อีซูซุเพิ่มความท้าทายในการเดินทางครั้งใหม่ด้วยน้ำมัน 1 ถัง กับเส้นทางที่ทั้งยาวและไกลกว่าทุกครั้ง ในคาราวานท่องเที่ยวประหยัดน้ำมัน “อีซูซุอินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู” กระบี่ – ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 1,312 กม. ด้วยความเชื่อมั่นในสมรรถนะความประหยัดน้ำมันของ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ “อีซูซุอินไซท์” และผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง ที่จะร่วมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของการใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่าเพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันแพงตามสภาพการใช้งานจริงบนท้องถนนจาก จ. กระบี่ ประเทศไทย จรดปลายแหลมมลายู ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซียท่ามกลางสักขีพยานมากมาย
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้นำด้านการจัดกิจกรรมการขับรถอย่างประหยัดน้ำมันในรูปแบบต่างๆ ทั้งเส้นทางในประเทศ เส้นทางระหว่างประเทศ และเส้นทางในต่างประเทศติดต่อกันมาถึง 15 ปี ด้วยความต้องการรณรงค์ให้ผู้ใช้รถชาวไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ “น้ำมัน” อย่างคุ้มค่า เพราะนอกจากการใช้รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ที่มีสมรรถนะความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังมี “อีซูซุอินไซท์” เทคโนโลยีสุดอัจฉริยะครั้งแรกในวงการรถยนต์เมืองไทยที่มีเฉพาะในอีซูซุเท่านั้นซึ่งช่วยพัฒนาพฤติกรรมการขับขี่ให้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยล่าสุดอีซูซุเพิ่มความท้าทายไปอีกขั้นด้วยระยะทางที่ยาวกว่าทุกครั้ง ไกลที่สุดเท่าที่เคยจัดมา นั่นคือ คาราวานท่องเที่ยวประหยัดน้ำมัน “อีซูซุอินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู” กระบี่ – ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 1,312 กม.
เส้นทางเริ่มต้นที่จังหวัดกระบี่ จุดหมายคือ สุดปลายแหลมมลายู ณ จัตุรัสหอนาฬิกา เมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งห่างจากประเทศสิงคโปร์เพียงแค่ข้ามสะพาน โดยยังคงเอกลักษณ์ของการพิสูจน์ความประหยัดน้ำมันในแบบฉบับของอีซูซุ นั่นคือ ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง และรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” รวมทั้งสิ้น 8 คัน ครบรุ่น ครบเครื่องยนต์ ครบทุกระบบขับเคลื่อน ซึ่งรถทุกคันล้วนเป็นรถมาตรฐานโรงงาน ขับบนเส้นทางจริง เปิดแอร์ตลอดเส้นทาง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90 กม./ชม. แบบเดียวกับการขับในชีวิตประจำวัน และจะใช้น้ำมันเพียง 1 ถังเท่านั้น ซึ่งฝาของถังน้ำมันที่เติมเต็มแล้วจะถูกซีลปิดด้วยสติ๊กเกอร์พิเศษที่มีลายเซ็นจากคณะกรรมการกำกับตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทางและจะไม่ได้รับการเปิดออกจนกว่าจะถึงที่หมาย โดยมีคณาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ และสื่อมวลชนเป็นสักขีพยานและร่วมเดินทางตลอดเส้นทาง ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 3 วัน ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2556 โดยแบ่งออกดังนี้
