Interview : Mr.Siddhartha Lal : CEO Royal Enfield
“มั่นใจตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเมืองไทยโตต่อเนื่อง พร้อมเดินเครื่องโรงงานประกอบที่ฉะเชิงเทรา”
รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก ประกาศก่อตั้งบริษัทลูกอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันนี้ ซึ่งนับเป็นบริษัทลูกแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ตอบรับต่อความต้องการที่ท่วมท้นในรถมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกย้อนยุคของชาวไทย
โดยประเทศไทยจะเป็นฐานก่อตั้งโรงงานประกอบนอกประเทศอินเดียแห่งแรกของรอยัล เอนฟิลด์ ซึ่งจะเริ่มเปิดสายการผลิตในเดือนมิถุนายน 2562 โดยวันนี้ 9Carthai มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยหัวเรือใหญ่ ‘มร.สิทธัตถะ ลาล’ ประธานบริหาร รอยัล เอนฟิลด์ ซึ่งได้เปิดเผยถึงแนวทางและแผนการทำตลาดในเมืองไทยไว้อย่างน่าสนใจ
“นับตั้งแต่เราเริ่มจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สัมผัสถึงความรักจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในไทย ลูกค้าของเราในประเทศไทยได้พบว่ารถมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของเรามีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขับขี่ทางไกลบนถนนไฮเวย์ และยังสมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง”
การตัดสินใจเปิดโรงงานประกอบในไทย
“ซึ่งจากการเติบโตที่ดีในประเทศไทย ทำให้แบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ มีความมั่นใจและมีความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทพลังของเรา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยตัดสินใจมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ของเราในประเทศไทย ซึ่งเป็นนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศอินเดีย โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชิพท์อย่าง ‘ยูไนเต็ด ออโต้’ ซึ่งมีศักยภาพและความพร้อมในการประกอบ
รวมถึงเรายังให้ความมั่นใจโดยส่งพนักจากโรงงานในอินเดียมาช่วยให้ความรู้และควบคุมคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานของเรา ซึ่งเป็นทีมที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว โดยโรงงานประกอบในประเทศไทยนี้ ตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นับเป็นโรงงานแห่งแรกของรอยัล เอนฟิลด์ ที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ซึ่งเดิมมีอยู่ 3 แห่ง”
การตั้งโรงงานประกอบในไทยจะมีผลต่อการปรับราคาหรือไม่
“โดยแผนงานของสำหรับโรงงานประกอบในไทย หลังจาก 12 เดือนที่เราทำการประกอบแบบ CKD ไปแล้ว เราก็จะเริ่มทยอยประกอบทุกรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ตอนนี้ รวมทั้งอยากย้ำในเรื่องของราคา เพราะหลายคนอาจคาดหวังว่าการตั้งโรงงานในไทยราคาแต่ละรุ่นจะต่ำลงอีก ซึ่งจริงๆ เมื่อก่อนหน้า 3 ปี ตั้งแต่เราเข้ามาทำตลาดในไทย ได้วางแผนจะมี CKD จึงเซ็ตราคาไว้อย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“นอกจากนี้เราได้เล็งเห็นถึงการส่งออกมอเตอร์ไซค์ที่ประกอบจากโรงงานในไทยไปยังประเทศอื่นๆ ในเขตอาเซียน ซึ่งอนาคตก็มีโอกาสเป็นไปได้เหมือนกัน อย่างไรก็ดีเราต้องทำการศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดในด้านนี้ให้รอบด้านก่อน แต่ช่วงเริ่มต้นนี้ขอโฟกัสไปการทำตลาดในไทยเป็นหลัก”
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดแรกๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ รอยัล เอนฟิลด์ จำหน่ายอินเตอร์เซปเตอร์ 650 (Interceptor 650) และคอนติเนนทัล จีที 650 (Continental GT 650) ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานเครื่องยนต์สูบคู่เรียงรุ่นใหม่ นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2561 รถมอเตอร์ไซค์สูบคู่มียอดจองแล้วกว่า 700 คันในประเทศไทย โดยทำการส่งมอบไปแล้วกว่า 100 คัน
