ 1.5 ลิตร ที่มีหอยพิษหรือเทอร์โบเสริมมาด้วย ก็มีส่วนสำคัญในการเติมเต็มสมรรถนะการขับให้สนุกมากขึ้นแบบเกินคาด ทั้งในจังหวะการชู้ตตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซงก็ทำได้อย่างมั่นใจ และมีแรงกระชากดึงให้ได้สัมผัสบ้างพอสมควร ในจังหวะความเร็วลอยตัว 100-140 กม./ชม. การเติมคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มาพุ่งแบบพรวดพลาดมากนัก ซึ่งในระดับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บอกเลยว่าพิษสงเกินตัวทีเดียวครับ แต่ก็ต้องขอเตือนสำหรับผู้ขับมือใหม่ คันเร่งไฟฟ้าของ CIVIC Turbo RS ค่อนข้างไว้ แตะปุ๊บมาปั๊บแบบไม่ทันตั้งตัว และก็ดีเลย์เมื่อถอนคันเร่ง ทำให้รถยังมีแรงพุ่งไปข้างหน้าอยู่ ฉะนั้นควรปรับตัวและทำความเข้าใจคาแร็คเตอร์รถกันพอสมควรครับ
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองตัวเลขที่ทำได้บนหน้าปัดถือว่าน่าประทับใจทีเดียวเมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบระยะทาง 108 กม. คือ 18.6 กม./ลิตร สำหรับการทำงานของเกียร์ นับว่างานทำได้ค่อนข้างไว มีอัตราทดที่ต่อเนื่องลื่นไหล และยิ่งเมื่อได้ลองเล่นกับแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าให้ความสนุกมากขึ้นและเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร นับว่าตอบสนองการขับขี่ได้ดี แม้ว่าในช่วงต้นๆ การทะยานออกตัวอาจจะลื่นไหลสู้ขุมพลัง 1.5 ไม่ได้ แต่ในช่วงความเร็วปานกลางไปถึงความเร็วสูงก็นับว่าชดเชยได้ดี ยิงยาวๆ ทางโล่งขับได้สนุก เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบระยะทางรวม 375 กม. (ขับต่อหลังจากมีการสลับรถไม่มีการเซ็ต 0 ใหม่) คือ 16.7 กม./ลิตร
นอกจากนี้ก็ได้ลองสัมผัสกับ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS) และระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW) ซึ่งเป็นระบบที่ภายใต้เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING โดยบนช่วงถนนโล่งๆ ได้ลองหรือขับค่อมเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ก็พบว่าระบบได้แจ้งเตือนเป็นสัญลักษณ์ให้เราทราบบนมาตรวัด พร้อมกับสัมผัสได้ว่ามีแรงหน่วงของพวงมาลัยช่วยควบคุมรถให้กลับมาอยู่ภายในช่องทางปกติ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้ใช้งานระบบดังกล่าวนี้ อาจรู้สึกว่าไม่ชินและฝืนกับการขับของตัวเอง หรือว่ากังวลว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องการหักหลบกะทันหันระบบจะเกิดปัญหาหรือไม่ ก็สามารถปิดการทำงานของระบบได้ แต่ถ้าขับยาวๆ บนทางระบบดังกล่าวนี้นับว่ามีส่วนช่วยผู้ขับได้มาก โดยเฉพาะกรณีเกิดหลับในหรืออ่อนเพลียจากการเดินทางไกล
นอกเหนือจาก เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING แล้ว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เพิ่มความมั่นใจอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ที่ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยใช้กล้องจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้ว เพื่อการมองเห็นที่ไร้มุมอับ ให้ความปลอดภัยในทุกการขับขี่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) เพียงใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น)
ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold) เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในจังหวะที่เกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลังโดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ช่วยป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง เพิ่มการยึดเกาะถนน และให้ความมั่นใจในระหว่างการขับ การเลี้ยว หรือการหยุด และให้การทรงตัวที่ดีของรถยนต์ในทุกทิศทาง, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) เมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก โดยการทำงานจะอาศัยหน้าที่ในระบบการทรงตัวเข้ามาควบคุมการรักษาแรงดันของน้ำมันเบรกเอาไว้ ทำให้รถสามารถหยุดนิ่งในตำแหน่งเดิมได้ประมาณ 1 วินาที ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายเท้าจากเบรกมาที่คันเร่ง และช่วยให้การออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น
สรุป : โดยไฮไลท์เด็ดของ HONDA CIVIC รุ่นปรับโฉม อยู่ที่รุ่น 1.5 Turbo RS ซึ่งนอกจากเปลี่ยนรายละเอียดภายนอกให้มีความเร้าใจมากยิ่งขึ้น ก็คือระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ (Honda SENSING) ที่เรียกว่าได้รับการถ่ายทอดมาจากพี่ใหญ่อย่าง Accord แบบจัดเต็ม ภายใต้ราคาที่บวกเพิ่มอีกสองหมื่นเท่านั้น ซึ่งเทียบแล้วจัดว่าคุ้มทีเดียว ส่วนในรุ่นอื่นๆ ก็นับว่าไม่น้อยหน้ามีการอัพเกรดรายละเอียดให้ดูน่าพิสมัยโดนใจยิ่งขึ้น
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย TURBO RS 1,219,000 บาท, TURBO 1,104,000 บาท, 1.8 EL 964,000 บาท และ 1.8 E 874,000 บาท มีทั้งหมด 5 สี เงินลูนาร์ (เมทัลลิก), เทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก), ดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่น้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และขาวแพลทินัม (มุก) **สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
สำหรับลูกค้าที่สนใจ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สามารถทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศหรือ www.honda.co.th/civic
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : รีวิว HONDA CIVIC 2019 ขับสนุก เพิ่มความมั่นใจอีกขั้น ด้วยระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ SENSING พร้อมปรับราคาขึ้นหลักหมื่น "