9 เหตุผล! ที่ทำไม Mazda 3 จึงเป็นพรีเมี่ยมคาร์ที่ควรค่าแก่การครอบครอง
ประวัติศาสตร์ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะจนก่อเกิดเป็นเรื่องราวเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นจากอดีตจวบจนปัจจุบัน
เฉกเช่นเดียวกับการเดินทางมาถึงเมืองไทยครั้งแรกของเจ้า Mazda 3 ที่เข้ามาสร้างตำนานประดับวงการรถยนต์ของประเทศไทย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีรถยนต์รุ่นใดกล้าเทียบรัศมี
การเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2547 มาสด้า3 กลายเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเปิดประเด็นกันอยู่เสมอ
เมื่อรถยนต์รุ่นนี้ได้สร้างกระแสฟีเวอร์เกิดเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างถล่มทลายจนต้องรอคิวรับรถกันนานข้ามปี ก่อเกิดปรากฏการณ์ใหม่ของการจองรถสร้างความมหัศจรรย์ให้กับตลาดรถยนต์เป็นอย่างมาก
โดยเจเนอเรชั่นแรกออกวางจำหน่ายระหว่างปี พ.ศ. 2547 – 2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน
ส่วนเจนฯ 2 ปี 2554 – 2557 มียอดขาย 15,000 คัน
และเจนฯ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ปี 2557 – 2562 มียอดขายสะสมสูงถึง 32,000 คัน
ปัจจุบันก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2562 ภายใต้ตัวถังสองรูปแบบมีทั้งซีดานและฟาสท์แบคที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกันหลายๆ ด้าน
จนทำให้สามารถคว้ารางวัล Thailand Car of the Year 2019 ในปีนั้นมาครอง และชนะเลิศเวทีระดับโลกอย่าง World Car Design of the Year 2020 รวมถึงรางวัลอื่นอีกมากมายจากนานาประเทศ
เราจะมาวิเคราะห์กันว่ามาสด้า 3 มีคุณสมบัติโดดเด่นอะไรบ้างถึงเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าชาวไทย ตลอดจนการคว้ารางวัลการันตีความสำเร็จมากมายเช่นนี้
สิ่งแรกที่โดดเด่นและสะดุดตามากที่สุดของมาสด้า3 ที่ใครๆ ต่างก็เหลียวมองต้องยกให้กับการออกแบบดีไซน์ภายนอกอันสวยงาม ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ มาผสมผสานกับ “การเคลื่อนไหวที่เป็นหนึ่งเดียว” โดยรวมทิศทางของแสงและเงาที่สะท้อนลงบนตัวรถให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ด้วยการออกแบบที่แตกต่างส่งผลให้มาสด้า3 มีสองบุคลิกที่น่าดึงดูดใจ บุคลิกแรก คือ จิตวิญญาณอิสระ มุ่งมั่นที่จะทำตามความเชื่อมั่น และไม่ถูกจำกัดอยู่กับภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม
ถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบรุ่น ฟาสท์แบค ที่ให้อารมณ์สปอร์ตทรงพลังมีเสน่ห์ดึงดูดทุกสายตาและกระตุ้นความรู้สึกตื่นเต้น อีกบุคลิกหนึ่งผสมผสานศักดิ์ศรีกับแนวคิดปัจเจกชน
การยึดมั่นในสไตล์ดั้งเดิมที่ซ่อนความงามอันน่าทึ่งเมื่อแรกเห็นผ่านรูปแบบ ซีดาน หรูหราสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอก พิถีพิถันประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด
เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายที่สุดในทุกองค์ประกอบ การออกแบบโดยลดทอนองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นลงและเพิ่มการเล่นแสงที่ตกกระทบบนตัวรถ จึงทำให้ดูเรียบง่าย โฉบเฉี่ยว หรูหรา สง่างามในทุกมุมมอง สะกดทุกสายตาแก่ผู้พบเห็น จนถึงกระทั่งได้รับการตัดสินให้เป็นรถยนต์ที่มีการออกแบบยอดเยี่ยมของโลก ประจำปี 2020 หรือ World Car Design of the Year
ไม่เพียงแค่การออกแบบภายนอกที่น่าหลงใหลเท่านั้น แต่ภายในห้องโดยสารก็มีความสวยงามเรียบหรูไม่แพ้กัน
โดยมาสด้าเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพสูงที่ได้รับการคัดสรรอย่างประณีตและพิถีพิถันในทุกรายละเอียดเสมือนงานที่ทำจากมือ จึงทำให้การตกแต่งภายในดูมีชีวิตชีวาและมีความพรีเมี่ยม
อีกทั้งยังจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมและเน้นหลัก “เรียบง่ายแต่งดงาม” หรือ less is more เช่นเดียวกับภายนอก เพื่อลดความซับซ้อนและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานของห้องโดยสาร สร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจในการได้ครอบครอง
รถยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากท่วงท่าการเดินของมนุษย์ และนำมาต่อยอดเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างผู้ขับขี่กับรถตามหลักปรัชญา Jinba-Ittai เพื่อให้ตำแหน่งการขับขี่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับสรีระมากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเบาะนั่งเพื่อรองรับกระดูกเชิงกรานและรักษาแนวของกระดูกสันหลังให้เป็นรูปตัว S ตามธรรมชาติของมนุษย์
การวางตำแหน่งของแป้นเหยียบ การปรับเบาะนั่ง การบังคับพวงมาลัย รวมถึงรูปแบบคอนโซลกลาง และพนักวางแขนก็ถูกออกแบบเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง ช่วยให้สามารถปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เหมาะสมกับสรีระมากที่สุด
