Group Test : รีวิว Royal Enfield Interceptor INT 650 and Continental GT 650 “คืนชีพตำนานในยุค 60″

Group Test : รีวิว Royal Enfield Interceptor INT 650 and Continental GT 650 “คืนชีพตำนานในยุค 60″

Royal Enfield จัดทริปเชิญผู้สื่อข่าวจากประเทศไทย เข้าร่วมงานเปิดตัวและพิสูจน์สมรรถนะ Royal Enfield Interceptor INT 650 และ Continental GT 650 ซึ่งได้เคยเปิดตัวไปแล้วใน งาน อิคม่า 2017 โดยนำเสนอความอเนกประสงค์ สนุกสนาน คล่องตัว แต่ยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกคลาสสิค

Royal Enfield Interceptor INT 650 และ Continental GT 650 มาพร้อมขุมกำลังเครื่องยนต์สองสูบคู่เรียง (Parallel Twin Engine) แบบใหม่ขนาด 650 ซีซี ซึ่งเครื่องยนต์สูบคู่ดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้น ณ ศูนย์เทคโนโลยีแห่งใหม่ของรอยัล เอนฟิลด์ในเมืองเลสเตอร์เชียร์ ประเทศอังกฤษ

และเมื่อวันที่ 24 – 29 กันยายน 2561 ที่ผ่านมานี้ ทางทีมงาน 9Carthai.com ได้รับเกียรติอย่างสูงจากทาง Royal Enfield ได้ไปเทสมอเตอร์ไซค์ที่ประเทศอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองซานตาครูซ ซึ่งขึ้นชื่อว่า “Biger ทุกคนก่อนตายขอให้ได้ไปขับขี่ที่ถนนเรียบชายหาดแห่งนี้” เมืองซานตาครูซ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเซิร์ฟบอร์ด กีฬาทางน้ำอีกด้วย

ในวันที่ 24 กันยายน 2561 นัดหมายกันว่าจะเจอกัน 10.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไปพบกับคุณ Richa ที่เป็นทีมงานของ Royal Enfield และเค้าจะไปรอส่งเราที่สนามบินด้วย

เราต้องเปลี่ยนเครื่องการเดินทางถึง 2 เที่ยวบิน

– เที่ยวบินที่ 1 เดินทางไปที่ สนามบินฮ่องกง ใช้เวลาเดินทาง 2.55 ชั่วโมง และต้องรอขึ้นเครื่องเที่ยวบินถัดไปอีก 2 ชั่วโมง

– และเที่ยวบินที่ 2 บินจากสนามบินฮ่องกงไปที่ สนามบินนานาชาติ San Francisco อีก 13 ชั่วโมง ซึ่งทาง Royal Enfield จัดที่นั่งให้ทีมงาน 9Carthai แบบ Business class ของสายการบิน cathay pacific ซึ่งเป็นที่นั่งที่สบาย และมีอาหารพร้อมเสริ์ฟครับ

หลังจากที่ถึงสนามบินแล้วเราต้องนั่งรถตู้ขนาดใหญ่เพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง Santa Cruz (เดินทางประมาณ 1.5 ชั่วโมง) หลังจากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย และรับประทานอาหารเย็น ณ โรงแรม Hotel Dream Inn (ทางทีมงานถึงโรงแรม 20.00 น. อุณภูมิโดยประมาณ 14 องศา)

---

เช้าวันอังคารที่ 25 กันยายน 2561

09.00 – 13.00 น. จะเป็นการบรรยายถึงด้านเทคนิคในหัวข้อ
– ความเป็นมาและวิวัฒนาการของเครื่องยนต์สูบคู่ 650 รวมถึงเรื่องราวการออกแบบและการพัฒนา
– แรงบันดาลใจของอุปกรณ์การขับขี่และอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งทาง Royal Enfield ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ แม้กระทั่ง Accessories เช่น กระเป๋าที่เอาไว้เป็นอุปกรณ์เสริมติดข้างรถ เสื้อผ้า ถุงมือ หรือแม้กระทั่งหมวก ทาง Royal Enfield ใส่ใจมากครับ ถึงกับจ้างนักออกแบบเลยทีเดียว

จากนั้นเวลา 13.00 – 14.30 น. เดินไปรับประทานอาหารกลางวันใกล้ๆกับโรงแรมเลยครับชื่อร้าน IDEAL BAR & CAFE อาหารที่ทานจะเป็นแนว Buffet (เดินไปตักเอง) อาหารที่ทานจะเน้นไก่ ขนมปัง และผลไม้ และที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีให้กินตลอดการรับประทานอาหารเลยครับ

