
สำหรับโมเดล Juke รถตระกูล crossover ขนาดกะทัดรัด ที่นำเสนอในตลาดที่ยุโรป ล่าสุดได้รับการปรับปรุง โดยมาในเครื่องยนต์ dCi ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมแรงบิดที่เพิ่มขึ้น, อัตราประหยัดน้ำมันมากกว่าเคย, การปล่อยมลพิษน้อยลง และการใช้ระบบ Stop/Start
ด้วยการพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Renault เวอร์ชั่นใหม่ของเครื่องยนต์ดีเซลระบบไดเร็คอินเจ็คชั่น มาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่เบาลง รวมถึงความสามารถในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น และการประหยัดพลังงาน
แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20 Nm (15 lb-ft) ไปเป็น 260 Nm (192 lb-ft) ส่วนอัตราการใช้น้ำมันจะลดลงไปถึง 4.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (56 ไมล์/แกลลอน ในอเมริกา) และแน่นอนว่า อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน อยู่ที่ 109 กรัม/กม. โดยเน้นว่า ตัวเลขที่กล่าวมาเกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่น 4×2 ในรุ่น Juke 1.5 dCi
ในส่วนด้านเทคนิค มีการปรับปรุงระบบหัวฉีดแบบไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ระบบการเผาไหม้ดีขึ้น, ตอบสนองได้มากขึ้น, ระบบเทอร์โบชาร์จพร้อมความเฉื่อยที่ต่ำลง และเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นในส่วนของช่องอัดอากาศ
เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro6 ก็อยู่ในโมเดลคันนี้ด้วยเช่นกัน โดยมาพร้อมระบบ Start/Stop อัตโนมัติ ซึ่งมั่นใจได้ว่า เครื่องยนต์จะรีสตาร์ทภายในเวลา 0.5 วินาที ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงในอัตราส่วนของเกียร์ด้วยเช่นกัน โดยสัดส่วนระหว่างเกียร์ 1 และเกียร์ 2 จะสั้นลงเล็กน้อย เพื่อตอบสนองที่ความเร็วต่ำ ขณะเดียวกัน การคงอัตราส่วนเกียร์ 3-6 จะยาวกว่าเล็กน้อย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อแรงบิดที่เพิ่มขึ้น
สมรรถนะด้านกำลังทั้งหมดจะอยู่ที่ 109 แรงม้า (110 PS) ขณะเดียวกัน ตัวเลขในด้านอื่นๆ ยังคงเหมือนเดิม โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 175 กม./ชม. (109 ไมล์/ชม.) และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลา 11.2 วินาที และสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 dCi สามารถทำยอดขายได้ประมาณ 40% สำหรับยอดขายโมเดล Juke นับตั้งแต่การปล่อยออกสู่ตลาดในปี 2010
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " Nissan Juke เพิ่มแรงบิดและอัตราประหยัดน้ำมัน ในรุ่น 1.5 dCi "