รีวิว 2017 Kawasaki Ninja 650 และ Z650 ตัวตายตัวแทน ER-6n, 6f ขี่ง่ายคล่องตัวราวกับขี่ 300cc
ในปีที่ผ่านมาช่วงท้ายปีนั้น Kawasaki ถือว่าจัดหนักจัดเต็มจริง กับโมเดลเปิดตัวใหม่ในประเทศไทย
เริ่มต้นที่งาน Intermot 2016 เมื่อต้นเดือน ต.ค. 2016 ที่ผ่านมา Kawasaki ได้เปิดตัวรถ 2017 Ninja 650 ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน คนไทยก็ได้สัมผัสตัวจริงกันตามมาติดๆ ด้วยการเปิดตัวขายในประเทศไทย
และหลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ Kawasaki ก็ได้เผยโฉม Z650 ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน ER-6n และขยายไลน์อัพ Z-Series ให้ครบทุกคลาส ในงาน EICMA 2016
และหลังจากเปิดตัวครั้งแรกในโลกเพียง 2 วัน ไทยเราก็จัดหนักเปิดตัวในประเทศไทยต่อทันที
ทั้ง 2017 Kawasaki Ninja 650 & Z650 สองโมเดลคลาส 650cc นี้ ได้รับความสนใจจากนักบิดชาวไทยไม่น้อย และเพื่อเป็นการเปิดต้อนรับศักราชใหม่ ปี 2017 ทาง 9carthai เราขอประเดิมรีวิวแรกของปี ด้วย รีวิว 2017 Kawasaki Ninja 650 & Z650 คู่หู Sport & Naked มิดไซส์ กันครับ
รถ 2017 Kawasaki Ninja 650 คันที่ได้มาทดสอบนี้เป็นสีดำ Metallic Spark Black มีราคา 299,500 บาท และ Kawasaki Z650 สีเขียว Candy Lime Green ราคา 2.83 แสนบาท
ภายนอก
ขอเริ่มที่ 2017 Kawasaki Ninja 650 ใหม่ ได้ถูกปรับโฉมให้มีรูปลักษณ์สปอร์ตชัดเจนขึ้น
หน้าตาที่พอรู้สึกได้ว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ใหญ่ ZX-10R ไฟหน้าเหลี่ยมคมกว่าโฉมเดิม มีทิศทางไปในแบบเดียวกับ 2017 Ninja 1000 ใหม่ แต่จะคงความเหลี่ยมคมมากกว่า
แฮนด์บาร์เดิม เปลี่ยนเป็นแบบยึดแผงคอด้านบน มอบฟีลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงความสบายที่ดีกว่า Ninja 300
บั้นท้ายนั้นดูสั้น และเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
เบาะปรับเป็นแบบสองตอนแยกชัดเจน พร้อมแฟริ่งด้านท้ายในแบบรถสปอร์ตตระกูลนินจาโมเดลอื่นๆ ไม่มีมือจับหลังแบบ ER-6 เดิมอีกต่อไป
ไฟท้าย LED ทรงใหม่รูปตัว X
ท่อไอเสียยังออกใต้ท้องเช่นเดิม แต่ปรับรูปทรงใหม่เล็กน้อย
สวิงอาร์มรูปทรงใหม่ เช่นเดียวกัน
ขณะที่ขนาดล้อและยาง ยังคงเดิม ด้านหน้าสวมยางไซส์ 120/70/R17 หลัง 160/50/R17 จาก Dunlop Sportmax
มาตรวัดใหม่ 2017 Ninja 650 ปรับรูปทรงใหม่ แบบ 2017 Ninja 1000 ดูทันสมัยและเท่กว่าเดิม ด้วย Backlight สีดำ
มาตรวัดรอบแบบเข็มทรงกลมตรงกลางมีบอกตำแหน่งเกียร์และนาฬิกา ด้านขวาจอบอกความเร็วตัวเลขดิจิตอล แสดงผลทั้งเกจ์น้ำมัน, ระดับความร้อน, Trip, อัตราสิ้นเปลือง, ระยะทางคงเหลือ, ไฟ ECO บอกการขี่แบบประหยัด
ปุ่มกดด้านบนกดเซ็ท Trip A, B
ปุ่มกดด้านล่างดู ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย + Realtime
2017 Ninja 650 มีลูกเล่น Shift Light ตั้งค่าได้ และยังมีเข็มที่ปรับเปลี่ยนสีได้ จากปกติสีใส เมื่อใกล้ถึงรอบเครื่องที่ Set ไว้จะเป็นสีชมพู และเมื่อถึงรอบเครื่องที่ตั้งไว้ จะเป็นสีแดง