สิ่งสำคัญที่ทำให้มาสด้า3 สามารถครองใจใครหลายต่อหลายคนได้นั้นต้องยกให้กับกับฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ระบบเบรกที่แม่นยำ และยังมาพร้อมกับระบบการควบคุมการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถให้การเข้าโค้งและออกจากโค้งเป็นไปอย่างราบรื่นและยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
จึงช่วยลดความเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลและการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร รวมถึงเพิ่มความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าทั้งนั่งสบายและขับขี่ง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ก็ตาม
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ถูกพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ผนวกกับหัวฉีดดีไซน์ใหม่ จึงส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง แรงบิดเพิ่มขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้น
โดยให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด
ถูกออกแบบโดยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงเข้าสู่ห้องโดยสารและลดการสั่นสะเทือนให้มากยิ่งขึ้น
โดยเลือกใช้โครงสร้างผนังสองชั้น ใช้แผงหลังคาและพรมปูพื้นที่สามารถดูดซับเสียงความถี่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงใช้ยางและสปริงที่ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน
จึงทำให้ห้องโดยสารเงียบและผู้โดยสารทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทาง
เป้าหมายของการพัฒนารถยนต์ของมาสด้า คือ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด มาสด้าจึงได้เลือกใช้โครงสร้างตัวถังที่ทำจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงพิเศษ (Ultra-high-tensile steel) สามารถดูดซับและกระจายแรงกระแทกจากด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง เพื่อให้เกิดการเสียรูปของห้องโดยสารน้อยที่สุด ลดการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ การตกแต่งภายในยังใช้โครงสร้างป้องกันที่ถูกพัฒนาขึ้นตามลักษณะทางกายภาพของมนุษย์ สามารถลดการบาดเจ็บได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นวิวัฒนาการที่สำคัญด้านมาตรฐานความปลอดภัย
มาสด้า3 มอบความปลอดภัยและคุ้มค่าให้กับผู้โดยสารทุกคน ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนถนนมากมาย อาทิ
– ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (CTS)
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance
– ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC
– ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
– ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R
– พร้อมยังมีระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง
– ถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง
และระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องอีกเพียบเพื่อเสริมความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เพิ่มความสะดวกสบายตอบรับสังคมยุคดิจิทัล มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้าที่มีความละเอียดสูง เชื่อมต่อการสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัดด้วยระบบ Mazda Connect ที่สามารถรองรับระบบ Apple CarPlay และระบบ Android Auto พร้อมหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว
ควบคุมง่ายด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน
และยังเพิ่มสุนทรียะให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยระบบเสียงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ช่วยให้ช่วงเวลาบนรถเต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน และความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอีกหลายๆ เหตุผลที่ลูกค้าต่างชื่นชอบและการันตีความยอดเยี่ยมจากการใช้งานจริง ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นเหล่านี้จึงส่งผลให้รถยนต์มาสด้า3 กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับแรกที่ตอบโจทย์และเป็นที่ปรารถนาของใครหลายๆ คน สนนราคาเริ่มต้นเพียง 969,000 บาท
เรียกได้ว่าคุ้มค่าแก่การครอบครองในทุกมิติ ซึ่งจะเพิ่มสีสันและความสดใสในทุกๆ วัน ทำให้การเดินทางในแต่ละวันของคุณรู้สึกเหมือนการเดินทางเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และช่วยให้ค้นพบความสุขของการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " 9 เหตุผล! ที่ทำไมมาสด้า3 จึงเป็นพรีเมี่ยมคาร์ที่ควรค่าแก่การครอบครอง "