Mini เผยโฉม Vision โฉมใหม่ รถแห่งอนาคตของแบรนด์

ได้รับการเปิดเผยแล้วที่งาน Mini Design@Home สำหรับโมเดล Vision ซึ่งเป็นงานศึกษาที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นการจัดแสดงถึงสไตล์แห่งอนาคตของทางแบรนด์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้นำความแตกต่างแบบเปลี่ยนโลกเช่นนี้มาสู่ Mini hatchback เจนเนอเรชั่นถัดไปที่กำลังจะมาถึง

ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยโดย Anders Warming หัวหน้าฝ่าย Mini Design โดยโมเดล Vision ยังประกอบด้วยอุปกรณ์สื่อสารมากมาย เช่น ระบบ Driving Experience Control ซึ่งจะทำให้ภายในห้องโดยสารทั้งหมด “ถูกปรับเปลี่ยนให้มีสีสันที่แตกต่างหลากหลาย และได้รับประสบการณ์บนโลกเพียงพริบตาเดียว”

การนำเสนอ Mini Vision ตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบ 3 มิติ เป็นเทคนิคซึ่งอนุญาตให้นักออกแบบทดสอบ และพัฒนาไอเดียสุดสร้างสรรค์ได้อย่างรวดเร็ว และภายใต้เงื่อนไขที่สามารถเป็นจริงได้

เห็นได้ชัดว่า งานดีไซน์ของ Mini Vision ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตของแบรนด์ แต่ก็ยังมีองค์ประกอบด้านความงามและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สื่อถึงอนาคตด้วยเช่นกัน สำหรับกระจังหน้า 6 เหลี่ยม เตือนให้นึกถึง Mini สุดคลาสสิก ลงตัวเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งกันชน และไฟเสริม

ไฟหน้า full-LED รูปวงรี ก็ดูไร้ที่ติ ดูเป็นการแบ่งแยกอย่างชัดเจนของหลังคา, กระจก และตัวถัง องค์ประกอบพื้นฐานอื่นๆ ได้แก่ แถบโครเมียมหุ้มรอบๆ ส่วนบนของตัวถัง, องค์ประกอบด้านข้างที่ดูแตกต่าง และแถบสีดำรอบตัวรถ

องค์ประกอบทั้งสามอย่างดูเชื่อมต่อกันกับงานเพ้นท์สี “Organo metal”, ความแข็งแรง และวัสดุที่ก่อเป็นรูปเป็นร่าง ที่ดูจะเชื่อมต่อระหว่างกันอย่างลงตัว

หลักอากาศพลศาสตร์ถือเป็นบทบาทสำคัญในการพัฒนา Vision คันนี้ โดยมาพร้อมช่องดักอากาศและช่องระบายอากาศรอบๆ โค้งล้อหน้าแต่ละอัน, ระบบไหลเวียนลมตรงขอบล้อ และกระจกด้านนอก รวมถึงสปอยเลอร์หลัง

ในส่วนของด้านหลังตัวรถดูแข็งแรงมาก โดดเด่นด้วยไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และท่อไอเสียคู่ ซึ่งวางอยู่ตรงกลางของกันชน สำหรับภายในห้องโดยสาร จะมาพร้อมตัวห้องโดยสารที่ดูเปิดโล่งและโปร่งแสง, ประตูขนาดใหญ่, เบาะนั่งเอกเขนกสุดพิเศษ และคอนโซลกลาง “แบบลอยได้”

ทั้งหมดที่กล่าวมา ดูเป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยมมาก และฉันคิดว่า มันน่าเสียดายที่ Mini ในเจนเนอเรชั่นใหม่ ไม่ได้ให้ลุคเช่นนี้