Group Test : รีวิว Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection กรุงเทพฯ-หัวหิน
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดกิจกรรมทดลองขับและสัมผัสสมรรถนะของ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection ในวันที่ 9 – 10 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งทางทีมงาน 9carthai ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดังกล่าว สำหรับเส้นทางนั้นเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนอกจากการทดสอบสมรรถนะของ Mazda CX-3 แล้ว ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอีกด้วย
Mazda CX-3 ได้ถูกเปิดตัวในปี 2558 ภายใต้แนวคิด “การสร้างมาตรฐานสำหรับยุคใหม่” ในรูปแบบของรถ Crossover SUV ที่อยู่เหนือแนวความคิดของรถยนต์ในระดับเดียวกัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทางมาสด้า ได้รวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆของลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ตัวโปรดักส์ มีความน่าสนใจมากขึ้นโดยการปรับโฉมและปรับปรุง ทั้งเรื่องของการออกแบบ สมรรถนะในการขับขี่ ความปลอดภัย และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จนมาเป็น Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection ในวันนี้
สำหรับราคาของ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 คอลเลคชั่น มีทั้งหมด 5 รุ่นได้แก่
มีสีให้เลือกถึง 7 สีได้แก่
รายละเอียดภายนอก มีการปรับปรุงในหลายจุดได้แก่ กระจังหน้า เน้นถึงการออกแบบที่ดูมั่นคง แต่ยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดอันประกอบไปด้วยเส้นของลายกระจัง 2 เส้นที่มีความหนาที่ต่างกัน ช่วยให้ไฟหน้าและซิกเนเจอร์วิง มีความโดดเด่นจากระยะไกล ดูเฉียบคมและมีมิติมากขึ้น เส้นโครเมี่ยมที่ประดับบนกันชนหน้าให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับเส้นโครเมี่ยมด้านข้างตัวรถ กรอบไฟตัดหมอกและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกแบบสีดำเงา มอบความประทับใจแบบที่มีในรถยนต์ระดับสูง
โคมไฟท้ายของรุ่นใหม่นี้ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบวงแหวนประกอบกับเส้นแนวนอน แสดงออกถึงลักษณะของความแม่นยำของเครื่องจักรกลและความลึก รวมไปถึงแสงของไฟท้ายที่มีคุณภาพสูงขึ้น การจัดวางตำแหน่งของดวงไฟ LED ที่วางไว้อย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวของแสงไฟ ทำให้ไฟนั้นมีความโดเด่น สะดุดตามากขึ้นทีเดียว
การออกแบบล้ออัลลอย แสดงออกถึงความทรงพลังด้วยขนาด 18″ ทำให้ล้อดูมีขนาดใหญ่ขึ้น การออกแบบที่มีหลายมุมของก้านล้อให้ความรู้สึกของความลึกและความเร็ว รวมถึงวิธีการที่ล้อได้แผ่จากศูนย์กลางของล้อช่วยเน้นท่าทางของรถให้ดูมั่นคง เพิ่มความดึงดูดใจโดยรวมในแง่ของความเร็ว
รายละเอียดภายใน ทีมออกแบบได้ทำการเปลี่ยนแปลงการออกแบบภายในหลายจุดเช่นกันได้แก่ การเปลี่ยนมาใช้ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) ช่วยให้คอนโซลกลางมีความสง่างามและมีเส้นสายที่ต่อเนื่องกับคอนโซลหน้า นอกจากนั้นแล้วยังทำให้พื้นที่ตรงบริเวณคอนโซลกลางเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยพนักวางแขน พร้อมช่องเก็บของที่ปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบอีกด้วย วัสดุสำหรับแผงคอนโซลหน้า, ที่นั่งและแผงประตูนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดด้วยวัสดุที่ดูหรูหรามากขึ้น
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) Mazda CX-3 ได้เปลี่ยนจากระบบเบรกมือธรรมดาเป็นระบบเบรกมือไฟฟ้าเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานเพียงแค่กดสวิตช์ ส่วนการยกเลิกการทำงานนั้นสามารทำได้โดยการกดสวิตช์พร้อมเหยียบแป้นเบรก หรือยกเลิกการทำงานโดยง่ายด้วยการเหยียบคันเร่ง
