เทคโนโลยี e-Power คืออะไร? ไปทำความเข้าใจก่อนสัมผัสในรถยนต์ Nissan รุ่นใหม่ เร็วๆ นี้
หลายท่านคงจะพอทราบกันดีแล้วว่า เร็วๆ นี้ Nissan เตรียมที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในประเทศไทย โดยจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนเทคโนโลยีล่าสุดที่มีชื่อว่า e-Power ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีนี้ แต่ทว่าหลายท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ ว่าจริงๆ แล้วเทคโนโลยี e-Power มันคืออะไรกันแน่? สรุปจะเป็นระบบ Hybrid หรือจัดเป็น EV วันนี้ทางทีมงาน 9carthai.com จะพาไปไขความกระจ่างให้คุณได้เข้าใจกัน
ก่อนอื่นเลยต้องขอเล่าให้ฟังก่อนว่า จริงๆ แล้ว เทคโนโลยี e-Power มันถูกใช้งานมาแล้วในรถยนต์ของ Nissan ถึง 2 รุ่น ได้แก่ Nissan Serena e-Power และ Nissan Note e-Power เพียงแต่รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนั้น ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย
ซึ่ง Nissan เตรียมที่จะนำเสนอเทคโนโลยี e-Power นี้ ให้คนไทยได้สัมผัสในรถยนต์รุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเร็วๆ นี้
แล้วเทคโนโลยี e-Power คืออะไร?
เทคโนโลยี e-Power ก็คือ ระบบขับเคลื่อนที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง (แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV) เป็นตัวส่งกำลังไปสู่ล้อ แต่จะมีเครื่องยนต์คอยทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าไปจัดเก็บที่แบตเตอรี่ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “พลังงานไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นจากเครื่องยนต์ แต่ตัวรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบรถยนต์ EV ซึ่งไม่มีการเสียบชาร์จไฟ แต่ใช้วิธีการเติมน้ำมันเหมือนเดิม”
ถ้างั้น e-Power คือ EV หรือ Hybrid กันแน่?
ถ้าถามว่า e-Power คือ รถยนต์ไฟฟ้า EV ใช่หรือไม่? คำตอบคือไม่ใช่ เพราะตามกฏเกณฑ์แล้ว รถยนต์ไฟฟ้า EV จะต้องไม่มีเครื่องยนต์บรรจุอยู่ แต่!! ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เทคโนโลยี e-Power จะให้สมรรถนะการขับขี่ และฟิลลิ่งแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV นั่นเอง
ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกันกับระบบ Hybrid อ่ะสิ? คำตอบคือ ไม่เหมือน เพราะระบบ Hybrid นั้น จะมีการส่งกำลังทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า + เครื่องยนต์ ไปสู่ล้อ แต่เทคโนโลยี e-Power จะส่งกำลังไปสู่ล้อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หลักการทำงานของเทคโนโลยี e-Power
สำหรับหลักการทำงานของเทคโนโลยี e-Power ก็คือ เครื่องยนต์ทำงานเพื่อสร้างพลังงานส่งไปที่ > Generator เพื่อปั่นกระแสไฟส่งไปที่ > Inverter ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวเปลี่ยนกระแสไฟให้เป็น AC หรือ DC และควบคุมการจ่ายกระแสไฟว่าจะส่งไปจัดเก็บที่ > Battery หรือส่งไปขับเคลื่อนล้อที่ > Motor
ซึ่งเครื่องยนต์จะทำงานก็ต่อเมื่อ พลังงานใน Battery เหลือต่ำกว่า 40% หรือจังหวะที่ต้องการกำลังไฟมากเป็นพิเศษจากการเหยียบคันเร่ง และเมื่อมีกำลังไฟมากพอ หรืออยู่ในสถานการณ์การขับขี่ที่ Battery สามารถส่งกำลังได้เหมาะสม เครื่องยนต์ก็จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไป (เพราะเครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา)
ข้อดีของ e-Power คืออะไร?
1. อัตราเร่งดี เพราะ e-Power ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อน ซึ่งไม่มีระบบส่งกำลังอื่นๆ มาเป็นตัวหน่วง ฉะนั้นสมรรถนะการขับขี่ หรือฟิลลิ่งจะเป็นแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่เหยียบปุ๊บพลังมาเลย โดยมอเตอร์ตัวนี้ให้สมรรถนะสูงถึง 129 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร (แอบบอกใบ้ให้นิดหน่อย)
2. พลังขับเคลื่อนที่เงียบไร้เสียงรบกวน ก็อารมณ์เดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV นั่นแหละ ที่มีเพียงชุดมอเตอร์ในการส่งกำลัง ทำให้มีความเงียบในการขับเคลื่อน แต่ระบบ e-Power จะมีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์บ้างในบางครั้ง แต่ยังไงซะมันก็เงียบกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไปอยู่ดี
3. ไม่ต้องชาร์จไฟ อันนี้สำคัญมาก เพราะหลายท่านอยากใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็จริง แต่กังวลเรื่องการชาร์จไฟ หรือสถานีชาร์จไฟต่างๆ ที่ยังรองรับไม่เพียงพอ แต่ทว่าระบบ e-Power นั้น แม้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ใช้เครื่องยนต์ในการสร้างกระแสไฟ ทำให้ไม่มีระบบชาร์จไฟให้วุ่นวาย สามารถเติมน้ำมันตามปั้มได้อย่างรถทั่วๆ ไป
4. ประหยัดน้ำมัน เพราะเครื่องยนต์ไม่ได้มีการทำงานตลอดเวลา ฉะนั้น e-Power จึงให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีกว่ารถทั่วๆ ไปแน่นอน แอบรู้มาด้วยว่า รถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ มีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในเกณฑ์ของ ECO Car เลยทีเดียว (23.8 กม./ลิตร และปล่อยไอเสีย Co2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม.) แถมยังรองรับน้ำมัน E20 ด้วยนะ
ทั้งนี้คงต้องรอติดตามกันให้ดีแล้วละว่า เทคโนโลยี e-Power จะเปิดตัวมาพร้อมกับรถยนต์รุ่นไหน? แต่สำหรับใครที่ติดตามข่าวสารจาก 9carthai.com ก็คงจะรู้กันก่อนแล้ว เพราะได้นำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ (แต่ขอปิดไว้เป็นความลับหน่อยนะ เดี๊ยวไม่เซอร์ไพร์ส) ซึ่งตัวแปรสำคัญที่จะทำให้รุ่นนี้ขายดีหรือไม่ ก็คงจะอยู่ที่ราคาเปิดตัว เพื่อนๆ ว่าจริงไหม?
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " เทคโนโลยี e-Power คืออะไร? ไปทำความเข้าใจก่อนสัมผัสในรถยนต์ Nissan รุ่นใหม่ เร็วๆ นี้ "