2017 Ninja 650 มีน้ำหนักตัว 193 ก.ก. น้ำหนักลดลงเกือบ 20 ก.ก. ได้อานิสงค์จากเฟรมใหม่ ที่เบาเพียง 15 ก.ก. ช่วยให้มันเป็น Sport Middle Weight ที่เบามากคันหนึ่ง
เบาะสูงเพียง 790 ม.ม. เตี้ยลง 15 มม. ช่วยให้เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ในทุกสรีระ
ความจุถังน้ำมัน 15 ลิตร ขนาดเล็กกว่า ER-6 เดิม 1 ลิตร (เล็กกว่า Ninja 300 เสียอีก) ทำให้รู้สึกได้ว่าทรวดทรงองค์เอวดูจะกระชับขาหนีบมากกว่าเดิม จึงไม่แปลกใจเลย ที่สรีระโดยรวมนั้นดูใกล้เคียงกับรถ 300cc
ท่านั่งขี่ 2017 Ninja 650
แฮนด์แบบยึดแผงคอด้านบน ทำให้ตำแหน่งดูสูงกว่า Ninja 300 ใกล้เคียงกับ Ninja 1000 ดูไม่ต้องก้มมากนัก ขี่ได้สบาย ไม่เมื่อย ความสูงเบาะที่เตี้ยลงกว่าเดิมเกือบเท่า Ninja 300 ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะยืนคร่อมรถ
ถังน้ำมันขนาด Slim ที่มีมุมรับกับต้นขาเพื่อหนีบถัง ช่วยให้มันดูเล็กและคล่องตัว ทำให้ฟีลลิ่งโดยรวมขี่สบายกว่า Ninja 300 และเบาคล่องตัวในเมืองไม่แพ้กัน เมื่อพับกระจกขึ้น มุดลอดช่องการจราจรได้ง่ายดาย
ขณะที่เบาะผู้ซ้อนนั้นอาจจะนั่งไม่สบายเท่าโฉม ER-6 เดิม เพราะมันแคบลงในสไตล์ Ninja โมเดลอื่นๆ และไม่มีมือจับกันตกให้จับอีกต่อไป แต่โดยรวมก็ถือว่านั่งสบายกว่า Ninja/Z300 เนื่องจากเบาะนั้นมีขนาดบางจึงทำให้รู้สึกแข็งจากก้นกระแทก
มาต่อที่ Z650
เริ่มไล่ที่ไฟหน้าจะพบว่าดีไซน์แตกต่างไปจากพี่น้อง Z Series คันอื่นๆ ดูแล้วแอบคล้ายไฟหน้า BMW G310R
แผ่นบังเรือนไมล์ขนาดจิ๋วแบบที่มีใน ER-6n
ตำแหน่งไฟเลี้ยวอยู่ข้างบนเหนือไฟหน้าเล็กน้อย ไฟเลี้ยวทรงใหม่นี้มีความแหลมคมกว่าเดิมที่เน้นทรงเหลี่ยม
ไฟท้ายของ Z650 เมื่อไม่เปิดไฟจะเหมือน 2017 Ninja 650 คือเป็นรูปตัว X แต่เมื่อเปิดไฟ จะพบว่ามีลูกเล่นซ่อนอยู่ไฟจะโชว์เป็นตัวอักษร Z ซึ่งแตกต่างจาก Ninja ที่เป็น X เช่นเดิม
ปีกแฟริ่งข้างแบบ เปลือยขนาดเล็ก และไม่มีอกล่างแบบ Ninja
ในส่วนตัวถังน้ำมัน ครึ่งท้ายรถนั้นไปเรียกได้ว่าเหมือนกันแทบทั้งหมด มีต่างกันเล็กน้อยตรงที่วัสดุหุ้มเบาะ
Ninja 650 จะเป็นหนังแบบมันเงา Z650 จะเป็นลักษณะหนังแบบเกล็ดงู
มาตรวัด Z650 จะเป็นแบบเดียวกับ Z900 โดดเด่นที่ Backlight เป็นสีดำ และตกแต่งด้วยลายเคฟล่า มาตรวัดทรงครึ่งวงกลมเป็นตัววัดรอบเครื่องอยู่ที่ขอบด้านบน ซึ่ง Z650 จะไม่ใช้เข็มในการแสดงรอบเครื่องแต่จะใช้เป็นแถบไฟ LED วาดรอบเครื่องยนต์ แบบ ZX-10R จอแสดงผลตรงกลางเป็นตัวเลขบอกความเร็ว มีบอกตำแหน่งเกียร์ พร้อมทั้งแสดงผลทั้งเกจ์น้ำมัน, ระดับความร้อน, Trip, อัตราสิ้นเปลือง, ระยะทางคงเหลือ, ไฟ ECO บอกการขี่แบบประหยัด
ปุ่มกด ซ้ายกดเซ็ท Trip A, B
ปุ่มกดขวา ดู ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย + Realtime, นาฬิกา
Z650 มีน้ำหนักตัวเพียง 187.1 ก.ก. เบากว่า ER-6n ถึง 19 ก.ก. ด้วยกัน ซึ่งน้ำหนักตัวนั้นใกล้เคียงกับ MT-07 ถือได้ว่าเป็น Naked Middle Weight ที่เบาที่สุดคันหนึ่ง