จากนั้นเวลา 14.30 – 16.00 น. ฟังการบรรยายด้านเทคนิค รอบที่ 2 เสร็จจากนั้นแล้วยังพอมีเวลาอีก 2 ชั่วโมง เลยได้นัดรวมตัวกับพี่ๆผู้สื่อข่าวสำนักอื่นๆไปเดินชมเมือง Santa Cruz กันครับ

หลังจากนั้นเวลา 18.00 น. ออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว Royal Enfield Interceptor INT 650 และ Continental GT 650 อย่างเป็นทางการพร้อมกับเปิดราคาด้วยครับ ซึ่งราคาที่เปิดตัวนั้นเป็นที่น่าสนใจอย่างมากครับ

Interceptor INT 650 โดยวางราคาเริ่มต้นที่ $5,799 USD หรือประมาณ 188,000 บาท และมีด้วยกันทั้งหมดสามโมเดล แบ่งแยกออกตามชุดสีของตัวรถครับ โดยราคาเริ่มต้นไปจนถึงราคาตัว Top นั้น ต่างกันแค่เรื่องของสีครับ สีตัวเริ่มต้นคือสี น้ำตาลออกส้ม และตัวท๊อป คือสีโครเมี่ยมครับ

Continental GT 650 วางราคาเริ่มต้นที่ $5,999 USD หรือประมาณ 195,000 บาท และเหมือนกันครับ ราคาต่างกันที่สี

ซึ่งราคาที่กล่าวไปข้างต้นนี้เป็นราคาที่เปิดตัวที่ตลาด USA นะครับ อาจจะนำมาเทียบกับตลาดบ้านเราไม่ได้ แต่หลังจากที่คุยกับพี่สำนักข่าวต่างๆของประเทศไทยแล้วราคาน่าจะอยู่ที่ 230,000 – 250,000 บาท

หลังจากนั้นรับประทานอาหารเย็นแบบค็อกเทล และเหมือนเช่นเคยครับเป็นแบบ Buffet

หลังจากนั้นเวลา 22.00 น. เดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พักที่จริงแล้วเราต้องกลับก่อนครับ เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนไม่ไหวจริงเพราะต้องอดนอนกันทั้งวันเพื่อปรับตัว เวลาที่เมือง Santa Cruz ต่างจากบ้านเราโดยประมาณ 11 ชั่วโมงครับ อาจจะต้องมีการปรับสภาพร่างกายกันเล็กน้อย

ยังมีอีกเรื่องของการแบ่งว่าวันที่ 1 ใครขับตัวไหน และวันที่ 2 ใครขับตัวไหนเค้าใช้วิธีจับฉลากครับ ซึ่งทางทีมงาน 9Carthai ได้ขับ Interceptor INT 650 ในวันที่ 1 และวันที่ 2 ขับ Continental GT 650

สื่อไทยเราไปกัน 7 สื่อครับ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ขับแยกกัน ซึ่งเส้นทางการขับขี่ของแต่ละรุ่นนั้นจะแตกต่างกัน

Interceptor INT 650 จะเน้นเข้าป่าธรรมชาติชมวิวทิวทัศน์ สวยๆ

แต่ Continental GT 650 จะเน้นทางโค้ง และทางตรงเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะแนวรถเป็นทรง Cafe ซึ่งทางทีมงาน 9Carthai ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่

เส้นทางการขับ Royal Enfield Interceptor INT 650

เส้นทางการขับ Royal Enfield Continental GT 650

เช้าวันพุธที่ 26 กันยายน 2561 – วันขับขี่วันแรก
เช้านี้ตื่นมาด้วยความตื่นเต้นครับมวลท้องไปหมดเพราะนอนคิดทั้งคืนว่าเราต้องขับขวานะ ซึ่งทางทีมงานได้คุยกับคนดูแลแล้วว่าพอมีเทคนิคการขับรถต่างแดดบ้างไหม (บ้านผมขับรถทางซ้าย) ซึ่งผมได้ขอคิดดีๆมาว่า ระหว่างการขับอยู่นั้นทุกครั้งที่จะเข้าโค้งให้ท่องในใจเสมอว่า ขับขวานะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นต้องชิดขวา จะจอดต้องจอดชิดขวา นี้ละครับเทคนิค

