GROUP TEST : TNGA Challenge Test drive สัมผัสนวัตกรรมโครงสร้างใหม่ของ TOYOTA C-HR
จากแนวคิดที่ท้าทายการพัฒนายนตรกรรมให้ดียิ่งกว่าของโตโยต้า (Ever-better Cars) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ ‘ยานพาหนะ’ แห่งความสมบูรณ์แบบ โดยโตโยต้ามุ่งเน้นพัฒนาใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ ความประณีตของการออกแบบภายนอก เพื่อดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ (Emphasized Personality) และความแข็งแกร่งของโครงสร้างภายในที่ทำงานประสานกัน เพื่อการขับขี่ที่เหนือระดับ (Core Strength) โดยนำมาผสมผสานกันและถ่ายทอดออกมาเป็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA หรือ Toyota New Global Architecture
โดยล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดกิจกรรม ‘TNGA Challenge Test drive’ ให้สื่อมวลชนได้ร่วมสัมผัสและทดสอบกับ สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ถูกนำมาใช้กับ TOYOTA C-HR บนสนาม Toyota Driving Experience Park (TDEX) บางนา กม.3
ก่อนเริ่มต้นการทดสอบจริง แน่นอนเราต้องมาเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนว่าโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA คืออะไร จึงมอบหมายให้ทาง อ.มนัส ดาวมณี ที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคของโตโยต้า เป็นผู้บรรยายรายละเอียดต่างๆ ทั้งด้านการพัฒนา คุณสมบัติ รวมถึงแนวทางในอนาคต
โครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA ถูกพัฒนาและออกแบบให้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีความแข็งแรงและมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีเยี่ยม การควบคุมบังคับรถที่แม่นยำ นุ่มนวลทุกสภาพถนน รวมถึงทัศนะวิสัยการขับขี่ที่ดีกว่า ตลอดจนรูปลักษณ์ที่สวยงาม ซึ่งโตโยต้าได้นำสถาปัตยกรรมโครงสร้างใหม่นี้มาใช้ใน Toyota C-HR เป็นรุ่นแรก และจะนำมาใช้กับรถยนต์โตโยต้ารุ่นต่อๆไปในอนาคต โดยการออกแบบโครงสร้างใหม่ดังนี้
Body rigidity เพิ่มความมั่นคงของรถจากโครงสร้างเหล็กที่แข็งแกร่ง พร้อมเพิ่มจำนวนจุดเชื่อมตัวถัง (Spot welding) ช่วยรองรับแรงบิดที่มีต่อตัวถัง เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและเกาะถนนมากยิ่งขึ้น
Low center of gravity จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ทำให้ลดการโคลงตัวของรถ รวมทั้งช่วยเรื่องการทรงตัวและการเข้าโค้งดีขึ้น
Double Wishbone Suspension ช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม (อย่างไรก็ดีระบบช่วงล่างไม่จำเป็นต้องใช้แบบปีกนกเสมอไป ทีมวิศวกรสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับรุ่นนั้นๆ ได้)
Good Handling พวงมาลัยมีการปรับอัตราทดและ ECU ใหม่ ทำให้การตอบสนอง แม่นยำมากขึ้น เพื่อให้การควบคุมรถง่ายเป็นไปอย่างมั่นใจ
STABILITY จากโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแรง ทำให้การควบคุมจากพวงมาลัยมีความแม่นยำ เกาะถนนได้ดีเยี่ยม เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ด้วยช่วงล่างอิสระแบบ Double wishbone ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่
AGILITY ความคล่องตัวในทุกจังหวะการขับขี่ และการควบคุมได้ดั่งใจ เกิดจากการที่ตัวรถถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้การขับขี่ ที่สนุกมากขึ้น และสามารถขับลัดเลาะไปตามซอกซอยได้อย่างคล่องตัว
VISIBILITY จากการออกแบบให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางของรถ พร้อมเพิ่มทัศนวิสัย และการลดจุดอับสายตาภายในห้องโดยสาร ด้วยการปรับกระจกด้านหน้าคนขับให้กว้างขึ้น และลดขนาดเสา เอ (A Pillar) ทั้ง 2 ด้านให้แคบลง ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถมองวัตถุในมุมอับได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
COMFORT โครงสร้างรูปแบบใหม่และช่วงล่างที่อิสระ สามารถลดแรงกระแทกจากพื้นถนนสู่ผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความความนุ่มนวลทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่เมื่อยล้าในการขับขี่ เพลิดเพลินในทุกการเดินทาง
หลังจากทำความเข้าใจก็ได้เวลาสัมผัสจริงบนสนาม ที่มีการจำลองสถานการณ์ต่างๆ เป็นจุดทดสอบ ซึ่งผู้ขับรถสามารถเจอได้บนท้องถนนในชีวิตประจำวัน โดยทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
จุดทดสอบที่ 1 การทดสอบประสิทธิภาพการเลี้ยวในที่แคบ (วงเลี้ยวแคบสุดที่ 5.2 เมตร) และทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ (Visibility) ในจุดอับสายตา บริเวณมุมด้านหน้าฝากระโปรงและกระจกมองข้าง กับเสาเอ (A Pillar) ทำให้สามารถเห็นอุปสรรคด้านหน้า และด้านข้างได้อย่างชัดเจน
จุดทดสอบที่ 2 การทดสอบความคล่องตัว (Agility) ผ่านการขับแบบสลาลม (Slalom) และการหักหลบฉุกเฉิน การตอบสนองของพวงมาลัย ร่วมกับโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ผสานกับช่วงล่างอิสระแบบ Double wishbone ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เกาะถนน และทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม
จุดทดสอบที่ 3 การทดสอบความมั่นคง (Stability) ด้วยการขับในรูปแบบโค้งกว้าง ด้วยจุดศูนย์ถ่วง (Center of Gravity) ที่ต่ำลง ซึ่งมาจากการออกแบบชิ้นส่วนให้ต่ำลง เช่น เครื่องยนต์และเกียร์ ส่งผลให้ตัวรถนิ่ง มีเสถียรภาพ ไม่เหวี่ยงหรือโคลง แม้เข้าโค้งในความเร็วสูง ทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่
จุดทดสอบที่ 4 การทดสอบความนุ่มนวลในการขับขี่ (Comfort) ผ่านการจำลองสถานการณ์ในการขับขี่ เช่น คอสะพานที่มีความชัน ผิวทางขรุขระ และลูกระนาด ด้วยการออกแบบช่วงล่างอิสระแบบ Double wishbone จึงทำเพิ่มความนุ่มนวลและดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนนกับผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับกิจกรรม TNGA Challenge Test drive ครั้งนี้ นับว่าถ่ายทอดนวัตกรรมสู่ยานยนต์รุ่นใหม่อย่าง TOYOTA C-HR ออกมาให้สัมผัสอย่างเด่นชัด โดยโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA-Toyota New Global Architecture ถือเป็นการยกระดับของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของโตโยต้าเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบทุกการเคลื่อนไหว ผสานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้แก่ ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 (4th Generation Hybrid) มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense หรือ TSS) และระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว (Toyota T-Connect Telematics)
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Group Test : TNGA Challenge Test drive สัมผัสนวัตกรรมโครงสร้างใหม่ของ TOYOTA C-HR "