รีวิว 2017 Honda City SV+ ใหม่ B-Sedan ออปชั่นแบบ C-Car หล่อหรูกว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี
หากพูดถึงรถยนต์ที่เปิดตัวใหม่ในประเทศไทยเป็นคันแรกของปี 2017 นี้แล้วล่ะก็ นั่นก็คือ 2017 Honda City ใหม่ ที่เปิดตัวไปเมื่อ ช่วงกลางเดือนที่แล้ว กับสโลแกน “Be Your Best” และหลังจากนั้น เพียงครึ่งเดือน เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมาทาง Honda Automobiles ได้ทำการจัดทริปทดสอบรถ 2017 Honda City SV+ ใหม่ ซึ่งทาง 9carthai เราได้รับเกียรติในทริปทดสอบครั้งนี้ด้วย
สำหรับเส้นทางการทดสอบในครั้งนี้เริ่มต้นออกเดินทางจากโชว์รูมและศูนย์บริการ AT Honda บางบอน เดินทางไปยังสวนผึ้ง ราชบุรี และเดินทางกลับมายังโชว์รูม AT Honda บางบอน โดยมีระยะทางกว่า 350 กม.
โดยรถทุกคันที่ได้ใช้ในทริปทดสอบนี้จะเป็นรุ่นท๊อป SV+ ทั้งสิ้น
พร้อมกันแล้วเราขอมาเริ่ม รีวิว 2017 Honda City SV+ ใหม่ กันเลยครับ
ภายนอก
2017 City ใหม่ ถือเป็นที่สุดของการออกแบบ เพราะมันเป็นรถ B-Car รุ่นแรกที่ให้ไฟแบบ Daytime Running Light แบบ LED และ Shark Fin Antenna (เสาอากาศแบบครีบฉลาม)
นอกจากนี้ City ใหม่ยัง มอบความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบโครเมียม พร้อมกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยลวดลายใหม่ ขอบ 16” หล่อเข้มกว่าเดิม
ขณะที่รายละเอียดด้านมิติ รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกอื่นๆนั้น 2017 City ยังคง ใกล้เคียงกับโฉมเดิม
ภายใน 2017 City ใหม่ ได้มอบความเป็นที่สุดของการโดยสาร เมื่อเปิดประตูออกด้วยกุญแจระบบ Keyless จะพบการตกแต่งภายในด้วยการใช้วัสดุหนังตกแต่ง โดยตัวเบาะจะเป็นแบบหนังปนผ้า
จุดที่ปรับเปลี่ยนไป แต่แอบอยากได้ของเดิม คือหน้าจอเครื่องเสียง Touch Screen แบบ Built in ของเดิมที่ดูกลืนไปกับคอนโซล ปรับใหม่ให้มีขนาดเล็กลง และมีช่องเสียบ USB และ HDMI จากทางด้านบนเลย ซึ่งของเดิมช่องเสียบจะอยู่ใต้คอนโซลด้านล่าง โดยชุดเครื่องเสียงถ่ายทอดผ่านลำโพงถึง 8 ตัว ในรุ่น SV+ คันนี้
พร้อมกันนี้เมื่อเข้าเกียร์ R จอตัวนี้จะเชื่อมต่อแสดงผลกล้องมองหลัง ซึ่งปรับได้ 3 ระดับ
จุดที่ผู้เขียนแอบชอบ ก็มีการเพิ่มลูกเล่นวงแหวนที่บริเวณโดยรอบขอบคันเกียร์ซึ่งแม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่ทันสมัย และสวยงามไม่เบา
นอกนั้นรายละเอียดโดยส่วนใหญ่ ก็จะเหมือนกับ City โฉมเดิม ที่อัดแน่นฟังก์ชั่นครบถ้วนอยู่แล้ว อาทิ
ปุ่ม Push Start, ปุ่ม ECON, ปุ่มปิด TCS (Traction Control) เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติอิสระ 2 โซน
พวงมาลัย 3 ก้าน polyurethane ปรับ 4 ทิศทาง มีสวิทช์ Multifunction และ Cruise Control รวมถึงปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ พร้อมแป้น Paddle Shift
ช่องจ่ายไฟ ทางด้านหลัง มีถึง 2 ช่องเอาใจคนชอบเล่น Smartphone
ด้านพื้นที่โดยสารตอนหลัง ยังคงกว้างขวางผู้ที่มีส่วนสูงมากๆ ก็ยังนั่งได้สบายไม่มีอึดอัด
สำหรับเบาะตอนหน้า ผู้เขียนแอบรู้สึกไม่ชอบ พนักพิงศรีษะเล็กน้อย เรื่องจากตัวหมอนหนุนดูจะไม่รับกับสรีระของศีรษะนัก
เบาะตอนหลังยังสามารถพับ 60:40 ได้ ในรุ่น SV และ SV+ ขยายพื้นที่ความจุในการเก็บของได้ไม่แพ้รถ Hatchback
เครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1,497cc จับคู่เกียร์ CVT 7 Speed รองรับน้ำมัน E85
ได้แรงม้าสุทธิ 117 แรงม้า @6,000rpm และ แรงบิด 146Nm@4,700rpm
มีตัวเลขเคลม อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 17.9 กม./ลิตร (เบนซิน) และปล่อย CO2 อยู่ที่ 133 กรัม/กม.
