New McLaren Senna 798 แรงม้า ไฮเปอร์คาร์ที่พร้อมสนุกบนถนนและเร้าใจบนสนาม

New McLaren Senna 798 แรงม้า ไฮเปอร์คาร์ที่พร้อมสนุกบนถนนและเร้าใจบนสนาม

แม็คลาเรนได้แนะนำไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดจากตระกูล McLaren’s Ultimate Series ภายใต้รหัสตัวถัง P15 โดยใช้ชื่อทำตลาดว่า ‘Senna’ ซึ่งตั้งตามชื่อของ ‘Ayrton Senna’ นักแข่งระดับตำนานที่เคยครองแชมป์การแข่งขันรถสูตรหนึ่งในช่วงปี 1988, 1990-1991

แม้ McLaren Senna เป็นไฮเปอร์คาร์เวอร์ชั่นที่ไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อทะยานบนสนามแข่งโดยตรง แต่ก็ไม่เหมือนสเต็ป Street Use ซะทีเดียว เพราะสิ่งที่เห็นต่อหน้าคุณ มองยังไงก็คือรถแข่งชัดๆ ซึ่งแนวทางการออกแบบและผลิตของรถคันนี้ได้ถูกถ่ายทอด DNA มาจากสนามแข่งล้วนๆ ที่สำคัญทั้งหมดเสมือนสัญลักษณ์และเป็นเครื่องหมายการค้าที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านี้คือผลงานของ McLaren

 ไมค์ เฟิลวิตต์ หัวหน้าใหญ่ของแม็คลาเรน กล่าวว่า “องค์ประกอบของใหม่ของ McLaren’s Ultimate Series นี้ คือการมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพการขับบนท้องถนน รวมถึงการทำให้ผู้ขับและรถสามารถเชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อได้ทะยานอยู่บนแทร็ค”

 รูปทรงภายนอกของ McLaren Senna ดีไซน์เสมือนหยดน้ำ ซึ่งผสานเส้นสายที่เฉียบคมอย่างลงตัว โดยการออกแบบมุ่งเน้นความลู่ลมตามหลักแอโร่ไดนามิค เพื่อให้ลมที่มาปะทะด้านหน้าสามารถผ่านไปด้านท้ายอย่างลื่นไหล อีกทั้งยังสร้างแรงกดด้านท้ายอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง

สำหรับขุมพลังของ Senna เป็นบล็อก V8 สูบ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ พร้อมเกียร์แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 879 แรงม้า (800 PS) แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร (590 ฟุต-ปอนด์) มีอัตราส่วนระหว่างแรงม้าต่อน้ำหนักของ 650 แรงม้า/ตัน สามารถพุ่งทะยานจาก 0-96 กม./ชม. ภายในเวลา 2.5 วินาทีเท่านั้น และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 320 กม./ชม. ทำให้ Senna คันนี้กลายเป็นรถที่วิ่งได้เร็วที่สุดบนท้องถนนที่ถูกกฎหมาย และนอกจากมีโหมดการขับทั้งในแบบ Comfort, Sport และ Track ที่เราเคยเห็นใน P1 และ 720S แล้ว Senna ยังได้เพิ่มโหมด Race ที่พัฒนาขึ้นใหม่เข้ามาอีกด้วย

 ตัวถังน้ำหนักเบาของ Senna มาจากโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ที่พัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์ม 720S ผสานกับแผ่นรองบอดี้ซึ่งมีส่วนช่วยให้น้ำหนักตัวรถเปล่าลดลงเหลือเพียง 1,198 กก. ทำให้ Senna เป็นรถเวอร์ชั่นถนนเบาที่สุดนับตั้งแต่ McLaren F1 ได้ถูกผลิตขึ้นมา

McLaren Senna พร้อมให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะที่แท้จริงอย่างขีดสุดในทุกการขับขี่ แอนดี้ พาร์เมอร์ หัวหน้าโปรเจ็กต์ McLaren’s Ultimate Series เผยว่า “ด้วยอัตราส่วนของแรงม้าต่อน้ำหนักนับว่ามีความน่าอัศจรรย์อย่างมาก และในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถสร้างความตื่นเต้นและท้าทายได้ตลอดเวลา พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับในแบบฉบับที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อนจากรถคันอื่นๆ แน่นอน”

คาดว่าจะมีโอกาสได้เห็น McLaren Senna คันจริงในงาน Geneva Motor Show 2018 โดยการผลิตรถยนต์จะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 ด้วยจำนวนจำกัด 500 คันเท่านั้น