รีวิว 2017 Honda Jazz RS+ ใหม่ สปอร์ตแฮทช์แบ็ค รถหลากตัวตน ของคนวัยแจ๊ส
2017 Honda Jazz ใหม่ ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการผ่านโลกออนไลน์ไป เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวในครังนี้ ถือเป็นการปรับโฉม Minor Changed ที่เน้นเพิ่มเติมความสปอร์ต ให้กับ Jazz เจเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งถือเป็นรถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย และถือเป็นรถ Hatchback ยอดนิยมรุ่นหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Honda Automobiles ได้ทำการจัดกิจกรรมทดสอบ 2017 Honda Jazz RS+ ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปไลน์ ที่ตกแต่งในสไตล์สปอร์ต มาแทนที่รุ่น SV+ เดิม รุ่นเป็นรุ่นท๊อป
โดยการทดสอบนั้นได้มีขึ้นในพื้นที่บริเวณ กทม.-นนทบุรี เพื่อให้ตอบโจทย์ในความเป็นรถใช้งานในเมือง ซึ่งวันนี้ 9carthai เราจะขอมารีวิวให้รับชมกันครับ
การออกแบบภายนอก
2017 Honda Jazz ใหม่ ได้รับการออกแบบภายนอกด้วยแนวคิด Low Wide Gravity สะท้อนความโฉบเฉี่ยวในสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบด้านหน้าและด้านหลังให้ดูกว้างและปราดเปรียวมากขึ้นตามหลักอากาศพลศาสตร์ และใน รุ่น RS จะเน้นการออกแบบสไตล์สปอร์ตรอบคัน
ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมโลโก้ RS,
– กันชนหน้าที่มีลิ้นสปอยเลอร์หน้าในรูปแบบรถแข่ง
– Rear Diffuser ด้านล่าง และกรอบไฟตัดหมอกเป็นลวดลายคาร์บอนดูดุดัน
สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์ท้าย
ไฟหน้า-ท้ายแบบ LED พร้อมไฟ DRL ซึ่งพัฒนาในทิศทางเดียวกับ 2017 Honda City ใหม่
กันชนหลังแบบสปอร์ตมี Rear Diffuser ล่างซึ่งเป็นลายคาร์บอนเช่นเดียวกับด้านหน้า
กระจกมองข้างสีดำ แบบพับไฟฟ้า
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16”
การออกแบบภายในห้องโดยสาร
2017 Jazz RS+ ภายในยังตกแต่งด้วยโทนสีดำ
มาพร้อมเบาะนั่งสีดำลายใหม่ เพิ่มความสปอร์ตด้วยการใช้ด้ายสีส้ม
ในรุ่น RS พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งช่องเก็บของ กล่องเก็บแท็บเล็ต (เฉพาะรุ่น RS และ RS+) และที่วางแก้วน้ำสูงสุด 9 ตำแหน่ง ในรุ่น (S, S+, V, V+)
ในส่วนภายในที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ จากโฉมเดิมมองเห็นได้ชัด เหมือนกับ 2017 City คือ การใช้ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8” (รุ่น V+, RS และ RS+) ซึ่งมีขนาดลดลงจากของเดิม โดยโมเดลเดิมเป็นแบบฝัง Built In บนแผงคอนโซล แต่ยังคงรองรับการเชื่อมหลากรูปแบบ ทั้ง Bluetooth, HDMI, USB ส่งกำลังเสียงผ่านลำโพง 6 ตัว
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (เฉพาะรุ่น V+, RS และ RS+)
มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (เฉพาะรุ่น V, V+, RS และ RS+)
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ One Push Ignition System (เฉพาะรุ่น V, V+, RS และ RS+)
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ Honda Smart Key System (เฉพาะรุ่น V, V+, RS และ RS+)
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อม แป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัย
สวิทช์ขวามาพร้อมปุ่ม Cruise Control
สวิตช์ซ้ายควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย และปุ่มควบคุมจอ MID
นอกจากนี้ไฮไลท์ ยังเป็น เบาะนั่ง Ultra Seat ปรับเปลี่ยนรองรับ 4 โหมด ได้แก่
ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า@6,000rpm ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตร@ 4,700rpm รองรับน้ำมัน E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT โดยสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ผ่าน Paddle Shift หลังพวงมาลัย 7 สปีด
การขับขี่ใช้งานนั้น ให้ความใกล้เคียงกับ Honda City สไตล์การออกตัวเน้นการขับนุ่มนวล สไตล์รถใช้งานในเมือง แต่มีพละกำลังในเกณฑ์ที่พอเพียงสำหรับการเดินทาง ในช่วงเร่งแซงทั้งช่วงต้น ถึงความเร็วย่านปานกลาง ก็ยังทำได้อย่างไหลลื่น ไม่อืดแต่อย่างใด แต่กำลังอาจต้องรอใช้งานจากย่านแรงบิดกลาง-กำลังรอบเครื่องที่สูงเสียหน่อย