ระบบ Auto Hold ระบบนี้ช่วยให้รถหยุดอยู่กับที่หลักจากผู้ขับชะลอรถจนหยุดนิ่ง แม้ว่าผู้ขับจะถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ระบบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อลดภาระของผู้ขับเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่รถเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อยสลับกับหยุดนิ่ง อย่างเช่น ตอนรอสัญญาณไฟจราจรหรือเคลื่อนตัวช้าๆ ในสภาวะรถติด ระบบนี้สามารถเปิด-ปิดด้วยสวิตช์บนแผงคอนโซลกลาง
เครื่องยนต์ รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ชุดระบบขับเคลื่อนทั้งสองให้การตอบสนองของเครื่องยนต์และการควบคุมความเร็วจากการสั่งการของคนขับได้อย่างดีเยี่ยม เครื่องยนต์คลีนดีเซลให้อัตราเร่งและการตอบสนองที่นุ่มนวล ในขณะที่เครื่องยนต์เบนซินให้การตอบสนองที่ฉับไวและสั่งได้อย่างใจคิด
การปรับปรุงสมรรถนะของ NVH มุ่งเน้นเรื่องของความเงียบในห้องโดยสาร เสียงรบกวนจากกระแสลมปะทะและเสียงจากพื้นถนนลดลง ด้วยการเพิ่มความหนาของวัสดุประตูคู่หน้า-หลัง และกระจกของประตูท้าย รวมถึงการเพิ่มวัสดุซับเสียงบริเวณประตู นอกจากนั้นแล้วยางขนาด 215/50R18 ที่ได้พัฒนาขึ้นใหม่นี้จะช่วยซับแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากพื้นถนน อีกทั้งยังช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลงตั้งแต่จุดที่เริ่มเบรกไปจนถึงจุดที่รถหยุดสนิท
ระบบความปลอดภัย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยด้วยโครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-BODY ที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงมีความแข็งแรงสูง และเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำบนพื้นฐานของปรัชญาด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันของมาสด้า การพัฒนาครั้งนี้ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าและตอบสนองการใช้งานได้มากขึ้นได้แก่
– Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) & Rear Cross Traffic Alert (RCTA) *มีในทุกรุ่นย่อย
ตรวจจับรถจากด้านข้างและด้านหลังที่กำลังใกล้เข้ามาบริเวณจุดบอด พร้อมทั้งเตือนเมื่อผู้ชัยขี่จะทำการเปลี่ยนเลน หรือขณะถอยหลัง
– Land Departure Warning System (LDWS)
คาดการณ์การเบี่ยงออกนอกเลน และเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายผ่านทางเสียง
– Adaptive LED Headlamps (ALH)
ปรับการทำงานของไฟหน้าที่ส่องไปยังพื้นถนนเพื่อช่วยในการขับขี่ที่ปลอดภัย
– Driver Attention Alert (DAA)
ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยการแนะนำให้หยุดพักเมื่อตรวจพบพฤติกรรมความเหนื่อยล้าและการสูญเสียสมาธิของผู้ขับขี่
– Mazda Radar Cruise Control (MRCC)
ช่วยปรับและรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
– 360° View Monitor
ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยแสดงพื้นที่รอบรถ ผ่านจอแสดงผลภายในรถ
– Smart City Brake Support (SCBS) & Smart City Brake Support – Reverse (SCBS-R)
ระบบที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนโดยตรวจจับระยะห่างระหว่างรถด้านหน้าและด้านหลัง
– Smart Brake Support (SBS)
ระบบที่ช่วยเตือนและเบรคอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการชนในความเร็วกลางไปจนถึงความเร็วสูง
หลังจากที่ทราบถึงข้อมูลของตัวรถ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปถึงช่วงที่เราจะเริ่มออกเดินทางในกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ โดยมีเส้นทางเริ่มจากกรุงเทพ ที่โชว์รูม มาสด้า JP ถนนเลียบด่วนรามอินทรา มุ่งหน้าสู่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยก่อนออกเดินทางได้มีการถ่ายภาพคณะสื่อที่ร่วมกิจกรรมดังกล่าวเพื่อเป็นที่ระลึก ก่อนออกเดินทางช่วงประมาณ 10 โมงเช้า ของวันที่ 9 สิงหาคม 2561
จุด Checkpoint สำหรับการเดินทางในครั้งนี้คือ โครงการศึกษาและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โครงการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นสืบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริด้านปัญหาขยะและน้ำเสีย