ช่วงที่ 1 : กระบี่-อาลอร์ เซตาร์ ระยะทาง 521 กม. เริ่มต้นด้วยการเติมน้ำมันให้เต็ม 1 ถังและ ซีลปิดฝาถังน้ำมันท่ามกลางสักขีพยาน ณ โชว์รูม บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด สาขากระบี่ ก่อนขบวนจะใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสุราษฎร์ธานี พัทลุง นครศรีธรรมราช ซึ่งเส้นทางภาคใต้ของไทยนั้นขึ้นชื่อในเรื่องความคดเคี้ยว เป็นทางขึ้น-ลงเขาต่อเนื่อง ก่อนไปพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคุณใหญ่ ทุ่งสง จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลาซึ่งต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัด เพราะบ่ายวันศุกร์เป็นวันที่มีรถเข้า-ออกด่านมากเป็นพิเศษ เพื่อเดินทางสู่เมืองอาลอร์ เซตาร์ เมืองหลวงของรัฐเคดาห์ และฝ่าการจราจรที่หนาแน่นเพราะเป็นช่วงเลิกงาน จนไปจบการเดินทางวันแรกที่โรงแรมฮอลิเดย์ วิลล่า อาลอร์ เซตาร์ โดยคณะกรรมการสักขีพยานได้เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของสติ๊กเกอร์บนจุดต่างๆ ของรถ ก่อนที่จะใช้สติ๊กเกอร์พิเศษซีลปิดประตู กระจก และเก็บกุญแจรถพร้อมซีลสติกเกอร์ไว้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในรถได้อีก ซึ่งในเดินทางวันแรกมามากกว่า 500 กม. แต่พบว่าเข็มน้ำมันของรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ทั้ง 8 คันแทบจะไม่กระดิกเลย
ช่วงที่ 2 : อาลอร์ เซตาร์–ปุตราจายา ระยะทาง 470 กม. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินทางสบายๆ หลังจากคณะกรรมการสักขีพยาน ตรวจดูความเรียบร้อยและกรีดสติ๊กเกอร์ที่ประตูและกระจก เพื่ออนุญาตให้เหล่านักขับได้เข้าไปประจำที่หลังพวงมาลัยอีกครั้งในเวลาประมาณ 8.00 น. แม้ว่าวันนี้จะใช้เส้นทางไฮเวย์ที่ดูเหมือนจะตัดตรง แต่ก็เป็นทางวิ่งขึ้น-ลงเขา และมีรถเจ้าถิ่นที่ใช้เส้นทางนี้หนาแน่นเป็นบางช่วง รวมทั้งต้องฝ่าการจราจรพลุกพล่านเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันในตัวเมือง นอกจากนี้ระหว่างทางยังได้แวะที่จุดพักรถหลายต่อหลายช่วงเพื่อผ่อนคลายอิริยาบท ก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองปุตราจายา ศูนย์กลางเมืองราชการแห่งใหม่ของมาเลเซียที่ยิ่งใหญ่อลังการด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยแต่คงไว้ซึ่งศิลปะแบบมาเลเซีย ซึ่งวันนี้จบเดินทางที่โรงแรมแชงกรีล่า ปุตราจายา ซึ่งอยู่กลางใจเมืองตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการตรวจสอบสติกเกอร์ นักขับและครอบครัวได้เดินทางไปชมสถานที่ต่างๆ อาทิ มัสยิดปุตรา หรือที่รู้จักกันในนาม มัสยิดสีชมพู รวมถึงตึกรัฐสภาอีกด้วย
ช่วงที่ 3 : ปุตราจายา – ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 321 กม. ช่วงสุดท้ายของการเดินทางที่เหล่านักขับต่างขับมาด้วยความสบายใจ ด้วยปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่พร่องไปเพียงเล็กน้อย แม้ว่านักขับเกือบทุกคันจะแอบกระซิบว่าใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ตลอดหลายช่วงแล้วก็ตาม ลักษณะการเดินทางในวันนี้จะใกล้เคียงกับวันที่ 2 ด้วยใช้เส้นทางไฮเวย์ผ่านขุนเขามากมาย ก่อนจะตัดเข้าสู่เมืองยะโฮร์บาห์รู เมืองหลวงของรัฐยะโฮร์ เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างเส้นทางขบวนต้องเผชิญกับปริมาณรถจำนวนมากที่ออกเดินทางในวันอาทิตย์ อย่างไรตามขบวนคาราวานก็เดินทางถึงจุดสิ้นสุด ณ จตุรัสหอนาฬิกา เมืองยะโฮร์บาห์รู ได้ตรงตามกำหนด โดยมีคณะผู้บริหารจากอีซูซุ ได้แก่ มร.ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ และคุณปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด มารอต้อนรับความสำเร็จของคาราวาน “อีซูซุอินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู” กระบี่-ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 1,312 กม. ซึ่งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสักขีพยานพบว่า รถทั้ง 8 คันมาถึงที่หมายโดยน้ำมัน 1 ถังยังเหลือๆ อีกทั้งไฟเตือนน้ำมันหมดยังไม่ปรากฎให้เห็น ซึ่งตอกย้ำความประหยัดน้ำมันของรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการขับของผู้ขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี “อีซูซุอินไซท์”