ท่านั่งขี่ Z650
องศาแฮนด์บาร์ที่แคบ ตำแหน่งแฮนด์ไม่สูงไม่เตี้ยไป กำลังดี ช่วยให้การควบคุมวงเลี้ยวทำได้คล่องแคล่ว และมีวงเลี้ยวที่แคบ
เบาะที่ไม่สูงจนเกินไป ถังน้ำมันที่มีขนาดเล็กกว่า Z300 และมีมุมรับกับต้นขา ทำให้ความรู้สึกขับขี่นั้นคล่องแคล่วดีมากๆ ราวกับขี่ Z300 อย่างไงอย่างงั้น ขี่ในเมืองถือเป็น Naked Middle Weight ที่คล่องตัวเหมาะแก่การใช้งานในเมืองมากๆ แต่การมุดช่องจราจรอาจจะทำได้ไม่ดีเท่า Ninja ตอนพับกระจก เนื่องจากกระจกมองข้างอยู่ในตำแหน่งของกระจกรถยนต์พอดิบพอดี
ด้านเบาะคนซ้อนจะเป็นเช่นเดียวกับ 2017 Ninja 650 จึงไม่ขอกล่าวซ้ำ
เครื่องยนต์ ทั้ง 2 โมเดล ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ความจุ 649cc DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ บล็อกเดิมจาก ER-6 ได้ปรับปรุงใหม่ ให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 นอกจากนี้ยังเคลมอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นอีก 6.8% (ราว 23.4 ก.ม./ลิตร) ส่งผลให้แรงม้าตกลงเล็กน้อย 3 ตัว อยู่ที่ 68 PS@8,000rpm มีแรงบิด 65.7 Nm@6,500rpm
เริ่มกำคลัทช์เตะเกียร์ พร้อมออกตัว พบว่าน้ำหนักคลัทช์นิ่ม ขี่ในเมืองที่รถติดได้สบายๆ ขอบคุณระบบ Assist & Slipper Clutch ที่ใส่มาให้ จึงไม่เมื่อยนิ้วเท่ากับ Ninja 250 โมเดลแรกที่ผู้เขียนใช้อยู่ ด้านซุ่มเสียงนั้นก็ออกแหบๆ แตกๆ เช่นเคย อาจไม่ไพเราะเท่ารุ่นพี่ 4 สูบเท่าใดนัก
สำหรับการปรับจูนเครื่องใหม่ จะเน้นแรงบิดที่รอบต้นและกลางดีขึ้น ทำให้ช่วงออกตัวเปิดคันเร่ง แม้จะยังคงสไตล์เครื่อง 2 สูบที่มีอาการกระชากอยู่ แต่เมื่อเทียบกับ ER-6 คันเร่งดูสมูทขึ้นพอควร กระแทกคันเร่งออกได้ไม่เหวอ ในช่วงรอบ 3,000-6,000rpm จะให้แรงบิดที่โดดเด่น การใช้งานเร่งแซงในเมืองที่รอบเครื่องช่วงนี้ถือว่าทอร์คมีมาให้ใช้แบบลื่นไหลเพียงพอ
โดยรวมการใช้งานอัตราเร่งช่วงต้นทำได้ดีไม่แตกต่างจาก 650cc คันอื่นๆ แต่สังเกตได้ว่า ความเร็วปลายช่วง 170 กม./ชม. ขึ้นไปนั้น จะขึ้นช้าลงกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้
ด้าน Top Speed ที่ทางเราสามารถทำได้อยู่ที่ระดับ 200 กม./ชม. ไม่ไหลไปกว่านี้ ทดสอบในรุ่น 2017 Ninja 650 (2012 Ninja 650 โฉมเดิมผู้เขียนเคยทำได้ที่ระดับ 210 กม./ชม.) การทดสอบในครั้งนี้อาจมีปัจจัยมาจากสภาพอากาศขณะทดสอบ รวมถึงการแปะกล้อง Action Cam เพื่อดูความเร็วจาก Dashboard จึงทำให้ก้มคางติดถังมากไม่ได้
นอกจากนี้ Kawassaki 650 ทั้ง 2 คัน ยังมี ECO Indicator ซึ่งจะติดขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าคุณกำลังขับขี่อย่างประหยัด
ในด้านของอัตราสิ้นเปลืองตามเคลมนั้น 23.4 ก.ม./ลิตร จากการใช้งานจริงเราทำได้ที่ราว 19 ก.ม./ลิตร สำหรับการเดินทางผสมผสานการวิ่งในเมืองและชานเมือง
ระบบกันสะเทือน ทั้ง 2017 Ninja 650 และ Z650 ใหม่ ใช้ด้านหน้าโช้กอัพแบบตะเกียบ Telescopic ขนาดแกน 41 ม.ม.