โดยวัตถุประสงค์หลักคือ การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะชุมชน โดยยึดหลักการ “ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ” นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้เป็นแหล่งประกอบอาชีพจากสภาพธรรมชาติที่ดีขึ้นเช่น เครื่องจักรสานกกธูป จากต้นกกที่ปลูกไว้ใช้กรองน้ำเสีย, การทำประมง และจับสัตว์น้ำในป่าชายเลนที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น
หากผู้อ่านท่านใดสนใจท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์และเดินตามรอยพระราชดำริของในหลวง สามารถเข้าชมได้ทุกวัน เพราะนอกจากการเรียนรู้ขั้นตอนการบำบัดน้ำเสียแล้ว โครงการแหลมผักเบี้ยแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ชมนกหายาก, ปล่อยพันธ์ุปลา และแวะซื้อสินค้าเพื่อเป็นการส่งเสริมชุมชนแหลมผักเบี้ยแห่งนี้อีกด้วยครับ
ช่วงทดสอบสมรรถนะรถยนต์ สำหรับเส้นทางจากกรุงเทพ – หัวหิน ในกิจกรรมครั้งนี้ รวมระยะทางประมาณ 200 กม. โดยข้อแบ่งเป็นหัวข้อย่อยตามลักษณะของถนนและการจราจรดังนี้
ช่วงแรก : จากโชว์รูม มาสด้า JP – ปั๊ม ปตท. พระราม 2 กม. 12 ด้วยสภาพการจราจรในเมือง และช่วงต้นของถนนพระราม 2 ที่มีปริมาณรถค่อนข้างหนาแน่น ยังทำความเร็วไม่ได้นัก ทำให้สามารถดึงระบบที่เสริมเข้ามาอย่าง Auto Hold และ ระบบเบรกไฟฟ้า (EPB) ให้เห็นการทำงานได้ชัดเจน ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์การใช้งานในเมือง ช่วยให้การขับขี่ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น
ช่วงที่สอง : จากปั๊ม ปตท. – ร้านแดงอาหารทะเล การทดสอบช่วงที่สองนี้ เป็นช่วงที่ทำความเร็วได้ดีที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงทางตรงของถนนพระราม 2 ก่อนถึงแยกวังมะนาว ช่วงนี้เป็นช่วงที่สามารถทดสอบอัตราเร่งได้ดี โดยรถที่ทาง 9 carthai ได้ทดสอบเป็นระบบเบนซิน มีหลายจังหวะที่ต้องการเร่งรอบเพื่อการแซง สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีตกหล่น ตอบสนองได้ดั่งใจตามน้ำหนักเท้าที่กดลงไปในคันเร่ง ด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร
ช่วงที่สาม : จากร้านแดงอาหารทะเล – แหลมผักเบี้ย ช่วงนี้จะใช้ทางเลี่ยงช่วงเทศกาลไปชะอำด้วยถนน 4012 ซึ่งมีลักษณะถนนที่ประกอบไปด้วยทางโค้งมากมาย สลับกับสะพานเตี้ยข้ามคลอง ช่วงนี้สามารถทดสอบการควบคุมและการสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี โดยตรงจุดนี้เองที่สามารถดึงการทำงานของระบบ G-Vectoring Control ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าโค้งที่แม่นยำและเกาะถนน รวมถึงการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากการขึ้นลงสะพานก็ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลในจังหวะที่รถลงสะพาน
ช่วงที่สี่ : แหลมผักเบี้ย – วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน-ชะอำ ช่วงสุดท้ายของการทอสอบค่อนข้างผ่อนคลาย ผมจึงมุ่งเน้นไปที่เรื่องของห้องโดยสารโดยเฉพาะเรื่องของการเก็บเสียงที่ทำได้ดีเช่นกัน สามารถเพลิดเพลินไปกับเครื่องเสียงที่ให้คุณภาพของเสียงที่ดีได้อย่างเต็มที่ รวมถึงมีซันรูฟที่เปิดเพื่อรับอากาศธรรมชาติยามเย็นได้อย่างสุนทรีย์อีกด้วยครับ
หลังจากที่ร่วมทำกิจกรรมกับทาง มาสด้า มาตลอดทั้งวัน ช่วงสุดท้ายมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน-ชะอำ เพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยรวมถึงมีงานเลี้ยงอาหารเย็นที่ I-Sea Restaurant ห้องอาหารบรรยากาศริมทะเลสุดชิล หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นร่วมรับประทานอาหารเช้า และออกเดินทางกลับจากหัวหินสู่กรุงเทพแบบ Freerun เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ซึมซับความสนุกในการขับขี่ไปกับ Mazda CX-3 เป็นช่วงสุดท้าย ก่อนถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพครับผม
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : รีวิว Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection กรุงเทพฯ-หัวหิน "