มร.ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า “แม้ว่าคาราวานประหยัดน้ำมันของอีซูซุในปีนี้จะยาวถึง 1,312 กม. ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลสุดเท่าที่อีซูซุเคยจัดมา แต่รถทุกคันมาถึงโดยที่น้ำมันยังเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง ซึ่งแสดงว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะ “อีซูซุอินไซท์” หนึ่งเดียวของอีซูซุ ช่วยพัฒนาพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถอีซูซุทั้ง 8 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ใช้รถปิกอัพรุ่นใหม่ของเราจริงในชีวิตประจำวันและเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้น ดังนั้นในปีหน้าผมมั่นใจว่าเราสามารถที่จะเดินทางด้วยน้ำมัน 1 ถังได้ไกลกว่านี้แน่นอน”
ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ เจ้าของสมญา “เจ้าหญิงไอที” ที่เดินทางมาสมทบกับขบวนคาราวานครั้งนี้ให้ความเห็นว่า ““อีซูซุอินไซท์” เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะปัจจุบันเราควรให้กับสำคัญมากๆ เรื่องพลังงานและการประหยัดน้ำมัน “อีซูซุอินไซท์” นอกจากจะทำให้ผู้ขับขี่ได้อัพเกรดตัวเองไปกับเทคโนโลยีนี้แล้ว ยังทำให้เราทุกคนได้ใส่ใจกับการประหยัดน้ำมันด้วยค่ะ”
จากนั้นเจ้าหน้าที่อีซูซุได้ทำการดึงข้อมูลอินไซท์ของรถทั้ง 8 คันเพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ที่ส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันอันน่ามหัศจรรย์ในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การสตาร์ทเครื่องยนต์ การเหยียบคันเร่ง การใช้รอบเครื่องยนต์ การใช้ความเร็ว การเหยียบเบรก การจอดติดเครื่องอยู่กับที่ ภาพรวมของคะแนนจะแสดงในรูปแบบของกราฟใยแมงมุม แสดงคะแนนพฤติกรรมการขับขี่ที่สำคัญทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ การใช้ความเร็วและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การเหยียบคันเร่ง การใช้รอบเดินเบา การใช้เบรก และรอบเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าผู้ขับขี่สามารถพัฒนาการขับขี่ทั้ง 5 ด้านได้ดีขึ้นจนได้คะแนนอีซูซุอินไซท์เต็ม 100 คะแนนจะช่วยให้สามารถขับได้อย่างประหยัดและปลอดภัยยิ่งขึ้น และหากผู้ใช้รถสามารถนำเทคนิคการขับประหยัดน้ำมันมาใช้เป็นแนวทางขับรถในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยประเทศชาติลดการใช้พลังงานน้ำมันอย่างได้ผลอีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแห่งความสำเร็จในคาราวานประหยัดน้ำมันครั้งนี้ อีซูซุได้นำผู้ขับพร้อมครอบครัวข้ามด่านต๊วส (TOUS) ซึ่งอยู่ในเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อไปพักผ่อนและท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ โดยเข้าพักที่โรงแรมมาริน่า เบย์ แซนด์ส ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งใหม่ในเอเชียที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณริมอ่าวมาริน่า เพลิดเพลินไปกับระเบียงลอยฟ้า “แซนด์ส สกายพาร์ค” (The Sands SkyPark) สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และแหวกว่ายในสระว่ายน้ำไร้ขอบยาว 150 เมตร ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งบนที่สูงที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนชั้น 57 นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสิงคโปร์ อาทิ “สิงคโปร์ ฟลายเออร์” (Singapore Flyer) ชิงช้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มองวิวจากด้านบนจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของสิงคโปร์ และบริเวณศูนย์กลางการค้าย่านมารีน่าได้ทั่วทิศ 360 องศา แวะเวียนไปชมสวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ “Gardens by the Bay” แวะมาถ่ายรูปกับ “เมอร์ไลออน” (Merlion) สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ และ “โรงละครเอสพลานาด” (Esplanade) หรือ ตึกทุเรียน ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของประเทศสิงคโปร์ ก่อนปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้งบนถนนออชาร์ต
ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง 8 ท่านที่มาจากหลายหลายอาชีพ สามารถพัฒนาการขับขี่ให้ประหยัดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ “อีซูซุอินไซท์” ที่ติดตั้งในรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” จนได้เป็นสุดยอดนักขับประหยัดน้ำมันที่มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์การประหยัดน้ำมันบนเส้นทางไกลสุดถึง 1,312 กม. ได้เผยความรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและเทคนิคการขับส่วนตัวไว้ดังนี้
รถหมายเลข 01 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” วี-ครอส 4 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ที่แม้จะเป็นรถที่ดูเหมือนขับให้ประหยัดน้ำมันได้ยากที่สุดในรถทั้ง 8 คันนั้น แต่ผู้ขับ คุณชนะ แสงโพธิ์แก้ว เจ้าของกิจการค้าส่งในกรุงเทพฯ กลับเป็นคนเดียวที่ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ถึง 100 คะแนนเต็ม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.29 (กม./ลิตร)
“ผมเป็นลูกค้าอีซูซุมาตั้งแต่รุ่นมังกรทองจนมาถึง “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ทำให้ได้รู้จัก “อีซูซุอินไซท์” อย่างจริงจัง ซึ่งช่วยให้เราได้เรียนรู้การใช้รถอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมการขับรถที่จะก่อให้เกิดการสิ้นเปลือง สำหรับการเดินทางครั้งนี้ยอมรับว่าช่วงแรกยังกังวล เพราะระยะทางไกลกว่าทุกทริป แถมยังเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์ออโตเมติกอีกเลยเกรงว่าจะไปไม่ถึง แต่พอผ่านช่วงแรกดูเกจ์น้ำมันไม่ขยับก็เริ่มใจชื้น พอช่วงที่ 2 ขยับลงมาอีกหน่อยเพราะเป็นทางเขาสูงช่วงยาว แถมยังเจอรถท้องถิ่นที่ใช้ความเร็วสูงเข้ามาแทรกขบวน ทำให้ต้องใช้สมาธิเพื่อควบคุมจังหวะในการควบคุมรถ แต่พอมาถึงจุดหมายปลายทางน้ำมันยังเหลือเกือบขีด คราวนี้โล่งใจ เราพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่า อีซูซุเป็นรถที่ดีมาก ประหยัดจริง ซึ่งเทคนิคสำคัญของผมคือ การรักษารอบเครื่อง ไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์ออโตเมติกก็ใช้ได้คล้ายๆ กัน”
รถหมายเลข 02 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ขับโดยคุณวิชัย โฆษิตานนท์ เจ้าของกิจการจำหน่ายเครื่องมือทางการเกษตร จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.92 (กม./ลิตร)
“ผมเพิ่งได้รู้จัก “อีซูซุอินไซท์” จากการที่นำรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ของผมเข้าศูนย์บริการ แล้วเขาดูดข้อมูลออกมา ผมได้ครั้งแรก 73 คะแนน ต่อมาก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมอีซูซุไดรฟ์วิ่งคลับทำให้รู้เทคนิคการขับประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ในชีวิตประจำวันผมใช้ความเร็ว 90 กม./ชม. เพราะเห็นชัดว่าช่วยให้ประหยัดจริง โดยเฉพาะขับมาถึงยะโฮร์บาห์รู น้ำมันรถผมยังเหลืออีก 1 ช่อง ทั้งๆ ที่ทางด่วนที่มาเลเซียรถเยอะ ทางขึ้นเขาก็เยอะ เห็นความประหยัดน้ำมันแบบนี้ผมมั่นใจมากครับว่าถ้าปล่อยให้ผมขับอย่างนี้ไปเรื่อยๆ วิ่งแบบรักษาความเร็วคงที่สามารถขับได้ไกลถึง 1,800 กม. ได้แน่นอนครับ”
รถหมายเลข 03 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู 2500 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ขับโดย คุณรุ่งโรจน์ เฟื่องห้อย เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง ในกรุงเทพฯ ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ 92 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.62 (กม./ลิตร)
“ปกติผมใช้รถอีซูซุเกียร์ธรรมดา พอมาขับเกียร์ออโตเมติก แม้จะสบายแต่ก็กลัวว่าจะใช้น้ำมันเยอะ จะทำให้คะแนนอินไซท์ไม่ดี โดยเฉพาะวิ่งกันเป็นคาราวาน ใช้ความเร็วกัน 90 -100 กม./ชม. หรือบางทีก็ 100 กว่า เจอทั้งฝน ทั้งเขา รถเจ้าถิ่นที่มาแทรกขบวน มาถึงแหลมมลายูได้โดยที่น้ำมันยังเหลืออีกเยอะ สุดยอดมากครับเรื่องความประหยัดน้ำมัน เดิมทีผมไม่ใช่คนที่ได้คะแนนอินไซท์ดีที่สุด แม้จะทำเรื่องประหยัดน้ำมันได้ดี แต่ผมมีจุดอ่อนตรงที่ใช้รอบเครื่องไม่สัมพันธ์กับรอบเกียร์ และมีปัญหาเรื่องเบรก ซึ่ง “อีซูซุอินไซท์” วิเคราะห์ออกมาได้ตรงจุด พอแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ก็สามารถทำคะแนนได้ดีขึ้น ประหยัดขึ้น เรื่องความเร็วไม่ใช่ปัญหา เพราะคนที่ใช้รถอีซูซุจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ถ้าขับ 90-100 กม./ชม รับรองว่าประหยัดแน่นอน หรือถ้าเกิน 100 ก็กินน้ำมันไม่เยอะครับ”
รถหมายเลข 04 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” วี-ครอส 2 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณสิทธิพันธ์ สุขโก เจ้าของกิจการขายวัสดุก่อสร้าง จังหวัดชัยนาท ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.23 (กม./ลิตร)
“ผมเคยร่วมกิจกรรมคาราวานประหยัดน้ำมันของอีซูซุเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้ยอมรับว่าไกลกว่าเดิมมาก แม้จะมั่นใจแต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ แถมระหว่างทางยังเจอฝน ทางขึ้น-ลงเขายาวต่อเนื่อง การขับ 1,312 กม. มาถึงยะโฮร์บาห์รูได้สำเร็จก็ต้องยอมรับในเรื่องสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันของอีซูซุ ขนาดรถเข้าโค้งมากๆ ก็ยังขับได้นิ่ง เกาะถนนดีมาก แม้หลายช่วงจะต้องเร่งใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. โดยเฉพาะช่วงขึ้นเขาก็ยังคงความประหยัดเหมือนเดิม และคงต้องบอกว่า “อีซูซุอินไซท์” เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะจริงๆ เพราะใบรายงานผลของอินไซท์จะบอกหมดว่าเรามีจุดอ่อนในเรื่องใด ถ้านำไปพัฒนาอย่างจริงจังก็จะช่วยให้การขับขี่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นได้จริง ความประหยัดน้ำมันของอีซูซุครั้งนี้ยิ่งทำให้ผมประทับใจมาก พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วครับ”
รถหมายเลข 05 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณธรรมนูญ ประเสริฐวัฒนากร เจ้าของกิจการผลิตถุงพลาสติก ในกรุงเทพฯ ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.33 (กม./ลิตร)
“ผมเพิ่งเปลี่ยนมาใช้อีซูซุได้เดือนกว่าๆ เองครับ ใช้ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” รุ่นไฮแลนเดอร์ 4 ประตู ใกล้เคียงกับรถรุ่น 2 ประตูที่ผมขับในคาราวานนี้ ซึ่งจากที่เราใช้ในชีวิตจริงทำให้เรามั่นใจในอัตราการประหยัดน้ำมันของอีซูซุอยู่แล้ว ยิ่งตอนได้ผลวิเคราะห์ข้อมูลอินไซท์ครั้งแรกมา ผมได้ 100 คะแนนเต็ม ทำให้เรารู้ว่าพฤติกรรมการขับของเราเหมาะสมอยู่แล้ว เพราะขับมานี่ผมก็ใช้วิธีการขับแบบที่ใช้อยู่ในชีวิตจริง แค่รักษารอบเครื่องให้ดี อย่าลากรอบสูง อย่าเบรกกะทันหัน แม้ว่าความเร็วที่ผมใช้จะค่อนข้างสูง นอกจาก 90-100 กม./ชม. แล้ว บางช่วงก็สูงถึง 120-130 ซึ่งความสำเร็จของการเดินทางมาถึง 1,312 กม. โดยน้ำมัน 1 ถังยังไม่หมด นับเป็นความประหยัดแตกต่างจากยี่ห้ออื่น หากถามเคล็ดลับของผม ก็ง่ายๆ เลยครับ ทุกคนทำได้ แค่เลือกใช้อีซูซุ”
รถหมายเลข 06 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู 2500 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณอาคม มหิธิธรรมธร เจ้าของกิจการรับซ่อมจักรยานยนต์ กรุงเทพฯ ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ 92 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.38 (กม./ลิตร)
“ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้อีซูซุมานานแล้วครับ ไม่ได้ใช้แค่ปิกอัพ แต่มีสิบล้อด้วย ยิ่งจับฉลากได้ขับรถรุ่นเดียวกับที่ใช้อยู่ยิ่งดีใจ เพราะเรื่องประหยัดน้ำมันของอีซูซุต้องบอกว่าไม่ได้โม้ พิสูจน์กันมาแล้ว แต่คราวนี้ผมได้ 92 คะแนน คงเพราะเกร็ง (หัวเราะ) ตอนนี้รถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ของผมที่ใช้อยู่ก็วิ่งมาได้ 30,000 – 40,000 กม. แล้ว เวลาดูดข้อมูลอินไซท์มาก็ได้คะแนนดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่ผมจะพลาดเรื่องคันเร่ง เพราะชอบเผลอเท้าหนัก พอมาปรับปรุงตามคำแนะนำ โดยเหยียบคันเร่งเบาๆ ขับแบบใจเย็นๆ ใช้ความเร็ว 90-100 กม./ชม. แบบที่ใช้วิ่งในคาราวานครั้งนี้เรียกได้ว่ากำลังดี ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันสุดๆ อย่างที่เห็น เทคนิคสำคัญอีกอย่างคือ ใช้ความเร็วกับเกียร์ต้องสัมพันธ์กัน ความเร็วสูงใช้เกียร์สูง ความเร็วต่ำใช้เกียร์ต่ำ หากขับด้วยความเร็วคงที่จะช่วยได้เยอะ”
รถหมายเลข 07 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” สเปซเค็บ 2500 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณศุภลักษณ์ คุณล้าน อาจารย์โรงเรียนเอกชน กรุงเทพฯ นักขับหญิงหนึ่งเดียวในคาราวานที่ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ถึง 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.12 (กม./ลิตร)
“เป็นครั้งแรกที่ขับรถเที่ยวไกลที่สุดในชีวิต และสนุกที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกประชาคมอีซูซุที่ทำให้กิจกรรมคาราวานประหยัดน้ำมันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากเทคโนโลยี “อีซูซุอินไซท์” ที่ทำหน้าที่เป็นตัวบันทึกพฤติกรรมการขับขี่และแนะนำแนวทางที่ส่งผลไปถึงอัตราการประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะช่วงแรกเราเป็นรถคันเดียวที่เข็มน้ำมันแทบลงเลยแม้แต่ขีดเดียว ก็ตกใจว่ามันปกติหรือเปล่า หรือมีอะไรผิดพลาด พอถึงจุดหมายปลายทางน้ำมันรถก็ยังเหลือประมาณ 45% น่าประทับใจในความประหยัดน้ำมันมาก แม้ว่าระหว่างทางจะเจอปัญหารถเจ้าถิ่นแทรกขบวนมาตลอด รถมอเตอร์ไซต์ที่ใช้ทางด่วนร่วมกับรถยนต์ คนสัญจรไปมาช่วงเข้าเมือง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายสามารถขับรถได้ดีและประหยัดน้ำมันได้เท่าเทียมกัน หลักง่ายๆ คือ เปลี่ยนเกียร์ให้เข้ากับจังหวะเครื่องยนต์และความเร็วค่ะ”
รถหมายเลข 08 : รถปิกอัพ “All new ISUZU D-MAX” สปาร์ค 2500 ดีดีไอ ขับโดย คุณอุดม ทรงศรีสวัสดิ์ เจ้าของกิจการค้าส่ง จังหวัดสมุทรปราการ ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.31 (กม./ลิตร)
“ผมมั่นใจในอีซูซุมากครับ เพราะผมเคยไปร่วมคาราวานขับประหยัดน้ำมันกับอีซูซุ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหินมาแล้ว และทำคะแนนอินไซท์ได้เต็ม 100 แต่ครั้งนี้เป็นเส้นทางต่างประเทศ ทำให้กลัวอะไรหลายๆ อย่าง เส้นทางก็ไม่ชิน ขับวันแรกเลยค่อนข้างเกร็ง แต่มา 2 วันหลังเริ่มขับสบายๆ เพราะจริงๆ ก็เหมือนกับการขับในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว ซึ่งผลที่ได้ในครั้งนี้ต้องยอมรับว่า อีซูซุประหยัดน้ำมันจริงๆ และผมว่า “อีซูซุอินไซท์” เป็นเทคโนโลยีที่ได้ผล ถ้าเราเอาคำแนะนำไปพัฒนาวิธีการขับขี่ และทำให้เป็นกิจวัตร ไม่เพียงช่วยประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ยังได้ความปลอดภัยตามมาด้วย”
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ISUZU ตอกย้ำความคุ้มค่าอัจฉริยะของ “All new ISUZU D-MAX” "