โช้กหลังเดี่ยววางนอน (Horizontal back-link) ปรับ Preload ได้ วางตำแหน่งใหม่ จากเดิมเยื้องขวาถูกปรับมาวางตรงกลาง พร้อมกระเดื่องเพื่อใช้ในการซับแรง
แรกสัมผัส รู้สึกเลยว่า ให้ความนุ่มนวลมากกว่าเดิม เหมาะแก่การเดินทางแบบทัวร์ริ่ง นั่งสบายทั้งผู้ขี่ผู้ซ้อน แต่เมื่อมีผู้ซ้อนจะพบว่ามันนิ่มจนย้วยเกินไปเสียหน่อย รวมถึงการขี่ที่ความเร็วสูง หรือ นำไปเล่นพลิกโค้ง อาจจะดูย้วยไปนิด จึงทำให้ความรู้สึกเมื่อโยกรถเข้าโค้งเร็วๆ ดิ้นเล็กน้อย แต่ถ้าคุณไม่ได้จะเอาเจ้า 650 ทั้ง 2 คันนี้ ไปใช้งานแบบซิ่งๆ แล้วล่ะก็ มันเป็นรถที่ขี่ใช้งานและเดินทางได้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว
ระบบเบรก ABS ทั้ง 2 โมเดล ใช้เบรกแบบจานดิสก์หน้าคู่ขนาด 300 ม.ม. เดิมทีใช้ปั๊มเบรกจาก Tokico ได้เปลี่ยนมาใช้ของ Nissin 2 สูบ
เบรกหลังจานดิสก์เดี่ยวขนาด 220 ม.ม. คาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Nissin เช่นกัน
ครั้งแรกเลยที่สัมผัสได้ นั่นก็คือ ฟีลลิ่งน้ำหนักเบรกที่ดูหนักแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย ER-6 เดิมที่ใช้ปั๊ม Tokico จะให้ความรู้สึกแบบเดียวกับค่าย Suzuki เบรกดูหนือและไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร ซัดมาแรงๆ อาจพบอาการไหล ต้องเผื่อระยะเบรกมากกว่าที่ควรจะเป็น ขณะที่โฉมปี 2017 นี้ ให้น้ำหนักที่ดีขึ้นรู้สึกได้ว่าเบรกได้หนักแน่นขึ้น เช่นเดียวกับ Honda 650f แต่ แต่ด้วยน้ำหนักรถที่เบากว่าค่ายปีกนกอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้ระยะทางการหยุดรถนั้นสั้นและกระชับกว่าแบบสัมผัสได้เลย
สรุป
2017 Kawasaki Ninja 650 และ Z650 ใหม่ นี้ ถือเป็น 2 คู่หูมิดไซส์ จาก Kawasaki ที่เปรียบเสมือน นำเหล้าเก่ามาปรับปรุงสูตร บรรจุลงขวดใหม่ ให้ดูทันสมัย ในด้านการขับขี่ให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป จุดสำคัญคือ มันเป็นมิตรกว่าเดิม แม้รูปลักษณ์จะดูสปอร์ตขึ้น ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาลง เบาะเตี้ยลง และระบบกันสะเทือนที่นั่งโดยสารได้สบายขึ้น (เว้นแต่ตัวเบาะตอนหลังนั่งลำบากขึ้น)
โดยรวมแล้วคู่หูมิดไซส์ ทั้ง 2 คันนี้ ขี่ง่ายขึ้น เบา พลิ้ว แทบไม่ต่างจากรถ Entry Class เลยด้วยซ้ำ
ด้วยความแรงที่ตกลงเล็กน้อย ทำให้ความเร็วปลายนั้นตกลงเล็กน้อย แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะคุณงามความดีในด้านความมิตรในการขับขี่นั้นช่วยให้ทั้งคู่ เป็นรถที่โดดเด่นไม่แพ้คู่แข่งมิดไซส์แบรนด์อื่นเลย
เป็นคุณจะเลือกรุ่นไหน?