การขับขี่ใช้งาน หากขับด้วยโหมด ECON กำลังเครื่องยนต์จะถูกปรับให้การตอบสนองช้าลง ซึ่งจะประสานสอดคล้องกับ Eco Coaching ที่จะช่วย ไกด์ ให้คุณขับรถประหยัด ด้วยแถบสีบนมาตรวัด
แต่เมื่อขับแบบเน้นสมรรถนะ พบว่ากำลังเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ของ City นี้ยังทำได้ดีเหมือนเคย ถือเป็นรถที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรถในพิกัด B-Car เครื่อง 1.5 ลิตร
City ใหม่ ยังขับดีราบลื่นเหมือนเดิม การตอบสนองจากแป้นคันเร่งที่แม่นยำ ออกตัวเร่งแซงใช้งานทั่วไปยังทำงานได้ดีตามคาด ตีนต้นเพียงพอต่อการขับใช้งานเดินทางไกล ขณะที่ช่วงปลายก็ถือว่าไหลมาเทมาเรื่อยๆ ไม่ให้ผู้ขับขี่รู้สึกอัดอัดกับความเร็วช่วงกลางหรือช่วงปลายแต่อย่างใด
ระบบบังคับเลี้ยว City ใหม่ยังใช้พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงไฟฟ้า EPS รูปทรง 3 ก้าน Polyurethane เช่นเคย มันยังคงรัศมีวงเลี้ยว 5.3 ม. ช่วงการสาวพวงมาลัยเบาสบายมือ ที่ความเร็วต่ำตอบสนองถือว่าใช้ได้เลย ไม่ไวจนเกินไปนัก แต่ที่ความเร็วสูง ยังพบว่าน้ำหนักเบาไปอยู่หน่อย โดยรวมก็ถือว่าเป็นปกติ และทำหน้าที่ได้ดี กับการเซ็ทพวงมาลัยเพื่อใช้งานในการขับขี่แบบทั่วๆไป และสำหรับการเข้าโค้งตามทางบนเส้นสวนผึ้งนี้ ถือว่าการตอบสนองของวงเลี้ยวพวงมาลัยทำได้ต่อเนื่อง แม้จะไม่เฉียบคมในแบบรถสปอร์ต หรือฟีลลิ่งน้ำหนักที่ดูหนึบแน่น แต่ก็ช่วยให้การเข้าโค้งต่อเนื่อง ซ้าย-ขวา ทำได้อย่างคล่องตัวดีทีเดียว
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม
ตามสไตล์รถ Honda City มันยังคงนุ่มนั่งสบาย การใช้งานที่ความเร็วเดินทางปกติ ทำได้ดีพอสมควร ในทริปนี้ ผู้เขียนนั่ง 3 มีผู้โดยสารตอนท้ายนั่งด้วย จึงทำให้การขับขี่ที่ความเร็วสูง ทางด้านท้ายยังไม่โคลงเคลงแต่อย่างใด ซึ่งก็ถือว่าสอบผ่าน
ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน และด้านหลังเป็นแบบดรัม
แม่ว่าจะใช้เบรกหลังแบบดรัม แต่การตอบสนองของแป้นเบรกทำได้ดี และนุ่มนวล ขับขี่ใช้งานทั่วไป ลงน้ำหนักแป้นเบรกไม่ต้องหนักมากนักก็ชะลอความเร็วได้ดี เหมือน Honda City โฉมเดิม
ในด้านระบบความปลอดภัย 2017 City ถือเป็นอีกที่สุดของความปลอดภัย เพราะในรุ่น SV+ นี้ ให้ถุงลมนิรภัยมากถึง 6 ลูก
คู่หน้า 2, ด้านข้าง 2 และ ม่านถุงลมอีก 2
นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มให้มาตั้งแต่รุ่นล่าง ได้แก่ ระบบเบรก ABS, EBD, BA ระบบ TCS (ระบบป้องกันล้อลื่นไถล), VSA (ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว), HSA (ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน), ESS (ไฟฉุกเฉินติดอัตโนมัติเมื่อกระทืบเบรกกระทันหัน), กุญแจ Immobilizer
สรุป 2017 Honda City SV+ ใหม่ ยังคงเป็นรถ B Sedan ที่ยังคงออปชั่นครบถ้วนสมบูรณ์ ตอบโจทย์ ผู้ใช้ชาวไทยได้เป็นอย่างดี เพิ่มเติมคือ ความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมในคลาส ทั้งรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและหรูหรา ออปชั่นภายในที่อัดแน่นจัดเต็มทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก เรียกได้ว่าคุ้มค่า ในแบบที่ต้องหาในรถ Compact เลยก็ว่าได้ ซึ่งราคา 2017 Honda City ใหม่นี้ อยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่ สามารถจับต้องได้จริง!
จุดเด่น
ข้อสังเกต
2017 Honda City มีทั้งหมด 6 รุ่น
โดยมากับ 6 สี ให้เลือก ได้แก่ – สีน้ำเงิน Cosmic Blue, สีเงิน Lunar Sliver, สีขาวมุก White Orchid, สีเทา Model Steel, สีดำ Crystal Black และ สีขาว Taffeta White
ขอขอบคุณ Honda Automobile สำหรับทริปทดสอบ 2017 Honda City ใหม่ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว 2017 Honda City SV+ ใหม่ B-Sedan ออปชั่นแบบ C-Car หล่อหรูกว่าเดิม เพิ่มเติมเทคโนโลยี "