เรามาดูภาพรวม Interceptor INT 650 ก่อนครับ

07.00 น. เรารับประทานอาหารเช้าครับ วัฒนธรรมที่อเมริการนั้นจะมีสิ่งที่ต้องทำหลังจากเช็คบิลแล้วคือการให้ทิปแก่พนักงาน ซึ่งทางคุณ Sarut ผู้ดูแลเราบอกไว้ว่า เวลาเรากินเสร็จแล้วให้เขียนเลขห้องลงไปและเขียนว่าให้ทิปกี่ % ของค่าอาหาร เช่น ราคาอาหาร 100 บาท เราให้ทิป 15% ของอาหาร นั้นแสดงว่า เราให้ทิปพนักงาน 15 บาท เป็นต้น ผมใช้วิธีลงไปกินพร้อมพี่ๆนักข่าวทุกคนครับจะได้ไม่ต้องเขียน

จากนั้นเวลา 10.00 น. รวมตัวเตรียมออกไปขับ Interceptor INT 650 ตัวผมเองเสื้อผ้าจัดเต็มมาก เอาของที่ขับอยู่ที่เมืองไทยไปเลยเช่น เสื้อยีน กางเกงยีน หมวกกันน็อค ถุงมือ เสื้อผมใส่ถึง 3 ชั้น เพราะอากาศหนาวมากและต้องบวกกับแรงลมอีก กางเกงใส่ 2 ชั้น ข้างในเป็นแบบผ้าขายาวแบบบาง หมวกกันน็อคใส่ปกติ รวมถึงถุงมือด้วย ผมใช้ของผมเอง ผมลืมบอกไปว่าทาง Royal Enfield ให้เสื้อไว้สำหรับขับมาด้วยเป็นแบบเสื้อกันลมกันฝนหนามาก ถุงมือ และผ้าบัฟอย่างดี (แต่ผมไม่ใส่เพราะเดี่ยวไม่แท้ในแบบเรา) ซึ่งทาง Royal Enfield ไม่ว่าถ้าเราจะไม่ใส่เสื้อของเค้าครับ

เริ่มออกเดินทาง 10.30 น. ขับมอเตอร์ไซค์เลาะตามชายหาดเมือง Santa Cruz ซึ่งสวยมากๆครับ จากนั้นก็เข้าป่าชมธรรมชาติ ซึ่งก็สวยไม่แพ้กันเลย

– ระหว่างการขับผมคิดว่าตัว 500 ที่ Royal Enfield ผลิตมานั้นสั่นมาก สั่นชนิดที่ว่าเจ็บมือเลยทีเดียวเลยอยากทดสอบในจุดนี้เป็นอันดับแรง ตัว 500 สั่นตั้งแต่ความเร็ว 90 เป็นต้นไป แต่ว่า Interceptor INT 650 ความเร็ว 100 กม./ชม. ก็แล้ว 120 กม./ชม. ไม่มีสั่นเลยครับ และเข้าถึงความเร็วทุกช่วงได้อย่างง่ายดาย เหมือนกำลังขับ เครื่องยนต์ 4 สูบเลยครับมันนิ่มมาก

– ในการขับนั้นจะมีผู้ดูแลเราอยู่ 3 คนขับ คือ ขับนำหน้า 1 คน ตรงกลาง 1 คน และปิดท้าย 1 คน ซึ่งกลุ่มที่ขับนำหน้านั้นขับกันเร็วมากๆครับ 140-160 กม./ชม. ซึ่งผมนั้นอยู่ในกลุ่มตรงกลาง ใช้ความเร็วประมาณ 100 – 120 กม./ชม. ส่วนกลุ่มปิดท้ายนั้น 60 – 80 กม./ชม.

ระหว่างการขับนั้นในจุดสวยๆแต่ละจุดจะมีทีมงาน Royal Enfield ถ่ายรูปให้ครับ โดยจะจอดรอให้ขับไปทีละ 1 คันเลย

12.00 – 14.00 น. เราพักทานอาหารกลางวันกันที่บนป่าเลยครับ มีร้านอาหารอยู่ใจกลางป่าเลย แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งครับ ฝั่งของผู้ขับ Interceptor INT 650 และฝั่งของผู้ขับ Continental GT 650  อาหารเป็นแฮมเบอร์เกอร์ และมันฝรั่ง ครับ

14.30 – 15.00 น.
– หยุดแวะพักดื่มกาแฟก่อนกลับที่พัก ซึ่งกาแฟที่เมือง Santa Cruz รสชาติดีมากครับ

เสร็จหลังจากนี้เราขับกลับโรงแรมครับ ชึ่งอากาศที่เมือง Santa Cruz จะแปลกมากครับที่โรงแรมอากาศหนาวมาก แต่พอเข้ามาในป่ากลับกลายเป็นอากาศร้อนครับ ซึ่งแปลกมากจริงๆครับ

