รีวิว 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ ทั้ง On-Road และ Off-Road ขับดีขึ้น พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย
เมื่อวันที่ 27-28 สค. 58 ที่ผ่านมานี้ ทาง ฟอร์ด ประเทศไทย ได้จัดทริปทดสอบรถกระบะพันธุ์แกร่งอย่าง 2015 Ford Ranger ใหม่ ให้แก่บรรดาสื่อมวลชนได้ทำการทดสอบ โดยวางเส้นทาง กทม.-กาญจนบุรี เพื่อให้นักข่าวสายยานยนต์ ทั้งหลายได้ทดสอบขีดความสามารถของกระบะพันธุ์แกร่ง 2015 Ford Ranger ใหม่ ที่มากับสโลแกน “แกร่งเพื่อทุกความสำเร็จ”
โดย 9carthai เราได้จับคู่ทดสอบกับ รถหมายเลข 2 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 สีเทา Metropolitan Gray ซึ่งนับได้ว่าเป็นรุ่น Top of The Line ของ 2015 Ford Ranger ใหม่นี้ ซึ่งมีราคา 1,139,000 บาท
เพียงแค่เห็นรูปโฉมภายนอกใหม่ ของ 2015 Ford Ranger Wildtrak นั้นเราต้องเรียกว่ามันเป็นการปรับโฉมแบบ Big Minor Changed และอาจต้องทำให้คนที่ชอบกระบะสไตล์อเมริกันตาลุกเนื่องจากได้ถอดรูปลักษณ์อันดูแข็งแกร่งและบึกบึนพร้อมลุยมากยิ่งขึ้น
กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบสปอร์ต รวมถึงกระจกด้านข้าง ที่จับประตู ช่องลมด้านข้าง ราวเสริมขอบกระบะท้าย และไฟท้ายที่ใช้วัสดุเคลือบสีเทาดำแบบเมทัลลิก เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่ดุดันและโฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช้หลอดไฟซีนอน ขณะที่ไฟตัดหมอกปรับรูปลักษณ์จากทรงกลมเป็นเหลี่ยม รับกับกันชนหน้าใหม่
ล้ออัลลอยขนาด 18” ใน Wildtrak โฉมเก่า ถูกปรับปรุงใหม่ กัดเซาะให้มีสี Metallic ดูดุดันยิ่งขึ้น นอกจากนี้มีการติดตั้งกล้องมองหลังซ่อนอยู่ใต้โลโก้ Ford ที่ฝากระบะท้ายอีกด้วยโดยลิงค์ภาพมาที่หน้าจอคอนโซลภายในห้องโดยสาร
ห้องโดยสารภายใน 2015 Ford Ranger Wildtrak ใหม่ ต้องเรียกได้ว่า Big Minor Changed เช่นกัน การเลือกใช้สีส้มดำทูโทนเน้นความสปอร์ต เบาะหนังดำตัดด้วยผ้าสีส้มพร้อมตัวหนังสือ Wildtrak คอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังเดินด้ายสีส้มตลอดแนว เช่นเดียวกับตัวพวงมาลัย
นอกจากนี้ เทคโนโลยีออปชั่นครบครัน ทั้งเบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง, ระบบแอร์อัตโนมัติแยกโซน, หน้าจอทัชสกรีน 8” พร้อมระบบมัลติมีเดียที่รองรับทั้ง AUX SD Card USB CD พร้อมเชื่อมต่อมือถือผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 2 ใหม่, Wi-Fi Hotspot ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้แม้ระหว่างเดินทาง, ช่องต่อไฟ 230 โวลต์ สามารถชาร์จโน๊ตบุ๊คได้, ระบบกุญแจ MyKey, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่มาพร้อมปุ่มควบคุมครบครัน ทั้งสั่งงานด้วยเสียง หน้าจอ MID ครูซคอนโทรล เครื่องเสียง
บนแผงมาตรวัด ใหม่ ที่ดูทันสมัย ปุ่มควบคุมทางฝั่งซ้ายของพวงมาลัยจะควบคุมจอ MID ทางด้านซ้ายซึ่งจะเกี่ยวกับระบบมัลติมีเดียของตัวรถ