2017 Ninja 650 เป็นรถสปอร์ตมิดไซส์ แต่ยังคงความสบายในการขับขี่ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ก็ไปได้ทุกที่ เมื่อพับกระจก ซอกแซกการจราจรที่คับคั่งทำได้ราวกับเป็น Ninja 300
Z650 เป็นรถ Street Fighter ในคลาส Mid Sized โดดเด่นจาก น้ำหนักเบา องศาแฮนด์แคบ ทำให้วงเลี้ยวแคบ มอบความคล่องตัวแบบ Z300 มุดซอกแซกได้ง่าย หากถอดกระจกออกสบายตัวอย่างแน่นอน แต่ถ้าเดินทางไกล อาจจะไม่เหมาะ เพราะไม่มีวินชิลด์อย่าง Ninja และ แฮนด์บาร์องศาแคบ ดูจะไม่มั่นคงที่ความเร็วสูงเท่าแฮนด์จับบนแผงคอแบบ Ninja รวมถึงการเทโค้งด้วยความเร็วแฮนด์บาร์แคบที่ให้ความคล่องตัว แต่อาจให้การควบคุมได้ไม่ดีนักเมื่อต้องใช้ความเร็ว
จุดเด่น
ข้อสังเกตุ
ขอขอบคุณ Kawasaki Motaoholic สำหรับรถทดสอบ 2017 Kawasaki Ninja 650 & Z650
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver & Photo
อำพล มูลทองสุข Co-Driver & Photo
Engine type | Liquid-cooled, 4-stroke Parallel Twin DOHC, 8 valves |
displacement | 649 cc |
bore x stroke | 76 x 55 mm |
compression ratio | 10.8:1 |
maximum power | 68 PS@8,000rpm |
maximum torque | 65.7 Nm@6,500rpm |
Fuel Injection | Fuel injection: ø36 mm x 2 with dual throttles valves |
Exhaust | Stainless steel muffler |
Gearbox | 6-speed, return |
Clutch | Wet multi-disc, manual |
Frame | Tubular steel Trellis frame |
Front suspension | ø41 mm telescopic fork |
Rear suspension | Horizontal Back-link with adjustable preload |
Front Tyre | 120/70ZR17M/C (58W) |
Rear tyre | 160/60ZR17M/C (69W) |
Front brake | Dual semi-floating ø300 mm petal discs, Dual piston |
Rear brake | Single ø220 mm disc Single-piston |
Dimension | |
Length x Width x Height | 2,055 mm x 740 mm x 1,135 mm (Ninja650), 2,115 mm x 775 mm x 1,080 mm (Z650) |
Curb weight | 193 kg (Ninja650), 187 kg (Z650) |
Seat height | 790 mm |
Wheelbase | 1,410 mm |
Fuel tank capacity | 15 L |
รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
รถยอดนิยม
Mazda 2 ราคาเริ่มต้น 546,000.
Mazda 3 ราคาเริ่มต้น 969,000.
Mazda CX-3 ราคาเริ่มต้น 769,000.
Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 499,000.
Nissan Kicks ราคาเริ่มต้น 889,000.
Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 599,000.
Honda City ราคาเริ่ม 579,500.
Honda City Hatchback ราคาเริ่ม 599,000.
Honda City e:HEV ราคา 839,000.
Honda Civic ราคาเริ่ม 874,000.
Mitsubishi Triton ราคาเริ่มต้น 539,000.
Mitsubishi Xpander ราคาเริ่มต้น 789,000.
Mitsubishi Pajero Sport ราคาเริ่มต้น 1,299,000.
Toyota Revo ราคาเริ่มต้น 544,000.
Toyota Yaris ATIV 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 529,000.
Toyota Yaris 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 539,000.
Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 989,000.
Toyota Fortuner ราคาเริ่มต้น 1,319,000.
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว 2017 Kawasaki Ninja 650 และ Z650 ตัวตายตัวแทน ER-6n, 6f ขี่ง่ายคล่องตัวราวกับขี่ 300cc "