2017 Jazz ยังมาพร้อมระบบ Eco Coaching เช่นเดียวกับโฉม 2014 Jazz (เฉพาะรุ่น V, V+, RS และ RS+) ช่วย Guide ให้ขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปุ่ม ECON ที่ช่วยหน่วงคันเร่งไฟฟ้าให้ตอบสนองช้าลงอีก ส่งเสริมการใช้น้ำมันให้มีประสิทธิภาพ
ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียนผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS มีรัศมีวงเลี้ยว 5.1 ม. วงเลี้ยวจะแคบกว่า Honda City เล้กน้อย 0.2 ม. นอกนั้นฟีลลิ่ง โดยรวมไม่ต่างจาก Honda City การหักเลี้ยวเพื่อออกตัวไม่เบาเกินไป มีอาการหนืดหน่วงมือเบาๆ แน่นอนว่ามอเตอร์ไฟฟ้าช่วยผ่อนแรงในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง ที่ความเร็วสูงอาจจะเบามือไปสักนิด แต่การตอบสนองโดยรวมแล้วถือว่ากำลังดีกับการใช้งานทั่วไป
ระบบเบรก เป็นแบบดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ทางด้านหลังดรัมเบรกแม้แต่ในรุ่น Top RS+ คันนี้ก็ตาม
ด้านการหยุดชะลอ ก็ถือว่าไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ยังทำหน้าที่ได้ในเกณฑ์ดี นุ่มนวลเท้า ไม่ต้องกดแป้นเบรกกันลงลึก ก็สามารถหยุดรถชะลอความเร็วได้ดี มันมอบฟีลลิ่ง การตอบสนองแบบเดียวกับโฉมเดิม 2014 Jazz และ Honda City ตัวปัจจุบัน
ระบบช่วงล่าง 2017 Jazz ยังคงเป็นแบบ แม็กเฟอร์สัน สตรัท ทางด้านหน้า และ ทอร์ชั่นบีม H-Shape ทางด้านหลัง
ผู้เขียนพบว่า จากที่เคยได้สัมผัส 2014 Jazz SV+ ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปมานั้น ในโฉมนั้นยังคงเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก
แต่ในรุ่นปี 2017 RS+ พบว่า ช่วงล่างค่อนข้างเซ็ทมาให้มอบการขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น ช่วงล่างแข็งขึ้น ขับสนุกขึ้นที่ความเร็วสูง พร้อมรองรับการยึดเกาะในการเข้าโค้งด้วยความเร็วดียิ่งขึ้น ด้วยยางไซส์ 185/55/R16 ก็พอซับแรงได้บ้าง แต่เมื่อได้ลองมาเป็นผู้โดยสารพบว่ามันดูตึงตังกว่าโฉมเดิมอยู่พอควร แต่ก็ถือว่าเหมาะแล้วกับภาพลักษณ์ของรุ่น RS ที่เน้นความสปอร์ตตามดีไซน์ภายนอก
ระบบความปลอดภัย ยังคงให้มาแบบจัดเต็มเช่นเดียวกับ 2017 Honda City ได้แก่ ตัวถังนิรภัย G-CON
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ให้มาเป็นพื้นฐานทุกรุ่น
นอกจากนั้น ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS (ทุกรุ่น), ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag (เฉพาะ RS+) และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags (เฉพาะ RS+), กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ 130 องศา, 180 องศา และมุมมองจากด้านบน (เฉพาะรุ่น V+, RS และ RS+)
สรุป
2017 Honda Jazz ใหม่ ปรับโฉม Minor Changed ที่เน้นรูปลักษณ์ที่สปอร์ต และทันสมัยยิ่งขึ้น แม้ภายในอาจดูขัดใจจากการใช้เครื่องเสียงที่เปลี่ยนใหม่เล็กลงหน่อย แต่โดยรวมมันยังมาพร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลายในด้านการใช้งาน แถมขับสนุกพอตัว
ยิ่งในรุ่น RS+ ที่ได้ทดสอบนี้ แอบรู้สึกว่าการยึดเกาะดีขึ้น ขับแล้วมั่นใจมากขึ้น สำหรับวัยที่รักการขับแบบสนุกๆ มีซิ่งบ้าง
ขณะที่เทคโนโลยีอื่นๆ นั้นยังไม่ต่างจากเดิมนัก ซึ่งมาในราคาเท่าเดิมสำหรับรุ่นท๊อป แต่ได้ไฟ LED และรูปลักษณ์ที่โดดเด่นหล่อขึ้นกว่าเดิม ถือได้ว่า OK ลงตัว สำหรับผู้มองหารถ 5 ประตู Sub-Compact ที่ขับสบายใช้งานได้ตอบโจทย์หลากหลาย
2017 Honda Jazz ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น 6 ราคา ได้แก่
Jazz RS+ ราคา 754,000 บาท (รุ่นที่ทดสอบ)
Jazz RS ราคา 739,000 บาท
Jazz V+ ราคา 694,000 บาท
Jazz V ราคา 654,000 บาท
Jazz S CVT ราคา 594,000 บาท
Jazz S MT ราคา 555,000 บาท
2017 Honda Jazz ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาวทาฟเฟต้า, สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก), สีดำคริสตัล (มุก), , สีขาวออร์คิด (มุก) และสีใหม่ คือ สีส้มฟีนิกซ์ (มุก)
โดย
– สีส้มฟีนิกซ์ (มุก) และสีขาวออร์คิด (มุก) เฉพาะรุ่น RS และ RS+
– สีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น S, V และ V+
– สำหรับสีส้มฟีนิกซ์ (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท สีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท
ขอขอบคุณ Honda Automobiles สำหรับทริปทดสอบในครั้งนี้
ภณ เพียรทะนงกิจ Test Driver 9carthai
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
Honda jazz rs+ สนใจ