ขณะที่ปุ่มควบคุมฝั่งขวาของพวงมาลัยจะควบคุมจอ MID ทางด้านขวา ทั้งความเร็วเป็นตัวเลขดิจิตัล, เกจ์น้ำมัน, วัดรอบเครื่องยนต์, อุณหภูมิหม้อน้ำ, Trip, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้ เป็นต้น
ในรุ่นท๊อป 3.2 4×4 นี้เราจะพบปุ่มวงกลมใช้บิดเลือกระบบขับเคลื่อน 2H, 4H และ 4L พร้อมแผงควบคุม Parking Assist, ESP, Diff Lock และ HDC
เครื่องยนต์ดีเซล Duratorq TDCi VG เทอร์โบ 5 สูบ 3.2 ลิตร ให้พละกำลังแรงเต็มเปี่ยม 200 แรงม้า@3,000rpm และ แรงบิด 470 นิวตัน-เมตร@1,750-2,500rpm
ในการขับขี่ใช้งานจริงบนถนนนั้น พบว่าเครื่องแรงจริง กำลังมาหนัก พร้อมทอร์คสูง แต่ด้วยความที่ตัวรถหนัก และทอร์คของเครื่องยนต์ 5 สูบ อาจจะมาช้าไปเสียบ้าง แต่ถ้าเผลอเติมคันเร่งลงไปแบบพรวดเดียวในจังหวะกลับรถ คุณจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากล้อได้โดยง่าย นอกจากนี้ในจังหวะ U-Turn รถ ซึ่งอาจต้องระมัดระวังให้ดี แต่ด้วยรุ่นท๊อป 4×4 โฉมนี้มีระบบ ESP และ Traction ที่คอยช่วยเหลืออยู่ จึงอุ่นใจได้ระดับนึง ซึ่งเราไม่แนะนำให้มือใหม่ ปิดระบบ ESP กับเจ้า 3.2 Wildtrak นี้ถ้ายังไม่คุ้นชินกับรถกระบะขับหลังแรงบิดที่หนักเช่นนี้
ด้วยกำลังเครื่องที่มีให้แบบเหลือใช้ เช่นนี้ทำให้ Ford Ranger 3.2 นี้ ‘ขับขี่ได้อย่างสนุกจนอาจมีลืมไปว่านี่คือรถกระบะขับ 4 ยกสูง’ แต่จากการทดสอบซึ่งผู้เขียนได้เป็นผู้นั่ง และลองมองไมล์ขณะที่เพื่อนสื่อมวลชนได้ทดลอง Top Speed พบว่า ความเร็วโดนล๊อกที่ราวเกือบๆ 185 กม./ชม. ซึ่งในความเป็นจริงก็นับว่าเหลือเฟือเกินใช้แล้วกับรถกระบะขับ 4×4 ที่เกิดมาเพื่อลุยโดยแท้
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองนั้น ต้องเรียนตามตรงว่าในทริปทดสอบนี้รถ รถคันเราอาจไม่ได้เน้นตัวเลขในด้านอัตราสิ้นเปลืองมากนัก ซึ่งได้ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ราว 9 กม./ชม.+ เล็กน้อย กับรถกระบะเครื่องโต 3.2 ลิตรคันนี้
ในด้านของการควบคุมตัวรถนั้น ผู้เขียนขอชมว่านี่ล่ะสิ่งที่ดีงามที่สุดของ Ranger ใหม่
การปรับเปลี่ยนจากพวงมาลัยพาวเวอร์ไฮโดรลิก ปรับมาใช้เป็นแบบไฟฟ้า EPAS ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคาแรกเตอร์พวงมาลัยที่อยู่ใน Fiesta ที่มีความเบาหว๋อง ขณะจอดหยุดนิ่ง แต่เมื่อขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ จะพบความแน่นตึ๊บมือ ควบคุมได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ซึ่งอาการจะตรงกันข้ามกับพวงมาลัยไฮโดรลิกเช่นเดิม ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงคุณยังไว้ใจในการควบคุมได้มากกว่ากระบะแบรนด์ญี่ปุ่นคันอื่นๆ นอกจากนี้ การขับเข้าโค้งต่อโค้งนั้นเป็นอะไรที่สนุกมากไม่แพ้รถยนต์เก๋งเลย