กลับถึงโรงแรม 18.00 น. ทำธุระส่วนตัวเสร็จ 18.30 น. รวมตัวกันที่ล็อบบี้โรงแรมเพื่อเดินทางไปสถานที่รับประทานอาหารเย็น หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว

ทางทีมงานมีการแนะนำและรับฟังและชม เรื่องราวของรถคัสตอมไบค์ของรอยัล เอนฟิลด์ 21.00 น. กลับที่พักก่อนเพราะเราเหนื่อยมากครับ

มาดูสรุปหลังจากที่เทส Royal Enfield Interceptor INT 650 กันครับ
– INT 650 ได้รับแรงบัลดาลใจมากจากรถยุค 60 ซึ่งทำให้ได้รับความรู้สึกแบบคลาสสิคอย่างมาก ในส่วนนี้ตอบโจทย์คนที่มองหามอเตอร์ไซค์คลาสสิคขนาดกลาง และคงความเป็นโรดสเตอร์ (Roadster) อย่างแท้จริง

– เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ 2 สูบ Parallel Twin 8 วาล์ว SOHC ระบบระบายความร้อน ด้วยอากาศและออยล์คูลเลอร์ ให้กำลังเครื่องยนต์อยู่ที่ 648 ซีซี กระบอกสูบ และ ระยะชักอยู่ที่ 78 x 67.8 มม. กำลังอัดเครื่องยนต์ 9.5 : 1 ให้กำลังสูงสุดถึง 47 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 52 นิวตัน-เมตร ระบบการจ่ายน้ำมันเป็นแบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ ระบบเกียร์ 6 สปีด ชุดคลัทซ์แบบ Slip / Assist ชึ่งเวลาเชนเกียร์ หรือ engine brake นั้นแทบไม่มีเลยต้องใช้เบรกหน้าหลังช่วยอย่างมากในการเบรก และสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า ไม่มีสตาร์ทเท้า

มิติตัวรถ
-ยาว/กว้าง/สูง : 2,122/789/1,165 มม.
-ระยะห่างฐานล้อ : 1360 มม.
-ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 804 มม.
-ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 174 มม.
-ถังน้ำมัน : 13.7 ลิตร
-น้ำหนักตัวรถ : 202 กิโลกรัม

วงล้อ/ยาง
– ด้านหน้า เป็นซี่ลวดอะลูมิเนียมขนาด 2.50 X 18 นิ้ว ยางขนาด 100/90-18
– ด้านหลัง เป็นซี่ลวดอะลูมิเนียมขนาด 3.50 X 18 นิ้ว ยางขนาด 130/70-18

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า ช็อคอับเทเลสโคปิคขนาด 41 มม. ระยะการทำงาน 110 มม.
– ด้านหลัง ช็อคอับคู่แบบคอยล์สปริงพร้อมกระปุกซับแท้งต์ ระยะการทำงาน 88 มม.

ระบบเบรก ยังคงใช้ของเดิมแต่เปลี่ยนขนาดจานใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
– ด้านหน้า เป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 320 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS (Anti-Lock Brakes
System)
– ด้านหลัง เป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 240 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS (Anti-Lock Brakes
System)

---

เช้าวันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน 2561 – วันขับขี่วันที่สอง
วันนี้ทางทีมงาน Royal Enfield แจ้งว่าสามารถตื่นสายได้เพราะไม่ต้องเข้าประชุมเรื่องเส้นทางแล้ว ทางทีม
งานนัด 09.30 น. ครับ ซึ่งทางผู้สื่อข่าวหลายคนตื่นตั้งแต่ 07.00 น. เพราะนอนไม่ค่อยหลับ

เราไปรวมตัวกินข้าวกันที่ร้านอาหารของทางโรงแรง กินแบบเดินทุกวันเพราะกินอย่างอื่นแทบไม่ได้เลยพวกเราจรึงมีคำ
ให้กับอาหารอเมริกาขนานแท้ว่า “อร่อยนะ แต่ไม่ถูกปากบ้านเรา” แบคอลของเค้านั้นแข็งมาก ซึ่งก็ต้องกินครับเดี่ยวไม่มีแรงไปขับมอเตอร์ไซค์

วันนี้เราได้ขับ Royal Enfield Continental GT 650 เรามาดูภาพรวมก่อนครับ

 
10.30 น. เวลาเดิมครับเตรียมตัวออกเดินทาง ตัวผมนั้นได้ประสบการณ์จากเมื่อวานแล้วว่าเสื้อที่ใส่ไปนั้นกันหนาวไม่ได้เลย วันนี้จึงหันมาใส่เสื้อของ Royal Enfield รวมถึงถุงมือด้วยครับ ซึ่งอุ่นมากสบายกว่าเมื่อวานครับ ผมโชคดีตรงที่ว่าขนาดเสื้อ ขนาดถุงมือนั้นพอดีกับตัวผมเลยครับ แต่พี่ๆบางคนนั้นได้เสื้อขนาดใหญ่มากเป็น XL size ฝรั่งเลยทีเดียว โดยก่อนออกเดินทางนั้นทางทีมงานคุณ Sarut ได้ถ่ายรูปพวกเราแยกไว้คนละ 1 รูป เพื่อเวลาช่างภาพจะแยกรูปจะได้ดูจากการแต่งตัวครับ

เส้นทางนั้นไม่ค่อยแต่ต่างจากเดินเท่าไหร่นักเพิ่มเติมคือโค้งที่มีให้เล่นแบบเยอะสุดๆ และเส้นทางธรรมชาติก็ธรรมชาติสุดๆครับ ทางแคบมากเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ แต่ก็สนุกคนละแบบครับ

จุดพักจุดแรกเราพักกันที่อุทยานความเมือง Santa Cruz ซึ่งมีต้นไม้ที่ใหญ่มากชนิดที่ว่า 10-15 คนโอบเลยที
เดียว ซึ่งไปอ่านประวัติดูแล้วต้นนี้มีอายุถึง 1500 ปีเลยทีเดียว

หลังจากนั้นเหมือนเดินครับ มีจุดที่ทางทีมงานจอดให้ถ่ายรูป [รูปที่ถ่ายต้องรอทาง Royal Enfield ส่งมาให้]

เวลาโดยประมาณ 13.00 – 14.00 น. รับประทานอาหารกลางวันครับ ซึ่งอีกเช่นเคยครับกับคำนิยามที่ว่า “อร่อยนะ แต่ไม่ค่อยถูกปากบ้านเรา”

หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จเราก็ขับกันมายังจุดที่ต้องถ่ายรูป ซึ่งจุดนี้ใช้เวลานานมากครับ เพราะมีคิวรอเราอยู่แล้ว 2 กลุ่มเลยทีเดียว เสร็จจากการถ่ายรูป ถ่าย VDO กันประมาณ 16.00 น. และขับรถกลับโรงแรมถึง 16.30 น .

ซึ่งพอมีเวลาให้เราพักร่างกายบ้าง ได้อาบน้ำแต่งตัว 18.30 น .รวมตัวกันที่ล็อบบี้โรงแรมเพื่อเดินทางไปสถานที่รับประทานอาหารเย็น

โดยร้านอาหารเย็นวันนี้สวยมากครับ มีลิฟท์แบบย้อนยุคเพื่อลงไปชั้นล่างครับเรามีรูปประกอบ หลังจากที่เรารับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการรับฟังและชม ประวัติความเป็นมาของรอยัล เอนฟิลด์ ร่วมพูดคุยกับ Gordon May นักประวัติศาสตร์ของรอยัล เอนฟิลด์

21.30 น. เดินทางกลับโรงแรมที่พักครับ โดยคืนนี้เราคุยกันว่าเราจะไม่นอนเพราะจะได้ปรับตัวเมื่อถึงบ้านเราจะได้ไม่เจ็ทแลคครับ

มาดูสรุปหลังจากที่เทส Royal Enfield
– GT 650 ยังคงคาแรคเตอร์ของวัฒนธรรมคาเฟ่ เรเซอร์ (Café Racer) ไว้อย่างดีครับ
– ใช้เครื่องยนต์ โครงรถ และอะไหล่หลายส่วนเหมือนกับ อินเตอร์เซ็ปเตอร์ ไอเอ็นที 650 แต่มอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นมอบความรู้สึก และสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

---

เช้าวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2561 เวลา 10.00 น. เช็คเอาท์โรงแรมที่พักรู้สึกใจหายเหมือนกันครับ แต่อย่างว่าละครับ “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราเสมอ” แต่มิตรภาพยังคงอยู่ตลอดไป

วันนี้ทางทีมงาน 9Carthai.com ต้องขอขอบคุณทาง Royal Enfield มา ณ ที่นี้ด้วยครับ เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมกับการเปิดตัวตำนานยุค 60 ให้กลับมาอีกครั้ง ขอบคุณครับ