
มีตัวอย่างให้เห็นกันมากมายที่ทางผู้ผลิตฝ่าฝืนรูปแบบเดิมๆ ของรถที่คุ้นเคยกันดี และเริ่มหันมาทำสิ่งที่ใหม่ขึ้นและแตกต่างออกไปจากเดิม เพื่อเพิ่มกำไรและรักษาตัวเลขที่เติบโตขึ้นเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันเลย เพราะโดยคำจำกัดความแล้ว การเติบโตไม่สามารถจะถูกรักษาไว้ได้ตลอดไป
ทางด้าน Mercedes-Benz, BMW, Jaguar (พร้อม X-Type), Audi, Porsche และผู้ผลิตรถพรีเมียมรายอื่นๆ ได้พยายาม และมั่นใจเต็มที่กับความสำเร็จด้านกลยุทธ์ที่ออกมาในทุกๆ ครั้ง
ทางค่าย BMW ได้ขยายแบรนด์ลูกอย่าง MINI แต่เมื่อทาง Mercedes-Benz ได้ทดลองเชื้อเพลิงจากน้ำกับรถ A-Class เจนเนอเรชั่นแรก กลับล้มเหลว มันมีไอเดียดีๆ บางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ข้างใน แต่ได้รับการออกแบบทางด้านวิศวกรรมที่ไม่ดีพอ แม้ว่า A-Class จะเป็นรถที่ปลอดภัยทางด้านโครงสร้างสำหรับทุกวันนี้ก็ตาม นวัตกรรมทางเทคนิคอย่างหนึ่งเป็นความจริงที่ว่าเครื่องยนต์อาจย้ายไปอยู่ใต้ที่นั่งผู้โดยสาร เช่นเดียวกับ Citroen DS ในปี 1955
เมื่อพูดถึง A-Class เจนเนอเรชั่นที่สอง ได้มีการพัฒนาไปมากกว่าในรุ่นแรก และนำพา Mercedes-Benz ไปสู่อีก 8 ปีในการคิดว่าสิ่งที่คนต้องการคืออะไร สำหรับรถเจนเนอเรชั่นที่สามที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อปีที่ผ่านมา ได้รับการออกแบบพิเศษเพื่อดึงดูดผู้ซื้อวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่คาดคิดว่าจะสามารถมีเงินพอซื้อแบรนด์ระดับพรีเมียมได้ แต่ขณะนี้ สามารถทำได้แล้ว
ทางค่ายดาวสามแฉกกล่าวว่า โมเดลขับเคลื่อนล้อหน้า (A-Class รุ่นปัจจุบัน, B-Class และ CLA) จะทำให้เกิดความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำกลับไปสู่ระดับบนของแบรนด์ชั้นนำ ทาง Dieter Zetsche CEO จาก Daimler กล่าวต่อสื่อ Bloomberg News ว่า “ด้วยราคาที่เหมาะสม (กระทั่งคุณเพิ่มสิ่งพิเศษเข้าไป) ทางค่ายต้องการจะเอาชนะคู่แข่งอย่างถาวร”
พร้อมกันนั้น ยังพูดถึงไอเดียนี้ว่า “สิ่งที่เราคิดค้นขึ้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราจะดำเนินการตามนั้น จะไม่ถูกแทรกแซงด้วยสภาพการขึ้นลงของตลาด” สำหรับตลาดที่เขาพูดถึง แน่นอนว่าหมายถึงในยุโรป ซึ่งเป็นที่ที่คาดการณ์ว่าจะไม่ได้มียอดขายสูงที่สุด ในอเมริกาและจีน (เริ่มเปิดขายเดือนกุมภาพันธ์ 2014) ดูเหมือนจะเป็นตลาดหลักที่เป็นเป้าหมายของรถพรีเมียมขับเคลื่อนล้อหน้าคันนี้มากกว่า
การดำเนินการอาจจะไม่ได้เติบโตเต็มที่ เพราะทางค่ายยังคงตามรอย Audi ในไตรมาสแรกของปี 2013 ยอดขายที่กล่าวไว้เพิ่มขึ้น 3.5% จากเมื่อปีที่แล้วอีก ซึ่งเกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งของตัวเลข 6.8% ของ Audi และครึ่งหนึ่งของ 7% จาก BMW
ทางค่าย Mercedes เคยเป็นผู้ผลิตและผู้ขายรถหรูรายใหญ่ที่สุดในโลก จนกระทั่งเมื่อปี 2005 เมื่อ BMW คว้ามงกุฎไปครอง นอกจากนี้ ยังถูกลดอันดับโดย Audi ในปี 2011 และกลายเป็นที่สามตั้งแต่นั้นมา ทางค่ายกล่าวว่า กำลังจะกลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง และขณะที่ได้พยายาม ก็คาดว่าคงจะไม่ได้เกิดขึ้นในปี 2013 นี้แน่นอน
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Mercedes-Benz กับโมเดลขับเคลื่อนล้อหน้าที่ดีที่สุด "