ขณะที่ช่วงล่าง ก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงเช่นเดียวกัน ด้านหน้าปีกนกคู่ ด้านหลังแบบแหนบซ้อน แต่ได้มีการปรับค่า K สปริงใหม่ ให้คงความเป็น Passenger Pick Up มากยิ่งขึ้น จุดนี้มอบความประทับใจได้เป็นอย่างมาก ทรงของช่วงล่าง ดูดีแน่น เฟิร์ม แต่ไม่แข็ง โดยการขับขี่ผ่านพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบนั้น ยังคงให้ความหนักแน่นของช่วงล่างเช่นเคย แต่ยังคงซับแรงได้ดี ไม่รู้สึกสะเทือนจนนั่งแล้วอึดอัด เรียกได้ว่าช่วงล่างมีความยืดหยุ่น และผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
สำหรับระบบเบรก ที่เป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ตามมาตรฐานกระบะโดยทั่วไปนั้น ที่จริงแล้วเบรกมันมีประสิทธิภาพเพียงพอในการหยุดชะลอความแรงระดับ 200 ม้าได้ แต่ด้วยการเซ็ทแป้นเบรกที่ดูจะต้องกดแป้นลงลึก ลงน้ำหนักเท้ากันมากหน่อย จึงอาจทำให้ผู้ที่ชินกับการขับรถยนต์มาก่อน ต้องปรับการกะระยะเบรก หรือน้ำหนักเท้าให้เป็นคน “ตีนหนัก” มากขึ้น ซึ่งการเซ็ทแป้นเบรกเช่นนี้ ดูไร้น้ำหนักและเบรกทื่อไปเสียหน่อย
เทคโนโลยีความปลอดภัย Ford Ranger 3.2 4×4 คันนี้ อัดแน่นระบบช่วยการขับขี่มากมาย อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยข้าง, ม่านถุงลม, ระบบเบรก ABS และ EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว ESP และ ป้องกันล้อฟรี TCS, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัด HDC, ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง, ระบบลดความเสี่ยงจาการพลิกคว่ำ, สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า และหลัง เป็นต้น
ในส่วนถัดมาเราจะขอพูดถึงการขับทดสอบในรูปแบบ OffRoad จัดขึ้น ณ สนามฝึกขับและทดสอบยานพาหนะ ขส.ทบ. ท่าม่วง
จะถูกแบ่งการขับขี่ ออกเป็น 3 สเตชั่น ได้แก่
1. เริ่มต้นโดยให้ทดสอบกำลังเครื่องยนต์ในการไต่ขึ้นเขา พร้อมทดสอบระบบ HSA และ HDC โดยการขึ้น-ลงทางลาดชัน
โดยเริ่มต้นขึ้นทางลาดชันที่มีความชัน 50 องศา และลง 30 องศา ก่อนที่จะขึ้น 50 องศาอีกครั้ง และลงที่ 60 องศา
โดยการทดสอบนี้จะให้เราขับ Ranger 3.2 4X4 ตะกุยขึ้นทางชัน โดยมีการจอดค้างที่เนินเพื่อทดสอบระบบ HSAที่จะช่วยหน่วงแป้นเบรกเอาไว้ 2 วินาที เพื่อให้เราสามารถออกตัวได้ต่อโดยที่รถไม่ไหลกลับ ขณะที่การลงทางชัน เพียงแค่กดปุ่ม HDC ก็สามารถที่จะปล่อยเบรก ให้รถไหลลงเองได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งใน Ranger ใหม่นี้ จะควบคุมความเร็วให้ไม่เกิน 9 กม./ชม. เพิ่มความสะดวก ด้วยการเพิ่ม หรือ ลดความเร็วได้เองจากปุ่ม + – บนด้านขวาพวงมาลัย เหมือนการควบคุมความเร็วของ Cruise Control
2. การขับลุยทาง Off-Road ในรูปแบบต่างๆ
2.1) เริ่มจากการขับลุยเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหิน ซึ่งในช่วงนี้ เราจะได้ทดสอบความแน่นเฟิร์มของระบบช่วงล่าง Ranger ใหม่กันอย่างเต็มที่ ซึ่งการปรับเป็นโหมด 4H นั้นสามารถบิดได้ทันทีหรือที่เรียกกันว่า Shift on fly สามารถขับด้วยความเร็วระดับ 30-40 กม./ชม.รูดยาวไปได้จนสุดเส้นทาง