รถมอเตอร์ไซค์สูบคู่ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากมรดกความสำเร็จของรอยัล เอนฟิลด์ และได้รับการพัฒนาให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่อย่างแท้จริงคือการเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงที่จำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน รถมอเตอร์ไซค์สูบคู่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดภายใต้ความร่วมมือ ระหว่างทีมนักพัฒนาในศูนย์เทคโนโลยีของรอยัล เอนฟิลด์ ทั้งในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย และเมืองบรันติงธอร์ป (Bruntingthorpe) ในสหราชอาณาจักร”
เป้าหมายในอนาคตกับการทำตลาดในไทย
“เราคาดหวังว่าในอนาคตจะเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง ขนาดกลางในที่นี้หมายถึงเครื่องยนต์ 250-700 ซีซี ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาตลาดมอเตอร์ไซค์ทุกประเภทในไทยมียอดจำหน่ายสูงถึง 1.5 คัน และแบ่งเป็นขนาดกลางมียอดรวมถึง 15,000 คัน ทำให้เรามองตรงนี้ว่ายังมีศักยภาพที่จะโตขึ้นได้อีกในอนาคต ซึ่งในปีที่ผ่านมาแบรนด์ของเรามียอดจำหน่ายถึง 1,400 คัน แบ่งเป็น Twin ถึง 700 คัน รวมถึงยังได้มีการนำรุ่นใหม่ๆ อย่าง Himalayan มาจำหน่าย เพื่อช่วยให้กลุ่มผู้สนใจมีทางเลือกมากขึ้น”
เสริมศักยภาพรองรับกลุ่มลูกค้า
รอยัล เอนฟิลด์ ไม่เพียงการลุยตลาดในไทยด้วยการเปิดโรงงานประกอบเท่านั้น แต่เรายังมีแผนการเชิงรุกอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มโชว์รูมแบบสแตนด์อโลนซึ่งตอนนี้อยู่ 3 แห่ง คือทองหล่อ วิภาวดี และเชียงใหม่ ซึ่งจะขยายเพิ่มอีก 12 แห่งให้ครบ 15 แห่งภายใน 1 ปีข้างหน้า โดยเราเล็งไว้ที่ภูเก็ต พัทยา กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเพิ่มศูนย์บริการหลังการขายซึ่งเป็นศูนย์เซอร์วิสล้วนๆ จาก 10 แห่งเป็น 25 แห่ง ภายในเดือนมีนาคม 2563 แผนการขยายธุรกิจดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการของรอยัล เอนฟิลด์ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น”
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทย
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทยเหมือนกับที่อินเดีย เรามองไปที่เหตุผล 2 ประการ อย่างแรก คือเรามีคาแร็คเตอร์และมีความเป็นมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสิกที่ชัดเจน แตกต่างจากแบรนด์มอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นที่เป็นสปอร์ตเตอร์หรือใช้เครื่องยนต์พิกัดเล็ก 100 ซีซี ไปเลย จุดนี้จึงทำให้เรามีตัวตนและสไตล์ที่แตกต่าง อีกทั้งยังให้สมรรถนะการขี่เร้าใจตั้งแต่รอบเครื่องต่ำ 3,000-4,000 รอบ ก็สนุกได้แล้ว”
“ประการที่สองคือการวางตำแหน่งของตัวเอง เราคิดว่าในประเทศไทยมีมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ซีซีต่ำเป็นล้านๆ คัน แต่ถ้าลูกค้าเพิ่มเงินอีกไม่มากก็สามารถซื้อรอยัล เอนฟิลด์ ได้แล้ว เรียกว่าเราตั้งราคาไว้ให้ผู้ที่ชื่นชอบสามารถเป็นเจ้าของจับต้องได้ในราคาที่เหมาะสม ที่สำคัญมอเตอร์ไซค์ของเรายังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกขึ้นมาได้อีกตั้งเยอะ รวมถึงคนไทยเองมีวัฒนธรรมชอบขับขี่มอเตอร์ไซค์มีการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในชีวิตประจำวันหรืออกทริป ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรานั้นตอบโจทย์ จะใช้งานในเมืองก็ได้หรือเดินทางชิลๆ ต่างจังหวัดก็สะดวก”
“ประเทศไทยกลายเป็นบ้านหลังที่ 3 ของรอยัล เอนฟิลด์นอกเหนือจากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ และต่อมาในประเทศอินเดีย ความสำเร็จเริ่มแรกหลังจากเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สูบคู่ในประเทศไทยพิสูจน์ให้เห็นว่ารอยัล เอนฟิลด์ เดินมาถูกทางแล้วในการทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง” มร.สิทธัตถะ กล่าวเพิ่มเติม
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Interview : Mr.Siddhartha Lal : CEO Royal Enfield “มั่นใจตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเมืองไทยโตต่อเนื่อง พร้อมเดินเครื่องโรงงานประกอบที่ฉะเชิงเทรา” "