ปิดตลาด! Honda Civic Type R Limited Edition ขายหมดเกลี้ยง

ปิดตลาด! Honda Civic Type R Limited Edition ขายหมดเกลี้ยง

อะไรมันจะฮอตฮิตขนาดนั้น เปิดขายแค่ไม่ถึงครึ่งปี Honda Civic Type R รุ่นพิเศษ Limited Edition ก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากยังจำกันได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่าน Honda Civic Type R Limited Edition ได้สร้างปรากฏการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยการทำสถิติถูกจองหมดโควต้า 100 คัน ภายใน 4 นาที สำหรับประเทศแคนาดา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยหากจะบอกว่าตอนนี้แฮทช์แบ็คสมรรถนะสูงรุ่นพิเศษนี้ถูกขายจนหมดไลน์การผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับ Honda Civic Type R Limited Edition รุ่นที่เบาที่สุดของตระกูล Type R ผลิตมาเพียง 700 คันเท่านั้น โดยจะมีจำหน่ายในสหรัฐฯ จำนวน 600 คัน ส่วนอีก 100 คันที่เหลือจะถูกวางจำหน่ายในยุโรป

ทั้งนี้ Honda Civic Type R Limited Edition นั้น จะมาพร้อมกับสีตัวถังสีพิเศษ Phoenix Yellow โดยจะแบ่งเกรดออกเป็น 2 สเปค

สำหรับสเปคอเมริกานั้น จะมาพร้อมกับน้ำหนักตัวที่ลดลงไป 20.9 กก. (เทียบกับรุ่นมาตรฐาน) ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนมาใช้ล้อแม็ก Forged ของ BBS รวมไปถึงชิ้นสิ้นอื่นๆ ที่ตัดทอนน้ำหนักตัวถังลงไป

ส่วนสเปคยุโรปนั้นจะมีน้ำหนักที่เบากกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 103 กก. แถมยังมีเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้อีกด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากแฮทช์แบ็คสมรรถนะสูงรุ่นอื่นๆ ที่มีขายในยุโรปอย่าง Renault Megane RS Trophy R แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสเปคยุโรปจะถูกตัดถอนในส่วนของระบบอินโฟเทนเมนท์รุ่นใหม่ และระบบปรับอากาศฮีตเตอร์ออก

สำหรับดีไซน์ภายนอกก็ได้รับการปรับเปลี่ยนชุดแอร์โรพาร์ทใหม่ในบางส่วน เพื่อให้แหวกอากาศ และสร้าง Aerodynamic ที่ดีขึ้น รวมไปถึงการปรับปรุงในส่วนของระบบช่วงล่างใหม่ทั้งหมด และปรับจูนในส่วนของระบบบังคับเลี้ยวใหม่ เพื่อการตอบสนองในการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น ซึ่งทาง Honda ระบุว่า Honda Civic Type R Limited Edition จะเป็นรถแฮทช์แบ็คขับหน้าที่ดีที่สุดที่เคยมีมา

ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการปรับแต่งใหม่ ให้มีความสปอร์ต และเพิ่มความพิเศษมากขึ้น ด้วยชุดเบาะนั่งแบบ Bucket Seat สีแดง-ดำ, วัสดุภายในตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์, โลโก้ H แดงบนพวงมาลัย, แต่งเติมเส้นสายสีแดงบริเวณคอนโซลหน้า และแพงประตู ที่สำคัญ Honda Civic Type R Limited Edition ทุกคันจะมาพร้อมกับแพลตนัมเบอร์ระบุอยู่ว่ารถที่คุณขับเป็นคันที่เท่าไหร่ใน 700 คัน บ่งบอกความเป็นรุ่น Limited Edition อย่างแท้จริง

ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์ไม่มีการปรับแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด ยังคงใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร Turbo หัวฉีด Direct Injection วาล์วแปรผัน VTEC ให้สมรรถนะสูงสุด 320 แรงม้า (PS) แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อม Limited-Slip Differential ที่ด้านหลังเหมือนเช่นเคย