2.2) การขับลุยพื้นที่มีน้ำขังสูงระดับ 50-60 ซม. ในจุดนี้ จะต้องปรับลงมาที่โหมด 4L โดยการจอดรถเข้าเกี่ยร์ N ก่อนทุกครั้งแล้วจึงหมุนมาที่ตำแหน่ง 4L การขับลุยน้ำขังที่สูงนี้จะต้องการกำลังของเครื่องยนต์และเกียร์แรกที่มีอัตราทดสูง เพื่อเรียกกำลังในการไต่ ฉุดรถผ่านอุปสรรคไปได้โดยไม่ลำบากยากเย็นแต่อย่างใด ที่สำคัญ Ranger ใหม่ เคลมการขับลุยน้ำได้สูงถึง 80 ซม. เลยทีเดียว
2.3) เนินแบบลูกระนาดที่มีต่อเนื่อง โดยสามารถใช้โหมดการขับได้ทั้ง 4H หรือ 4L หากใช้ 4H จะต้องใช้การเลี้ยงเบรกในจังหวะหย่อนรถลงทุกครั้ง เพื่อความนุ่มนวล แต่ถ้าใช้ 4L กำลังฉุดที่สูงของเครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็น Engine Brake เองซึ่งช่วยให้ไม่จำเป็นต้องมาเหยียบเลียเบรกลงเนินกันโดยตลอด
3. หลังจบการทดสอบแบบ Off-Road ก็วนต่อมาในส่วนของสเตชั่น Gymkhana ซึ่งเป็นการจำลอง Track สั้นๆ วิ่งตามไลน์ที่ได้ตั้ง Pylon ไว้ โดยเริ่มต้นจากการ Slalom ต่อด้วยโค้งกว้าง โค้ง S และวนเลข 8 เป็นอันจบ Route แต่ไฮไลท์ที่การขับในครั้งนี้สร้างความประทับใจให้ผู้เขียน อยู่ที่พื้นผิว Track ไม่ใช่พื้นลาดยางแบบทั่วไปที่ขับกัน แต่เป็นพื้นกรวด ใช่! มันสนุกมากจริงๆ กับการขับรถกระบะที่มี ทอร์คสูง ร่วมกับพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ที่ให้การตอบสนองอันยอดเยี่ยมเบาคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ เราสามารถสาดโค้งท้ายออกได้อย่างสนุก โดยเฉพาะจังหวะวนเลข 8 ซึ่งคุณงามความดีของพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่นี้ ช่วยให้การ Counter Steering พวงมาลัย กลับมาตั้งลำตรงนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายซึ่ง เราชื่อว่ากระบะคันอื่นๆ คงจะทำได้ยากกว่านี้อย่างแน่นอน
สรุป 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ ที่เราได้สัมผัสแบบเต็มทั้งรูปแบบ On-Road และ Off-Road ในครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่การปรับโฉม ซึ่งยังคงใช้ขุมพลังบล็อกเดิม แต่ต้องถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ และน่าสนใจไม่แพ้กระบะเปลี่ยนโฉม Model Changed คันอื่นๆ
ฟีลลิ่งการขับที่ปรับปรุงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ซึ่งของเดิมนับว่าดีอยู่แล้ว) และระบบความปลอดภัย รวมไปถึงอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ ต้องเรียกได้ว่าทันสมัยไม่แพ้กระบะรุ่นใดเลย แม้อาจมีบางจุดที่ยังดูด้อยกว่าอยู่บ้าง อาทิ ไม่มีแอร์ตอนหลัง และระบบนำทางเป็นต้น
แต่โดยรวมแล้วหากคุณต้องการเป็นผู้นำในด้านความแกร่งอันเหนือชั้นเกินรถกระบะในตลาดแล้วล่ะก็ 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ จะเป็นรถทีตอบโจทย์ให้กับ LifeStyle ชอบลุยอย่างคุณได้แน่นอน
ขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย สำหรับทริปทดสอบ 2015 Ford Ranger ใหม่ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ ทั้ง On-Road และ Off-Road ขับดีขึ้น พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย "