นาย โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด มียอดขายรถยนต์ทุกรุ่นถึง 73,764 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 76% ในขณะที่ตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมานั้นมีการเติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อนเช่นเดียวกัน มียอดขายรวมทั้งสิ้นสูงเกือบ 1,420,000 คัน หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 79 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงมาก สำหรับปี 2556 นี้มาสด้าคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจะยังคงร้อนแรงต่อ เนื่อง แม้ว่าปัจจัยบวกจากโครงการรถยนต์รถยนต์คันแรกจะสิ้นสุดโครงการไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยปริมาณยอดจองที่มีอยู่ในปริมาณมากจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในไตรมาสแรก และไตรมาสที่สองจะยังคงมียอดการจำหน่ายที่สูงอยู่ และในช่วงครึ่งปีหลังนั้นการแข่งขันจะเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าตลาดในปีนี้จะทะลุเกิน 1.2 ถึง 1.3 ล้านคัน
“ที่ สำคัญมาสด้าตั้งเป้าสำหรับการขายในปีนี้ไว้สูงถึง 80,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 10% โดยแบ่งสัดส่วนออกเป็นรถยนต์นั่ง 60% และรถเพื่อการพาณิชย์ 40% ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับมาสด้าในประเทศไทยที่จะเข้าใกล้ตัว เลข 100,000 คัน ในอีกไม่นานสิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใด คือ การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า การขยายเครือข่ายศูนย์บริการให้ลูกค้าสะดวกยิ่งขึ้นในการเข้าถึงและรองรับ ความต้องการทางด้านอะไหล่ การพัฒนาและยกระดับการบริการหลังการขายให้มีมาตรฐานที่สูงในระดับเดียวกัน ทั่วประเทศ รวมทั้งคุณภาพของงานบริการและการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ในปี 2556 นี้ มาสด้าเตรียมแผนขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีก 20 แห่ง ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพฯและตามต่างจังหวัด โดยในปัจจุบันนี้มาสด้ามีศูนย์จำหน่ายและบริการครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว และกำลังขยายไปยังอำเภอต่างๆ และบนถนนสายหลักสำคัญๆ ซึ่งจะทำให้มาสด้ามีโชว์รูมเพิ่มขึ้นเป็น 165 แห่ง จากปีที่ผ่านมาสามารถขยายได้ถึง 145 แห่ง” นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับ ยอดขายรถยนต์มาสด้าในปี 2555 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตลาดเริ่มคึกคักมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ภายหลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย รวมทั้งการเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อป้อนเข้าตลาด ประกอบกับความต้องรถยนต์ใหม่ของลูกค้าที่มีอยู่จำนวนมาก ท่วมกลางการความร้อนแรงของตลาด ผนวกกับแข่งขันที่เข้มข้นของทุกค่ายรถยนต์ ที่ต่างต้องช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด แต่มาสด้าก็ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้ด้วยกลยุทธ์เปิดตัวรถยนต์ รุ่นใหม่ และรุ่นปรับโฉมเข้าสู่ตลาด ทำให้สามารถคว้ายอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 73,764 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 76% โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์สปอร์ตมาสด้า2 ซึ่งยังคงสามารถครองลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่นมียอดขายสูงสุดถึง 39,577 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 43% ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ มียอดขายสูงถึง 28,433 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 225% ส่วนรถยนต์นั่งมาสด้า3 ซึ่งมีจำหน่ายทั้งรุ่น 2.0 และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มียอดขายในตลาดคอมแพ็คคาร์ที่ค่อนข้างซบเซาถึง 5,727 คัน เติบโตขึ้น 5% พร้อมกันนี้ส่วนรถในกลุ่มพรีเมี่ยมคาร์ทั้งสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 และสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง มาสด้า ซีเอ็กซ์-9 ยอดขายรวมทั้งสิ้น 27 คัน นอกจากนี้ยังมีในส่วนของยอดจองซื้อสะสมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้มาสด้ากำลังเร่งเดินหน้าส่งมอบให้กับลูกค้าต่อไป
นาง สาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ได้กล่าวว่า มาสด้ามองว่าตลาดรถยนต์ในปี 2556 นี้จะลดลงไม่มากหรือเต็มที่ก็ทรงตัว อาจจะต่ำลงกว่าปี 2555 แต่จะมียอดขายที่เติบโตกว่าปี 2554 แน่นอน โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่จะหดตัวลงเนื่องจากปีที่ผ่านมาถือเป็นปี ทองของเซ็กเม้นต์นี้ ส่วนตลาดรถปิกอัพคาดว่าจะยังคงมีการแข่งขันสูงกว่าปีที่แล้ว ที่สำคัญตลาดในแต่ละเซ็กเม้นต์จะกลับมาเป็นการแข่งขันตามกลไกตลาดที่แท้จริง โดยเน้นไปที่ความแตกต่างของตัวสินค้าเป็นหลัก รวมถึงการแข่งขันด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่บอกผ่านโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ตรง ส่วนนี้ ในปีนี้จะต้องคึกคักแน่นอน ทุกคนก็จะลงมาใช้เม็ดเงินโฆษณามากขึ้น อัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อโฆษณาในรูปใหม่ๆ ที่คาดว่าปีนี้จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งกลุ่มเคเบิ้ลทีวี กลุ่มสื่อออนไลน์ กลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์ค ตลอดจนสื่อหลักๆ ยังคงจะมีการใช้ควบคู่กันไป
สำหรับแนวโน้มและทิศทางการทำตลาด ในปีนี้นอกจากการเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ รถโฉมใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดแล้ว มาสด้ามุ่งเน้นไปที่ตัวผลิตภัณฑ์หรือโปรดักซ์ ต้องสร้างความสดใหม่อยู่ตลอดเวลาด้วยรุ่นพิเศษหรือลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายและช่วยสร้างความชัดเจนในความเป็นแบรนด์ของมาสด้าได้ อย่างแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ และที่สำคัญในปีนี้ลูกค้าจะได้สัมผัสสุดยอดของนวัตกรรมการออกแบบและ เทคโนโลยีแห่งอนาคต
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ การเติบโตอย่างก้าวหน้าด้วยคุณภาพ จะช่วยทำให้เราสามารถเดินหน้าไปอย่างมั่นคงครับ